
บทย่อ
เพราะความอ่อนเดียงสาจึงต้องตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชายร้ายกาจ จนยากจะถอนตัวเพราะถูกผูกมัดด้วยเสน่หาจำต้องยอมทน ................................................... “ต่อไปนี้เธอมาเป็นผู้หญิงของฉัน...ฉันจะรับผิดชอบเธอเอง” ปราบเอ่ยออกมาหนักแน่นฟังคล้ายคำประกาศิต “คะ...?” หญิงสาวไม่เข้าใจ ที่เขาพูดมานั้นหมายความว่าอะไร ดวงตากลมโตที่แลสบประสานกับดวงตาสีนิลเป็นครั้งแรก เต็มไปด้วยความกังขา “แต่อย่าฝันเฟื่องไปไกล เข้าใจใช่ไหมว่าเธอควรอยู่ตรงจุดไหน”
1
“ปะ.....ปล่อย...ปล่อยหนู...อื้อ...”หญิงสาวพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดจากวงแขนแข็งแกร่งของผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่อยู่ในอาการเมามายและเมามันดุจดั่งพยัคฆ์กำลังขย้ำสมันน้อย
ทิพย์วารีหรือที่คนในบ้านเรียกว่าหนูน้ำหัวใจแทบหยุดเต้น หล่อนไม่ได้มีอาการวาบหวามสั่นสะท้านนอกจากความตื่นกลัวฉายชัดอยู่ในดวงตากลมโต เมื่อใบหน้าคร้ามคมฝังจมูกซุกไซ้อยู่กับทรวงอกเต่งตึงของวัยสาวที่ไม่เคยมีใครกล้ากระทำอุกอาจเยี่ยงนี้ ดอกบัวคู่งามต้องชอกช้ำแสบระคายเพราะไรเคราที่เขาปล่อยยาวกว่าที่เคย เท่านั้นคงยังไม่หนำใจริมฝีปากหยักได้รูปขบเม้มดูดดึงจนปวดแปลบ
“อ๊า......” หญิงสาวหัวใจสั่นไหวระริก คิดหาทางเอาตัวรอดจากคุณปราบ ผู้ชายที่กำลังจะพรากพรหมจรรย์ที่หวงแหนมาตลอดเกือบยี่สิบปี ถึงเขาจะเป็นชายในฝันของใครหลายคน แต่เขาก็เพียบพร้อมแลดูสูงส่งจนหญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาตรง ๆ สักครั้งโดยเฉพาะในดวงตาสีนิลที่ดูลึกลับเหมือนมีพลังบางอย่างที่พร้อมทำลายล้างทุกสิ่ง
“อยากจะไปจากฉันมากนักใช่ไหม....น้องอร” เสียงห้าวลึกเค้นออกมาอย่างโกรธขึ้งในขณะที่มือใหญ่ฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกจากร่างเล็กที่พยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างไม่ปราณี
“นี่น้ำนะคะ.....มะ...ไม่ใช่คุณอร..ดูให้ดี ๆ ก่อนสิคะคุณปราบ...ปล่อยหนู.......”
หญิงสาวดันไหล่หนาออกห่างแต่มันหาได้ทำให้ร่างใหญ่สะเทือนไม่ ทิพย์วารีขึ้นมาทำความสะอาดห้องนอนของปราบตอนหัวค่ำ เพราะคุณอาภามารดาของเขามอบหมายให้เธอเป็นคนดูแลแต่เพียงผู้เดียว
คงถึงคราวซวยของเด็กสาวเพราะวันนี้อยู่ร่วมกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจนเย็นกว่าจะกลับก็เกือบค่ำและไม่คิดว่าเจ้าของห้องจะกลับเร็วขนาดนี้ ปกติเขาจะกลับดึก ๆ ดื่น ๆ เสียเป็นส่วนใหญ่บางทีก็อยู่ค้างที่คอนโดเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ไม่รู้เวรกรรมอะไรทำให้เธอต้องมาเจอกับเขาในสภาพที่เมามายเช่นนี้
“ผู้หญิงสับปลับ ผู้หญิงหลอกลวง”
“คุณปราบปล่อยค่ะ...น้ำไม่ใช่.....อื้อ...” ทิพย์วารีขอร้องเสียงสั่นน้ำตาไหลพรากไม่รู้จะพาตัวเองรอดออกไปได้อย่างไร
ชายหนุ่มไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรับรู้สิ่งรอบตัวมีแต่ความอัดแน่นในใจ เขาสลัดเสื้อผ้าตัวเองออกไปในขณะที่ยังกักเก็บคนใต้ร่างเอาไว้ไม่ให้ขยับหนีหายไปได้.....
กลิ่นกายสาวยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ดิบเถื่อนของคนที่ไม่มีสตินึกคิดผิดชอบชั่วดี กลับยิ่งเตลิดไปกับเนื้อหวาน ๆ ใต้ร่าง มือใหญ่ตะโบมโลมลูบจนสาวไม่เดียงสาสั่นสะท้านเรือนร่างเปลือยเปล่าแข็งแรงบดเบียดเข้าหาไม่ลดละขณะที่ทิพย์วารีหายใจแทบไม่เป็นจังหวะ บางครั้งก็กระชั้นถี่บางทีก็แทบจะหยุดหายใจเมื่อมีบางสิ่งปัดป่ายอยู่ใกล้อวัยวะที่แสดงความเป็นหญิงไร้ซึ่งสิ่งปกปิดจึงโดนพิชิตตามชอบใจ
เสียงกรีดร้องออกจากปากจิ้มลิ้มเมื่อโดนรุกล้ำจาบจ้วงโดยไม่ทันตั้งตัว แต่เสียงนั้นก็ถูกกลืนหายลงไปในลำคอ ด้วยมือใหญ่เอื้อมมาตะปบปิดปาก น้ำตาที่ไหลพรากไม่ขาดสายก็ไม่ช่วยอะไร ในเมื่ออีกคนมีแต่ความคลุ้มคลั่งบวกกับความเคียดแค้นที่เอามาลงผิดคนหรือเปล่าทิพย์วารีก็มิอาจคาดเดาเพราะตลอดระยะเวลาที่หล่อนเข้ามาอาศัยในบ้างหลังนี้ เขาก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบขี้หน้าไม่อยากเสวนาด้วยโดยไม่รู้สาเหตุ หล่อนจึงได้แต่หลบหลีกหนีหน้าไม่พาตัวเองมาเกะกะขวางหูขวางตาทำดีที่สุดได้แค่นี้จริง ๆ
กว่าพายุร้ายจะสงบลงทิพย์วารีก็แทบจะสิ้นสติหล่อนกัดฟันหอบร่างพัง ๆ ขาสั่น ๆ ของตัวเองออกจากห้องของคนใจร้ายก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมากระทำย่ำยีหล่อนได้อีก
“หญิงสาวกลับเข้าห้องนอนทางปีกซ้ายที่คุณอาภาจัดให้ไว้คนละทิศกับลูกชายที่อยู่ทางปีกขวา แต่ในที่สุดก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ เพราะความโง่เง่าสะเพร่าของหล่อนเองแท้ ๆ ทิพย์วารีเข้าไปอาบน้ำชะระล้างคราบคาวที่ทำยังไงก็มิอาจลบเลือนไปจากจิตใจได้ หล่อนหมดอาลัยตายอยากได้แต่กอดตัวเองนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงจนกระทั่งหลับผล็อยไปทั้งอย่างนั้น
