7
ปราบเห็นแล้วก็ขำ......ถ้ายัยเด็กนี่รู้ว่าเขาตั้งใจซื้อให้ตัวเองจะดีใจขนาดไหนนะ...แต่ยังก่อน ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละ ก็ใครใช้ให้หล่อนน่าแกล้งแบบนี้กันล่ะ...
“ขึ้นมานอนได้แล้ว....”
“คุณปราบกลับห้องไปก่อนสิคะ” ทิพย์วารีไม่ยอมขยับ
“ฉันบอกให้ขึ้นมา” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม เขาไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่งโดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้นเปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือของเขาด้วยแล้ว ยิ่งไม่ได้เด็ดขาด
“ไม่ค่ะ....คุณออกจากห้องหนูก่อนสิคะ”
“ทิพย์วารี อย่าท้าทายฉัน”
หญิงสาวนั่งปักหลักอยู่ข้างพี่มึน หล่อนเริ่มกลัว ความกล้าที่ใช้ต่อต้านเขามันมีอยู่ น้อยนิดเต็มทีและตอนนี้เสียงของคุณปราบก็บ่งบอกว่าเจ้าตัวใกล้หมดความอดทนเต็มที ทิพย์วารีสับสนไม่รู้จะทำยังไงได้แต่นั่งคิดกลับไปกลับมา
“ว้าย !...” จู่ ๆ ร่างเล็กก็ลอยขึ้นสู่วงแขน ก่อนจะถูกโยนลงบนที่นอนไม่ทันได้ตั้งตัว…พร้อมกับร่างหนาที่ตามลงมาคร่อมทับกักคนใต้ร่างเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหนี
“คุณปราบอย่าทำหนู...” ดวงตากลมโตมีน้ำใส ๆ เอ่อมาคลอเต็มลูกตาดูน่าเวทนา
“ทำไมถึงได้กลัวฉันนักหนา...” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อนลง
“คุณเกลียดหนู....คุณปราบทำร้ายหนู....ฮึก.....” ทิพย์วารีร้องไห้ออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์คืนนั้น ที่เปรียบเสมือนแผลในใจที่หล่อนอยากจะลืมแต่ก็ลืมไม่ได้สักที
“ฉัน.....ฉันขอโทษ...ที่ทำไปไม่ใช่เพราะเกลียดแต่ฉันเมาเธอก็เห็น...มันเกิดขึ้นแล้วฉันย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้วแต่ก็จะรับผิดชอบเธอเอง.....” เป็นครั้งแรกที่เขายอมรับความจริง ยอมขอโทษผู้หญิงตัวเล็ก ๆ
“แต่หนู....” ทิพย์วารีสับสน
“ไม่ต้องแต่แล้วเด็กดื้อ....เป็นผู้หญิงของฉัน ต้องเชื่อฟังฉันรู้ไหม” นิ้วแข็งคีบปลายจมูกแดง ๆ อย่างมันเขี้ยว
“หนูไม่อยากเป็นผู้หญิงของใครนี่คะ”
“เธอเป็นไปแล้ว และก็จะต้องเป็นจนกว่าฉันจะอนุญาตให้เธอเลิกเป็น” ชายหนุ่มประกาศอย่างเอาแต่ใจ
ทิพย์วารีได้แต่หลับตาจำยอมรับชะตากรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างน้อยก็อีกสองปี จนกว่าหล่อนจะเรียนจบ ถึงตอนนั้นค่อยหาทางออกจากสถานภาพอันน่าอดสูนี้อีกที
ปราบเห็นคนใต้ร่างสงบลงจึงได้เลื่อนตัวลงนอนข้าง ๆ รั้งร่างบางเข้ามากอดไว้แนบอกไม่คิดจะลวนลามมากไปกว่านี้ ต่างคนก็ต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง.......
ทิพย์วารีตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่าคนใจร้ายไม่ได้หายไปไหน ยังนอนอยู่ข้างกายพร้อมกับกอดรัดราวกับตัวหล่อนเป็นหมอนข้าง ทั้งกอดทั้งก่ายแต่ทำไมหล่อนยังนอนหลับสบายทั้งคืน
หญิงสาวค่อย ๆ เลื่อนตัวออกมากำลังจะสำเร็จแล้วเชียว แต่โดนตวัดกลับไปเสียก่อน
“คุณปราบ....”
“อืม....” ชายหนุ่มยังหลับตาพริ้มเหมือนไม่ต้องการให้รบกวน
“ปล่อยค่ะ หนูจะลงไปช่วยงานในครัว” ในเมื่อตื่นแล้วก็ทำใจไม่ได้หรอกที่ยังนอนให้เขากอดอยู่แบบนี้
“เป็นผู้หญิงของฉัน ดูแลฉันคนเดียวก็พอไม่ต้องไปเกะกะคนอื่น” แขนแข็งแรงดึงเรือนร่างนุ่มนิ่มเข้ามาหาจนแทบจะจมหายเข้าไปในอก สะโพกงอนสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่มันดุนดันอย่างหยาบคาย...
“ตะ...แต่หนูไม่อยากให้ใครรู้นี่คะ..” ทิพย์วารีใจสั่นกับสิ่งที่เผชิญอยู่ หล่อนต้องการพาตัวเองออกไปให้ห่างจากเขาโดยเร็วที่สุด
“ทำไม”
“หนูอายค่ะ...” หญิงสาวตอบอุบอิบ ในหน้าแดงซ่าน
“เฮอะ......นึกว่าฉันพิศวาสเธอนักหรือไง...มันแค่เรื่องธรรมชาติของผู้ชายก็แค่นั้น อย่าสำคัญตัวผิดเข้าใจไหม” ปราบหงุดหงิดยัยเด็กโง่ เป็นผู้หญิงของเขาแทนที่จะดีใจแต่กลับอายเสียนี่...เป็นแบบนี้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องทีหลังก็แล้วกัน…….
ทิพย์วารีลงมาช่วยทำอาหาร ตั้งโต๊ะอาหารเช้าตามปกติแต่หล่อนหลีกเลี่ยงที่จะอยู่คอยบริการไม่อยากเจอกับสายตาคมดุ ที่เหมือนจะกดดันหล่อนอยู่ตลอดเวลา
“คุณป้าขา...สวัสดีค่ะ” หญิงสาวดีใจ ราวกับเห็นพระมาโปรด หล่อนออกมาเดินสูดอากาศที่สนามหน้าบ้านจึงได้เห็นคุณอาภากลับเข้ามาก่อนใคร
“เป็นไงที่ป่วยหายแล้วเหรอ” คุณอาภาถามอย่างห่วงใย
“หายแล้วค่ะ....หนูคิดว่าคุณป้าจะกลับพรุ่งนี้เสียอีกค่ะ”
“อืม...ทีแรกป้าก็ว่าจะกลับพรุ่งนี้นั่นแหละ พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งเขาไม่ค่อยสบายเลยต้องกลับก่อนกำหนด ทีนี้ก็เลยเป็นห่วงนั่นห่วงนี้ พากันกลับมาทั้งกลุ่ม”
ทิพย์วารีโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่คุณอาภากลับมาเสียที อย่างน้อยหล่อนคงไม่โดนคนใจร้ายรังแกได้ตามอำเภอใจหญิงสาวจึงเดินหิ้วกระเป๋าตามหลังคุณอาภาเข้าไปในบ้านอย่างสบายใจ
“อ้าว...ตาปราบวันนี้ไม่มีนัดกับน้องอรหรือไงถึงได้อยู่ติดบ้านได้” คุณอาภาแปลกใจที่วันหยุดแบบนี้ลูกชายยังไม่ออกไปไหน ปกติจะไม่ค่อยเจอหน้ากันนักหรอก กลับดึกจนตื่นไม่ไหว หรือไม่ก็ออกไปกับแฟนแต่เช้าตรู่
“ครับ...” ปราบตอบสั้น ๆ ที่ไม่มีใครแปลออกว่าเขาหมายถึงอะไร และก็ไม่มีใครกล้าถามด้วย แม้แต่คุณอาภาที่ไม่กล้ากวนใจลูกชาย เท่าที่เขากลับมาพักที่บ้านหล่อนก็ดีใจแล้ว...หมดหวังที่จะทำความเข้าใจกันได้ ก็ได้แต่อยู่กันไปแบบนี้....หล่อนได้แต่แอบหวังว่าบุญกุศลที่หล่อนเพียรสร้างจะส่งผลให้ลูกชายคนเดียวคลายความชิงชังต่อแม่บังเกิดเกล้าลงได้บ้าง ทุกวันนี้เหมือนมีเส้นบาง ๆ กางกั้นทั้งคู่ไว้ตลอดเวลา....
