5
ทิพย์วารีพยายามสลัดความรู้สึกสับสนออกจากใจ รู้ตัวว่าสภาพร่างกายไม่พร้อม หญิงสาวจึงรีบเข้าไปอาบน้ำถึงแม้ตัวยังรุม ๆ เพื่อจะได้นอนพักผ่อนให้สบายตัวเตรียมตัวเตรียมใจรับกับวันพรุ่งนี้ที่ยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิต
ปราบยืนถือกุญแจสำรองอยู่หน้าห้องของทิพย์วารี หลังจากเขากลับออกไป ได้ไปทำกิจกรรมมากมายทั้งออกกำลังกาย กินอาหารเย็น อ่านรายงานของบริษัทฆ่าเวลาก็แล้วพอจะเข้านอนก็ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ ไม่รู้ทำไมเขาจะต้องมาห่วงยัยเด็กนี่ด้วย ในที่สุด ชายหนุ่มก็ตัดสินใจไขกุญแจเข้าไปภายในห้อง
หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นในเช้าวันใหม่ ไม่มีอาการปวดหัวตัวร้อนอีกแล้ว แต่ทำไมมันถึงอึดอัดขยับตัวลำบาก
“คุณปราบ ! ..” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปเห็นปลายคางที่มีไรเคราเขียวรำไรถึงกับตัวแข็งค้าง
“ตื่นมาก็ทำเสียงหนวกหู น่ารำคาญ” ชายหนุ่มกอดกระชับร่างบางทั้งที่ยังไม่ลืมตา
“คุณเข้ามาในห้องหนูทำไมคะ...ปล่อยนะ” ทิพย์วารีพยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดคนดุแต่ก็ไม่เป็นผล ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้อยู่กับอกกว้าง
“อุตส่าห์เข้ามาดูแลทั้งคืนนอกจากไม่สำนึกแล้วยังจะกล้าทำเสียงแข็งใส่ฉันอีกเหรอ”
“ก็คุณมากอดหนูทำไมล่ะคะ”
“ทำไมจะกอดไม่ได้ ในเมื่อเธอเป็นผู้หญิงของฉัน” ยิ่งออกฤทธิ์ ยิ่งอยากแกล้งคงจะเริ่มมีแรงแล้วสินะ
“หนูไม่เป็นอะไรกับคุณทั้งนั้น ออกไปจากห้องหนูนะ” ทิพย์วารีโกรธหล่อนเหมือนคนถูกต้อนให้จนมุม ถ้าไม่หันมาสู้ก็มีแต่แพ้พ่ายไม่ต่างอะไรกับหมาจนตรอก เขาเห็นหล่อนเป็นลูกไก่ในกำมือหรือไงถึงได้ทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
“อย่าเรื่องมากน่า ฉันจะนอน”
“อ๊าก.!!....” ทิพย์วารีไม่ยอม หล่อนกัดแผงอกแข็ง ๆ นั่นด้วยฟันคม ๆ จนเจ้าตัวร้องลั่น
“ยัยเด็กบ้า...เล่นอะไรวะ” ปราบคลำรอยที่ถูกกัดจนเลือดซิบ เพราะเขานอนถอดเสื้อไม่อย่างนั้นไม่มีทางได้เลือดเขาแน่นอน...แสบนักนะ...
ทิพย์วารีตกใจ ตาเบิกโพลงเมื่อเห็นผลงานของตัวเองหล่อนแค่ต้องการให้เขาปล่อย ไม่ได้คิดจะทำร้ายจนเลือดตกยางออก
“หนูขอโทษ....หนูขอโทษค่ะคุณปราบ” หญิงสาวลุกขึ้นนั่งยกมือไหว้ ละล่ำละลักเอ่ยขอโทษปากคอสั่น
“เธอต้องชดใช้ยัยตัวแสบ” ปราบดึงเรือนร่างบางลงมา พลิกตัวขึ้นคร่อมก่อนจะเลิกชายเสื้อขึ้นเปิดเผยเนินอกขาวผ่องพร้อมกับร่องรอยช้ำที่เขาทำไว้เมื่อคืนก่อน
“อย่า....คุณปราบอย่ากัดหนู” ทิพย์วารีหลับตาปี๋คิดว่าไม่รอดแน่ หล่อนจะต้องโดนเขากัดคืนแน่ ๆ หญิงสาวโดนกักจนขยับไม่ได้ ได้แต่นอนเกร็งตัวรอรับชะตากรรมด้วยใจอันสั่นระทึก
“ขะ...คุณปราบ.....อ๊า....” หล่อนไม่ได้โดนกัดอย่างที่คิด แทนที่จะเป็นความเจ็บปวดแต่กลายเป็นความรู้สึกประหลาด...เสียวแปลบปลาบแถวยอดอกที่โดนฉกชิมเร่งระรัวจากปลายลิ้นเปียกชื้นก่อนจะวนจูบซับแผ่วเบาราวกับจะลบรอยที่เขากระทำไว้อย่างป่าเถื่อน หญิงสาวลืมตามองคนตัวใหญ่ตาปรอยเมื่อเขาถอนใบหน้าออกมา
“เป็นไง....จะให้ต่อไหม” ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างพอใจ
“มะ...ไม่ค่ะ..” ทิพย์วารีได้สติรีบปฏิเสธพัลวัน
“ลุกขึ้นได้แล้ว นอนยั่วกันอยู่ได้เดี๋ยวก็ไข้กลับหรอก” ชายหนุ่มตัดใจลุกออกจากเรือนร่างบอบบางก่อนจะดึงให้หญิงสาวลุกขึ้นตามมาด้วย...
ทิพย์วารีแอบถอนหายใจ คนบ้าอะไรตัวเองไม่เคยทำผิดโทษคนอื่นตลอด ๆ ๆ ...
ทิพย์วารีลงไปช่วยในครัวซึ่งหล่อนทำเป็นประจำโดยเฉพาะวันหยุด หญิงสาวชอบทำอาหารจึงได้อาศัยเรียนรู้กับป้าเอียดและคนอื่น ๆ เพราะเหตุนี้หล่อนจึงสนิทสนมและเป็นที่รักของทุกคนในบ้าน ยกเว้นก็แต่คุณปราบคนเดียวเท่านั้น ที่ประกาศชัดเจนว่าไม่ชอบหน้า...และหล่อนก็ไม่เคยเข้าไปวอแวด้วย ยกเว้นหน้าที่ทำความสะอาดห้องของปราบ หล่อนก็เลือกเข้าไปเฉพาะตอนเขาไม่อยู่เท่านั้น เพราะคุณอาภาไม่ชอบให้คนอื่นขึ้นไปยุ่งวุ่นวายชั้นบน ส่วนนางเอียดก็เดินขึ้นลงไม่ค่อยไหวเหมือนสาว ๆ แล้ว นาน ๆ จึงจะขึ้นไปสักครั้ง
“หายดีแล้วหรือคะหนูน้ำ” นางเอียดเอ่ยถามอย่างห่วงใย มีคำถามมากมาย หล่อนอยากจะถามเรื่องที่เห็นคุณปราบเข้าไปดูแลในห้องนอนแต่ก็ไม่กล้า เพราะมันจะดูละลาบละล้วงจนเกินไปถึงแม้หญิงสาวจะน่ารักไม่ถือเนื้อถือตัว แต่ทุกคนก็จะต้องรู้ขอบเขตเนื่องจากคุณอาภาดูแลหล่อนราวกับลูกสาวคนหนึ่งซึ่งก็เหมือนเป็นเจ้านายอีกคน
“ค่ะ...ป้าเอียด...แล้ววันนี้จะทำขนมอะไรหรือคะ” หญิงสาวพยายามจะเปลี่ยนเรื่องเกรงว่าผู้สูงวัยจะถามในเรื่องที่หล่อนลำบากใจ
“หนูน้ำอยากกินอะไรล่ะคะ”
“หนูไม่ค่อยอยากกิน แต่อยากทำช่อม่วงค่ะ มันสวยดี”
“ได้สิคะ...ไม่ยากเลย”
“ถ้าอย่างนั้น หนูไปเก็บดอกอัญชันให้นะคะ” ทิพย์วารีอาสาพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกไปอย่างกระตือรือร้น
“โอ๊ะ.....คุณปราบ” ทิพย์วารีเบรกจนตัวโก่ง เกือบชนเข้ากับคนตัวใหญ่อย่างกับยักษ์วัดแจ้งที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ขวางอยู่ตรงประตูครัวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครเห็น
“ซุ่มซ่าม” ต่อว่าหน้านิ่ง
“ขอโทษค่ะ”
“ตามฉันมา”
