30
“พี่ปราบ!...สิรินนึกว่ากลับไปแล้วซะอีก” หญิงสาวปรับสีหน้าท่าทางให้แลดูอ่อนหวานขึ้นมาทันที ต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ
“ว่าไง...มีปัญหาอะไรกัน….” ชายหนุ่มเห็นท่าทางคุกคามของสิริน ทำให้เขาไม่ไว้ใจจนต้องลงมาดูด้วยตัวเอง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...พอดีสิรินเข้ามาทำความรู้จักเด็กในบ้านของพี่ปราบเพราะอีกหน่อยคงได้คุ้นเคยกันมากกว่านี้น่ะค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหูตาแพรวพราว
“น้ำไม่ใช่แค่เด็กในบ้าน แต่เธอสำคัญกว่านั้นมาก” ปราบย้ำชัด....ไม่พอใจที่สิรินพูดจากดให้คนอื่นดูต่ำกว่าตน ทั้งที่พฤติกรรมของหล่อนนั้นต่ำตมเกินกว่าจะเอามาเปรียบเทียบกับยัยตัวเล็กของเขาได้
ทิพย์วารีตกใจแหงนหน้ามองคนตัวสูง อ้าปากค้างตาโต ที่เขาประกาศออกไปแบบนั้น...แต่มือใหญ่ก็เอื้อมมาเกาะกุมมือเล็กเอาไว้อย่างให้กำลังใจ…ความจริงอยากจะกอดมากกว่าแต่ก็เกรงใจสถานที่ ไม่อยากทำอะไรประเจิดประเจ้อ
“อ้าว...สิรินก็นึกว่าเด็กรับใช้เสียอีก เห็นเมื่อวานนั่งทำขนมอะไรสักอย่าง.....งั้นพี่ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะน้องน้ำ” สิรินหันมายิ้มกับคนตัวเล็ก แต่ทำไมมองเหมือนว่าหล่อนกำลังแยกเขี้ยวก็ไม่รู้ เพราะตาของหล่อนไม่ได้ยิ้มด้วยเลย....
ทิพย์วารีได้แต่ยิ้มแหย ๆ มองคนนั้นทีคนนี้ที...วางตัวไม่ถูก
สิรินจำต้องถอยไปตั้งหลัก หล่อนเดินจากมาหน้าชาดิก...ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจกว่าที่คิด...เชอะ...คนตาต่ำเด็กนั่นมีดีอะไร หน้าตาก็จืดชืดเป็นน้ำยาเย็น.......
“พี่ปราบ ทำไมไปบอกกับเธออย่างนั้นล่ะคะ” ทิพย์วารีเอ่ยออกมาหน้าตาแดงก่ำ
“หรือจะให้พี่บอกว่าเธอเป็นเมียของพี่ดีล่ะ” ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มนัยน์ตาพราวระยับ
“อย่านะคะ.... หนูจะไปเรียนแล้วค่ะ” หญิงสาวพยายาม ดึงมือออกมา อายคนแถวนี้แทบจะแทรกแผ่นดินหนี…
“ตั้งใจเรียนล่ะ เดี๋ยวเย็นพี่มารับไปเลือกแหวน” ชายหนุ่มก้มลงมากระซิบชิดริมหูก่อนจะปล่อยมือแล้วเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี….
ทิพย์วารียืนอึ้งอยู่เป็นนานสองนาน ไปเลือกแหวน...แหวนหมั้นเหรอ...หญิงสาวหน้าตาเห่อร้อนอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้....กว่าจะได้สติก็รีบกระหืดกระหอบเข้าห้องเรียน
“มัวทำอะไรอยู่ เกือบสายเลยนะหรือว่าโดนพี่ปราบกวน” พธูมาถึงก่อนนานแล้วเอ่ยถามเพื่อนที่เพิ่งจะรีบวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น…หล่อนยิ้มล้อเลียนเมื่อเห็นพวงแก้มของเพื่อนสาวแดง ๆ
“พธู !...เดี๋ยวเถอะ” ทำไมเช้านี้เจอแต่เรื่องน่าตกใจนะ
“ไม่ต้องอายหรอกน่า.....เรื่องธรรมดาจะตาย” พธูกระซิบพอให้ได้ยินกันสองคน แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ อาจารย์ก็เข้ามาซะก่อน
ทิพย์วารีแทบจะเรียนไม่รู้เรื่อง สมองคิดวนเวียนแต่กับเรื่องที่เป็นความวุ่นวายใจในเช้านี้...ทำไมถึงได้มีแต่เรื่องยุ่ง ๆ พุ่งเข้าชนด้วยนะปกติหล่อนเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว เพื่อนสนิทก็มีแต่พธูกับโรมเท่านั้น...หญิงสาวมัวแต่คิดกลับไปกลับมาเสียเวลาไปแบบไม่ได้ความรู้เข้าสมองเลยสักนิดจนกระทั่งเวลาล่วงเลยจนถึงพักกลางวัน
“พธู....เรากลับบ้านก่อนนะ” ทิพย์วารีบอกเพื่อนรักเพราะตอนนี้รู้สึกว่าสมองอ่อนล้าอยากพักเต็มที
“อะไรกันยัยน้ำ...บ่ายนี้ไม่มีเรียนฉันกะว่าจะชวนไปเดินดูของสักหน่อย” พธูทำหน้าผิดหวัง
“เอาไว้วันหลังก็แล้วกันนะจ๊ะ...คนเก่ง” ทิพย์วารีปลอบเพื่อนสาว....เพราะวันนี้หล่อนไม่ไหวแล้วจริง ๆ อยากหลับตาพักสมองเงียบ ๆ
“ก็เราอยากดูวันนี้นี่...แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่ดูก็ได้” หญิงสาวทำเป็นงอนใส่
“นั่นไง....โรมมาแล้ว....ไปกับนายโรมแทนนะจ๊ะเพื่อนจ๋า” ทิพย์วารีบอกยิ้ม ๆ
“มีอะไรกันเหรอจ๊ะสองสาว ได้ยินว่าพูดถึงฉันอยู่ใช่ไหมมีอะไรให้รับใช้ครับ” ชายหนุ่มทำเป็นถามพร้อมกับปั้นหน้าอย่างหล่อ……
ฮึ.....คงมีใครบอกว่ายิ้มแล้วดูดีล่ะสิท่า เจอกันทีไร พ่อคุณก็ขยันยิ้มเสียเหลือเกิน...พธูหมั่นไส้คนหน้าตาดีตรงหน้า
“แอบด่าฉันในใจอีกแล้วเหรอยัยพธู” โรมยื่นหน้าเข้าไปจ้องมองตาพธูใกล้ ๆ ตั้งใจกวนอารมณ์มากกว่าอยากรู้จริง ๆ
“อย่ามาแสนรู้...” หญิงสาวผงะถอย ไม่อยากเข้าใกล้หล่อนเป็นคนตั้งกำแพงไว้ซะสูงลิบ ห้ามชายหนุ่มคิดไม่ซื่อเด็ดขาด เพื่อนก็คือเพื่อน แต่กลับเป็นหล่อนเองที่รู้สึกแปลก ๆ จึงได้แต่จิกกัดกลบเกลื่อนทุกครั้งที่เจอกัน
