บท
ตั้งค่า

25

“ไปลูก...ทานอาหารเช้ามาหรือยัง...เอ๊ะ...ผอมไปหรือเปล่า” คุณอาภาสำรวจตรวจตราให้แน่ใจ

“ยังเลยค่ะคุณป้า...พี่ปราบปลุกมาแต่เช้าเลยทำไม่ทัน ตั้งใจจะมาฝากท้องกับป้าเอียดนี่แหละค่ะ

“พูดให้คนแก่ดีใจอีกแล้วค่ะหนูน้ำ......” นางเอียดยิ้มร่า...เด็กหนอเด็กพูดจาไม่กี่คำก็ทิ้งพิรุธเพียบ ถูกใจนางเอียดเสียจริง

ตั้งแต่ทิพย์วารีกลับมา....บ้านที่เงียบเหงาก็มีเสียงพูดคุย หัวเราะหยอกเย้ากันเป็นระยะ หญิงสาวบีบนวดให้คุณอาภาไม่ห่าง ไถ่ถามพูดคุยกันสนิทสนมยิ่งกว่าลูกแท้ ๆ เสียอีก พอได้เวลาเตรียมอาหารก็ไปช่วยในครัวพูดคุยกับพี่ ๆ ป้า ๆ ที่พากันคิดถึงความน่ารักสดใสของเจ้าหล่อน หญิงสาวพูดเก่งเวลาที่อยู่ท่ามกลางคนที่นี่......แต่หล่อนจะสงบปากสงบคำก็เฉพาะกับคนคนเดียวเท่านั้นแหละ....

เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจเพิ่งจะเงียบสงบลงตอนที่ชายหนุ่มมาดขรึมกลับเข้ามาในบ้าน ทุกคนเก็บคำทำหน้าที่ของตนไปเงียบ ๆ ทั้งที่เขาไม่ได้ยุ่งวุ่นวายกับใครแต่ทุกคนมักจะเกรงใจซึ่งอาจจะเป็นเพราะพลังงานบางอย่างที่เพียงแค่มองก็สามารถสร้างความกดดันให้กับคนรอบข้างก็เป็นได้

“แม่นึกว่าลูกจะไม่กลับมาทานข้าวเสียอีก....” คุณอาภาพยายามหาเรื่องคุยกับลูกชายคนเดียวซึ่งวางตัวเข้าถึงยากเหลือเกิน....

“เสร็จธุระพอดีครับ” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ แต่ก็ดูเหมือนจะอ่อนลงมามาก ถึงอย่างไรก็ยังเป็นแบบถามคำตอบคำอยู่ดี เขาเดินไปหย่อนสะโพกลงนั่งข้าง ๆ ทิพย์วารี ทั้งที่ปกติเขาจะนั่งอีกฝั่งหนึ่งเป็นประจำ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรได้แต่สื่อสารกันทางสายตา ทั้งที่คันปากกันยิบ ๆ นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่แทบจะอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน ออกมาเป็นระยะ

“กินเข้าไปเยอะ ๆ” ปราบพูดกับคนตัวเล็กราวกับบนโต๊ะมีกันอยู่แค่สองคน ชายหนุ่มแกะเนื้อปูนึ่งเอาไปวางบนจานของคนข้าง ๆ อย่างเอาใจ

“ขอบคุณค่ะ พี่ปราบพอแล้วค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าไม่กล้าสบตาใครสักคน ไม่รู้ว่าคนข้างตัวต้องการอะไรกันแน่ จู่ ๆ คงไม่ได้นึกเป็นห่วงเป็นใยหล่อนขึ้นมาหรอกนะ....ป่านนี้พวกพี่ ๆ ป้า ๆ จะนึกอย่างไร ไหนจะคุณป้าที่นั่งเงียบเฉย เพราะไม่ได้เงยหน้าหล่อนจึงไม่รู้ว่าท่านทำหน้าอย่างไร

“กินเข้าไปเถอะน่า เราน่ะตัวแค่กะเปี๊ยกยังจะกินเหมือนแมวดมอีก เมื่อไหร่จะโต..หึ......” ชายหนุ่มเอ็ดไม่จริงจังนัก...ออกแนวเอ็นดูมากกว่า ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าโดนจับจ้องจากคนรอบข้าง...แต่ใครสน......

“มันเยอะเกินไปแล้วนะคะ...หนูทานไม่หมดหรอกค่ะ” ทิพย์วารีตักบางส่วนใส่จานคืนให้เขา....ไม่รู้ตัวว่ากล้าขัดใจเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ หากเป็นเมื่อก่อนคงได้แต่ก้มหน้าจำยอมลูกเดียว

“ทิพย์วารี”

“งื้อ...เอาคืนมาก็ได้” หญิงสาวตักเนื้อปูคืนกลับไปวางในจานของตัวเองพลางทำปากขมุบขมิบ

“ยัยคนขี้บ่น”

คุณอาภาลอบยิ้ม ที่เห็นหนุ่มสาวคุยกันกะหนุงกะหนิง บางทีหล่อนอาจจะกังวลเกินเหตุไปเองก็เป็นได้ ถึงแม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจจะข้ามขั้นเกินเลยกันไปแล้ว ....คนเป็นแม่อย่างหล่อนก็พอเข้าใจได้ ขอเพียงอย่าให้มีใครต้องเสียใจก็พอ….

หลังจบมื้ออาหารทิพย์วารีนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณอาภาพร้อมด้วยนางเอียดซึ่งมักจะอยู่ดูแลใกล้ชิดคุณอาภาจนกว่าจะเข้านอนทุกวันอยู่แล้ว แต่วันนี้ที่แปลกไป ก็คือมีเรือนร่างสูงใหญ่ของใครบางคนนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับสมาร์ทโฟนของตัวเอง ไม่พูดจาแต่ก็นั่งเป็นหินงอกหินย้อยไม่ยอมขยับไปไหน

“ขึ้นปีสามแล้วเรียนเป็นยังไงบ้างลูก เหนื่อยไหม” คุณอาภาถามหญิงสาวอย่างใส่ใจ เพราะอะไรก็ไม่อาจทราบได้ ทำให้เด็กสาวเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีสามด้วยอายุยังไม่เต็มยี่สิบปีด้วยซ้ำ แต่ก็ใกล้แล้วเหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงเดือน หล่อนก็จะบรรลุภาวะเสียที

“สบายมากค่ะคุณป้า ยังไม่มีอะไรหนักหนาหนูไหวค่ะ”

“ถ้าอะไรมันยากก็ปรึกษาพี่ปราบเขาก็ได้ ตอนเรียนพี่เขาเก่งมากเลยนะ” คุณอาภาปรายตาไปทางลูกชายที่ทำเป็นนั่งขรึม ส่วนคนที่ถูกพูดถึงเงยหน้าขึ้นมามองเพียงแวบเดียวไม่ได้เอ่ยถ้อยคำหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกมา

“หนูไม่กล้ากวนใจพี่เขาหรอกค่ะ” ทิพย์วารีกระซิบกระซาบทำตาปะหลับปะเหลือกเรียกเสียงหัวเราะให้กับผู้ใหญ่ทั้งสอง จนชายหนุ่มคนเดียวในนั้นต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยคิ้วที่ขมวดจนเป็นปม ทำให้เสียงหัวเราะเงียบลง ไม่รู้ว่าเขาไม่พอใจเรื่องอะไรกันแน่........

ทิพย์วารีคอหดสยดสยองที่ตัวเองเผลอมันปากไปหน่อย ไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินหรือเปล่า ดูเอาเถอะ...ช่างทำหน้าบูดได้ไม่เกรงใจใคร...จู่ ๆ ก็ลุกออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ...เป็นอะไรของเขานะ...หญิงสาวมองตามทำท่าครุ่นคิดไม่รู้ตัวว่าทุกอิริยาบถต่าง ๆ ของหล่อนล้วนอยู่ในสายตาของผู้มากประสบการณ์ทั้งสองคน

“ไปพักผ่อนเถอะหนูน้ำ....ป้าก็จะขึ้นห้องแล้วเหมือนกัน” คุณอาภาเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าจวนจะสี่ทุ่มแล้ว…ไอ้เจ้าลูกชายคงไม่พอใจที่แม่ไม่ยอมปล่อยทิพย์วารีไปสักที..มันน่าแกล้งนัก....

“หนูเดินไปส่งนะคะคุณป้า” หญิงสาวอาสาอย่างเต็มใจซึ่งเป็นสิ่งที่หล่อนทำเป็นประจำอยู่แล้วทุกครั้งที่มีโอกาส

“ขอบใจจ่ะ” คุณอาภารู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ถ้าหากได้ทิพย์วารีมาเป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ก็ อยากจะจับทั้งคู่แต่งงานกันวันนี้พรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดตรงที่หญิงสาวยังเรียนไม่จบ เพราะยังเหลืออีกตั้งเกือบสองปี...ได้แต่ภาวนาให้สิ่งที่เห็นอยู่นี่คือเรื่องจริง หวังว่าตาปราบคงไม่สร้างเรื่องเพื่อแกล้งให้คนเป็นแม่ต้องเสียใจโดยอาศัยผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยเป็นเครื่องมือแค่นั้นก็พอ...คุณอาภายังไม่ค่อยวางใจเสียทีเดียว....

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel