23
ปราบถอนหายใจ ก่อนจะลุกออกไปดื้อ ๆ ทำเอาคนที่รอคอยคำตอบงงงัน อะไรของเขาเนี่ย.....ทิพย์วารีไม่เสียเวลาคิดนานเพราะคิดไปก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี...หล่อนกลิ้งตัวกลับมากอดพี่มึนนอนคุยเสียงสองเสียงสามกันเพลิน จนกระทั่งปราบอาบน้ำเสร็จสวมกางเกงนอนตัวเดียว ออกมายืนตระหง่านจ้องมองคนตัวเล็กอยู่ปลายเตียง.....หญิงสาวรู้สึกตัวว่ามีคนจ้องมองอยู่จึงได้เลิกคุยก่อนจะนอนตะแคงกอดพี่หมีเอาไว้แล้วหลับตาลงป้องกันปัญหาทั้งปวง เพราะหล่อนเกรงว่าจะไปสะกิดต่อมโมโหของเขาเข้าโดยไม่รู้ตัว…ดูอย่างเมื่อกี้สิ อยู่ ๆ ก็ลุกหนีไปซะอย่างนั้น ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ........
“ชอบกอดพี่หมีมากนักหรือไง” ปราบลงมานอนซ้อนด้านหลังแล้วสวมกอดเรือนร่างอรชรไว้เต็มอ้อมแขน กระซิบถามเสียงนุ่ม
“เอ่อ...ค่ะ”
“กอดพี่อุ่นกว่า....”
“.......” ทิพย์วารีไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอะไร จึงเลือกที่จะเงียบแทนแต่ขนแขนพากันลุกชันเพราะอะไรก็อธิบายไม่ถูก
แขนแข็งแรงรั้งร่างบางให้หันหน้าเข้ามาหาพลางวาดเท้าข้ามไปเขี่ยไอ้เจ้าหมีหน้ามึน ลงไปนอนกลิ้งอยู่ข้างเตียง ทิพย์วารีไม่ขัดขืน กลับสอดแขนเรียวเข้ามาโอบกอดเรือนร่าง กำยำอย่างรู้หน้าที่ ในเมื่อขัดใจเขาไม่ได้ก็อย่าทำให้เขาโกรธจะดีที่สุด...และที่สำคัญที่ไม่ อยากจะยอมรับกับตัวเองว่าหล่อนรู้สึกอบอุ่นใจที่มีเขาอยู่ใกล้ ๆ ทั้งที่เขาคนเดียวกันนี้เป็น คนทำร้ายตัวเองอย่างสาหัสทั้งร่างกายและจิตใจแต่ทำไมถึงได้ไม่รู้สึกเกลียดก็ไม่รู้…
คนตัวโตพอใจที่ยัยตัวเล็กกอดตอบพร้อมกับซุกหน้าเข้าหาอ้อมอกอย่างเต็มใจให้เขาปกป้องคุ้มภัย..... ถึงแม้ว่าภัยของหล่อนก็คือตัวเขาเองนี่แหละ.....ชายหนุ่มต้องข่มใจไม่ให้ทำอะไรเกินเลย อย่างน้อยตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์จะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ......
“พี่ปราบคะ พรุ่งนี้วันหยุด หนูขออนุญาตกลับไปหาคุณป้านะคะ” ทิพย์วารีตัดสินใจอยู่พักใหญ่คิดว่าเขาคงยังไม่หลับ จึงถือโอกาสตอนที่เขาอารมณ์ดีขอในสิ่งที่คิดมาหลายวัน
“ไปทำไม” ถึงแม้จะไม่ได้ดุ แต่เสียงแข็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“หนูเป็นห่วงคุณป้าค่ะ...หลัง ๆ มานี้ท่านเป็นลมบ่อยนะคะ” หญิงสาวตอบไปตามความจริง
ปราบถึงกับสะอึก เขาเป็นลูกแท้ ๆ ยังไม่เคยรู้เลย ไม่ใช่ไม่รักแต่คงเพราะอารมณ์อยากเอาชนะและความเจ้าคิดเจ้าแค้นเขาอยากให้มารดารู้สึกบ้างว่าคนที่ท่านรักแล้วเขาไม่รักตอบจะรู้สึกอย่างไร เหมือนอย่างที่ท่านทำกับบิดาผู้ล่วงลับ ซึ่งเขาได้ยินท่านพูดอยู่บ่อย ๆ ว่าแม่ของเขาใจแข็งบ้าง ไม่มีหัวใจบ้าง แล้วเขาก็คิดเอาเองว่าเป็นเพราะหัวใจของมารดาอยู่ที่พ่อของยัยตัวเล็กคนนี้ถึงแม้มารดาจะปฏิเสธเสมอมาก็ตามเถอะ……
“แล้วไม่คิดจะกลับไปหาแม่เธอบ้างเหรอ” ชายหนุ่มถามเพราะตั้งแต่มารดารับหล่อนมาอยู่ด้วยกันยังไม่เคยเห็นหล่อนจะกลับไปเยี่ยมบ้าน หรือพูดถึงแม่ตัวเองเลยสักครั้ง...
ทิพย์วารีไม่ตอบ เอาแต่ส่ายหน้าอยู่กับอกกว้าง ถ้าปราบสามารถมองฝ่าความมืดมาได้จะเห็นว่ามีน้ำตาคลอเต็มดวงตาคู่สวย
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปพร้อมกัน” ชายหนุ่มตัดบทเพราะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ อยากจะตบปากตัวเองเหลือเกิน เขาไม่รู้เรื่องของหล่อนมากนัก รู้แต่ว่าแม่ของหล่อนพาพ่อเลี้ยงหนุ่มเข้าบ้าน แม่ของเขาจึงได้ขอตัวหล่อนมาอุปการะนัยว่าเพื่อความปลอดภัย...
“ขอบคุณค่ะพี่ปราบ...” ทิพย์วารีไม่อิดออดที่เขาจะไปด้วยเพราะรู้ว่าคุณป้าอาภาจะมีความสุขที่ลูกชายคนเดียวกลับบ้าน ถึงแม้จะค่อยได้คุยกันยาว ๆ แค่ได้เห็นหน้าลูกชาย ท่านก็ยิ้มแย้มหน้าตาสดชื่นขึ้นเป็นกอง.....หญิงสาวซุกตัวเข้าหาร่างหนาอย่างเต็มใจก่อนจะหลับพริ้มอย่างมีความสุขไม่เอาเรื่องทุกข์มาใส่ใจ......แต่คนตัวโตกลับลืมตาโพลง สับสนในสิ่งที่ตัวเองทำกับมารดา แท้จริงแล้วมันถูกต้องแล้วหรือ....ความคิดสับสนปนเปในที่สุดก็สลัดมันออกอย่างทุกครั้งปล่อยให้ปัญหาคาราคาซัง ก่อนจะหลับตาลงเมื่อเวลาล่วงเข้าสู่วันใหม่
ทางด้านคุณอาภา นั่งปรับทุกข์กับคนเก่าคนแก่อย่างนางเอียดแม่บ้านคนสนิทถึงเรื่องที่ลูกชายพาหนูน้ำไปนอนค้างอ้างแรมกันสองคน ถึงแม้ที่นั่นจะมีหลายห้องก็เถอะ ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ….แต่หล่อนก็ไม่กล้าพอที่จะแตกหักกับลูกชายคิดแล้วก็ให้ละอายกับเพื่อนรักเหลือเกินที่ดูแลลูกสาวสุดที่รักของเขาได้ไม่ดีเท่าที่ควร
“อิฉันล่ะเป็นห่วงหนูน้ำจริง ๆ ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นมาจะทำยังไง คุณปราบก็ช่างกระไร ไม่รักไม่ชอบแล้วเข้ามาวอแวด้วยทำไมก็ไม่รู้” นางเอียดรำพึงรำพันด้วยความเป็นห่วงสาวน้อยอันเป็นที่รักและเอ็นดูของใครตั้งหลายคน ยกเว้นคนที่เอาตัวไปด้วย
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ ฉันนี่แหละจะรู้สึกผิดที่สุด อุตส่าห์รับหนูน้ำมาอยู่ด้วยหวังจะให้ปลอดภัยรอดจากปากเหยี่ยวปากกาแท้ ๆ แต่กลับคุ้มครองไม่ได้” อาภาหน้าสลดลง ระยะหลังมานี้คล้ายกับว่าพลังและความเข้มแข็งของหล่อนลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่หล่อนเป็นผู้ที่เคยดูแลประคับประคองธุรกิจของครอบครัวจนกระทั่งส่งต่อถึงลูกชายคนเดียวได้ไม่พังครืนลงมาเสียก่อน.....หรือมันจะถดถอยไปตามอายุกระมัง.....
