บท
ตั้งค่า

14

“เอ่อ...สวัสดีค่ะพี่ปราบ” หญิงสาวยกมือไหว้อ่อนช้อยพลางช้อนสายตาขึ้นมองหวานหยดย้อย ซ้ำยังเรียกเขาอย่างสนิทสนมอีกด้วยทั้งที่เขาไม่มีน้องสาว แม้แต่ทิพย์วารี หล่อนยังไม่กล้าเรียกเขาว่าพี่เลย

“ครับ...” รอยยิ้มคล้ายเหยียดปรากฏที่มุมปากขณะรับไหว้ตามมารยาท แต่เพียงแวบเดียวก็เลือนหายไป ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ากิริยาของสาวน้อยคนนี้ต้องการทอดสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กมาให้เขา แถมยังเป็นอย่างหนาพิเศษอีกด้วย…

“ขอโทษนะครับคุณปราบ ผมห้ามเธอแล้ว” เมธารู้สึกว่าเป็นความบกพร่องของเขาเองที่ปล่อยให้สาวน้อยคนนี้เข้าหาท่านประธานได้ตามอำเภอใจ…ทั้งที่เขาปฏิเสธเธอไปแล้ว แต่ไม่คิดว่าหล่อนจะกล้าบุ่มบ่ามวิ่งเข้ามาหาแบบนี้

“ไม่เป็นไร เชิญ” ปราบเดินนำเข้าไปในห้องทำงานอันโอ่อ่าหรูหราแล้วนั่งลงหลังโต๊ะทำงานสุดหรู...ในเมื่อหล่อนกล้าเรียกเขาว่าพี่อย่างสนิทสนม เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าหล่อนเป็นใครกันแน่

“คุณมีธุระอะไรก็ว่ามา” ปราบถามอย่างห่างเหิน พร้อมกับยกนาฬิกาขึ้นดู ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทกับคนที่ไร้มารยาท

“สิรินเป็นประธานชมรมอาสาพัฒนาเด็กด้อยโอกาสน่ะค่ะ...พอดีคุณป้าอาภาท่านแนะนำให้มาพบพี่ปราบ...เรื่องการขอสนับสนุนทุนทรัพย์ในการดำเนินกิจกรรม เพราะเห็นว่าทางบริษัทบริจาคเพื่อช่วยเหลือสังคมอยู่แล้วค่ะ” สิรินพูดจาฉะฉาน จริตจะก้านแพรวพราว

“แค่เรื่องนี้ใช่ไหม” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม

“ก็ไม่เชิงค่ะ...คือว่าคุณแม่ของสิรินกับคุณป้าคงอยากให้เราทำความรู้จักกันไว้...สิรินก็เลยเข้ามาหาพี่ปราบค่ะ...” หญิงสาวอ้างตามที่หล่อนเชื่ออย่างนั้น ทั้งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านไม่ได้รู้เห็นด้วยเลยสักนิด...หล่อนแค่เห็นรูปของเขาในหน้าข่าวสังคมและบังเอิญแม่ของหล่อนเป็นเพื่อนกับแม่ของเขา จึงเข้าทางหาข้ออ้างนิด ๆ หน่อย ๆ หล่อนก็ได้มานั่งตรงนี้แล้ว

“คุณชื่อสิริน ผมชื่อปราบ ตกลงเรารู้จักกันแล้วนะครับ...ส่วนเรื่องสนับสนุนชมรม คุณไปคุยรายละเอียดกับเลขาผมได้เลย บริษัทของเรามีรายละเอียดหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้อยู่แล้ว” ปราบพูดเหมือนไล่ เขาไม่อยากเสียเวลากับผู้หญิงพวกนี้ แค่อ้าปากก็เห็นถึงลิ้นไก่ ไร้มันสมอง....

หญิงสาวลุกขึ้นยืน ขืนนั่งตื้อต่อไปคงไม่เหมาะยังมีเวลาอีกเยอะ......ผู้ชายงานดีแบบนี้ทำไมคุณแม่ถึงไม่ยอมบอกตั้งนานแล้วนะ...

“งั้นสิรินขอตัวก่อนนะคะ เอาไว้โอกาสหน้า ถ้าพี่ปราบจะให้สิรินรับใช้อะไรบอกได้เลยนะคะ...สิรินเต็มใจและยินดีอย่างยิ่งค่ะ” หญิงสาวตั้งใจยิ้มหวานให้ก่อนจะเคลื่อนกายทรงนาฬิกาทรายภายใต้ชุดนักศึกษาที่รัดติ้ว ออกไปคุยรายละเอียดกับเมธาด้านนอก

หลังจากสิรินออกจากห้องไปแล้ว ปราบนั่งพิงกับพนักเก้าอี้ คิดไปถึงผู้หญิงอีกคนที่อยู่สถาบันเดียวกัน ป่านนี้คงจะยังอยู่ที่ห้อง…มือไวกว่าความคิดมารู้ตัวอีกทีก็โทรออกหาทิพย์วารีแล้ว...ชายหนุ่มรู้สึกว่าระยะเวลาที่รอสายมันช่างยาวนานเหลือเกิน จนเริ่มจะหงุดหงิด

“สวัสดีค่ะ คุณปราบ” ทิพย์วารีวิ่งมารับโทรศัพท์ที่หล่อนลืมไว้บนโต๊ะอาหาร ในขณะที่ตัวเองกำลังดูดฝุ่น จึงได้มีเสียงปนหอบน้อย ๆ

“มัวทำอะไรอยู่หึ.....ชักช้า”

“ขอโทษค่ะ หนูกำลังทำความสะอาดที่ห้องอยู่ค่ะ...คุณปราบโทรมามีอะไรหรือเปล่าคะ”

ปราบเงียบไปสักพัก...นั่นสิ เขาโทรไปหาหล่อนทำไมวะ....

“ฮัลโหล...คุณปราบคะ”

“แค่จะบอกว่าเย็นนี้จะไปรับช้าหน่อย สักห้าโมงรอไหวไหม” ชายหนุ่มนึกได้สด ๆ ร้อน ๆ เลยอ้างไปมั่ว ๆ เพราะความจริงเขาไม่ได้มีนัดที่ไหน

“หนูกลับเองก็ได้ค่ะ...คุณปราบไม่ต้องลำบาก..”

“ทิพย์วารี ตอบให้ตรงคำถาม”

“รอไหวค่ะ” ตอบออกไป พร้อมกับย่นจมูกใส่โทรศัพท์อย่างหมั่นไส้ คนเอาแต่ใจ...หญิงสาวชักจะชินกับความเอาแต่ใจของเขาอย่างไม่รู้ตัว

“แค่นั้นแหละ”

หญิงสาวงงจู่ ๆ เขาก็โทรมาด้วยเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ เสร็จแล้วก็ตัดสายไปดื้อ ๆ ...ทำอย่างกับผู้ชายวัยทอง....

ทางด้านพธู ที่นาน ๆ จะได้มีโอกาสนั่งคุยกับพี่ชายสักครั้ง โชคดีที่วันนี้เขาอยู่บ้าน และหล่อนก็มีเรียนช่วงบ่ายจึงได้นั่งคุยกันสบาย ๆ ไม่รีบเร่ง

“พี่วาทิตขาเชื่อน้องสักครั้งเถอะค่ะ ลองถ้าได้ไปเจอกับยัยน้ำเพื่อนของพธูแล้วรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ” พธูนั่งโน้มน้าวพี่ชายบรรยายสรรพคุณของเพื่อนสาวมาเกือบชั่วโมงจนคอแห้งก็ยังไม่เป็นผล

15

“แก่แดดนะเรา เพิ่งจะอายุเท่าไหร่กันเอง” พี่ชายที่อายุห่างจากน้องสาวถึงสิบปีสั่งสอนน้องสาวราวกับบิดาคนที่สอง....เขาไม่เคยคุยกับทิพย์วารี รู้แค่ว่าเป็นเด็กสาวที่มารดาของเพื่อนรักอุปการะไว้ แต่ก็แปลกใจที่เห็นนายปราบมาส่งหล่อนที่มหาวิทยาลัยเมื่อวันก่อนซึ่งเขาก็เห็นแว่บ ๆ ว่าหญิงสาวก็น่ารักดีแบบที่น้องสาวเขาพยายามเชียร์.....

“โธ่พี่ชายขา นี่มันยุคไหนแล้วคะ อายุแค่นี้เขาอยู่กันเป็นคู่ ๆ ก็ถมไป ถ้าไม่รีบจองเอาไว้เดี๋ยวมีใครคว้าเอาไป น้องไม่ช่วยน๊า....”

“คนนะไม่ใช่สิ่งของถ้าเจ้าตัวเขาไม่ยินยอมก็ไม่มีใครคว้าไปได้ง่าย ๆ หรอก.....แล้วเราล่ะมีใครมาเกาะแกะบ้างหรือเปล่า ดูดี ๆ นะยัยพธู”

“พธูไม่อยากมีค่ะ...เพราะยังไม่มีผู้ชายคนไหนได้มาตรฐานที่ตั้งไว้สักคน” เหตุผลที่พ่วงท้ายน่ะเอาไว้รักษาหน้าตัวเองมากกว่า ความจริงก็คือไม่มีผู้ชายคนไหนเข้ามาอย่างจริงจังต่างหาก

“เฮอะ...ทีตัวเองยังไม่อยากมี แล้วยังจะมายัดเยียดพี่ให้กับเพื่อนเราเนี่ยนะ” วาทิตยกมือขึ้นขยี้ผมน้องสาวอย่างเอ็นดู

“โธ่พี่ชายก็...” คนเป็นน้องยู่หน้าขัดใจเพราะเถียงไม่ออก

ทิพย์วารีไปถึงมหาวิทยาลัยอย่างเฉียดฉิว เพราะหล่อนทำงานเพลินไปหน่อย จนลืมดูเวลาโชคดีที่มหาวิทยาลัยอยู่ไม่ไกลแถมยังใกล้สถานีรถไฟฟ้า.....ชอบจังที่มีเวลาเหลือจากการเดินทางอีกตั้งเยอะเสียอย่างเดียวที่ต้องคอยอกสั่นขวัญแขวน ระวังอารมณ์ของยักษ์วัดแจ้งเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายปรับตัวปรับใจไม่ค่อยทัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel