ตอนที่ 11
“นี่ลูกชายรู้ไหมว่าวันนี้ลูกยิ้มบ่อยมากเลยนะ”กิ่งแก้วพูดแล้วมองลูกชายอย่างยิ้มๆ จนชายหนุ่มที่ถูกทักทำหน้าไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะตอบกลับมารดาไปทีเล่นทีจริง
“เหรอครับ…สงสัยคงเป็นเพราะว่าได้ตื่นสายหน่อย…แล้วก็ได้ทานของวางกับคุณแม่ที่ไม่ได้ทานด้วยกันมานานแล้ว…ไหนจะคุกกี้ที่แสนอร่อยนั้นอีก…มันคงจะไปทำปฏิกิริยากันทำให้สมองสั่งการให้เส้นประสาทตรงริมฝีปากกระตุกมั้งครับผมไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”
เขาพยายามแถเอาตัวลอกสุดชีวิต แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ลอดอยู่ดี เพราะคนตรงหน้าไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อเลยสักนิด
“จ้าไม่ได้ยิ้มเลยจริงๆแม่เชื่อ…เชื่อจริงๆนะ”
กิ่งแก้วทำเสียงประชดลูกชาย พลันคิดว่าถ้าลูกชายของตนรู้เรื่องว่าที่ลูกสะใภ้ตอนนี้ก็อาจจะได้รับการตอบรับที่ดีก็เป็นได้ เพราะตอนนี้ดูเหมือนลูกชายของเธอจะอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย
“ราฟปีนี้ลูกก็อายุ 30 แล้ว…แม่ว่าลูกหน้าจะแต่งงานได้แล้วนะ” คุณกิ่งแก้วจับมือลูกชายแล้วเอ่ยบอกกับลูกชายด้วยน้ำเสียงหวานๆ พร้อมส่งสายตาออดอ้อนเต็มที่
“แม่ครับผมยังไม่พร้อมจะแต่งตอนนี้ครับ…อีกอย่างผมก็ยังไม่มีคนที่คิดว่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะครับ…แล้วคุณแม่จะให้ผมแต่กับใครละครับ”
ราฟาเอลตกใจไม่น้อยกับคำพูดที่พึ่งหลุดจากปากของมารดา ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินเรื่องแบบนี้จากปากมารดาเลยด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะเห็นพ่อและแม่ของเขารักกันมากจนคิดว่ามารดาตนจะไม่มีความคิดให้เขาแต่งงานถ้าเขาไม่อยากที่จะแต่งมันเอง
“ไม่พร้อมตอนนี้…แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมสักทีละลูก…ในเมื่อลูกไม่มีใครก็ไม่เป็นไร แม่มีคนที่อยู่ในใจแม่อยู่แล้วละ… นะลูกนะแต่งงานนะ… แม่อยากอุ้มหลาน…อีกอย่างแม่ก็แก่แล้วจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ อยู่บ้านคนเดี่ยวมันเหงาจะตาย พอลูกแต่งงานแล้วแม่จะได้มีลูกสะใภ้ไว้คุยไว้ไปช็อปปิ้งด้วยกันไงนะ” คุณกิ่งแก้วส่งสายตาออดอ้อนลูกชายสุดฤทธิ์ แม้จะไม่เห็นว่าคนตรงหน้าจะมีท่าทีอ่อนโอนตามเธอเลยก็ตาม
“ไม่ครับผมไม่แต่งงาน…อีกอย่างบ้านเรามีคนตั้งเยอะคุณแม่จะเหงายังไง มีทั้งมะลิกับมะระค่อยอยู่ด้วยตลอด ผมขอตัวนะครับได้เวลาต้องไปบริษัท แล้ว”
ราฟาเอพูดพลางลุกจากโซฟา ก่อนจะเดินออกจาห้องเพื่อไปขึ้นรถที่ลุงสมคนขับรถเอารถมาจอดรออยู่ก่อนแล้ว เพื่อเป็นการตัดปัญหาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ทราบว่า…คุณเจอราฟาเอลจะเข้าบริษัทเลย…หรือว่าจะแวะไปที่อื่นก่อนหรือป่าวครับ” ลุงสมเอ่ยถามผู้เป็นนายที่ตนเอ็นดูและเห็นมาตั้งแต่เล็กๆ แม้ตอนนี้คนที่ว่าจะมีท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรเหมือนว่าพึ่งเจอเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดมา
“ไม่… เข้าบริษัทเลย” เมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์ราฟาเอลก็คิดถึงคำพูดของมารดาที่ได้พูดกลับเขาเมื่อครู่นี้ขึ้นมา แต่งงานหรอมันเป็นความคิดที่ไม่เคยมีเลยก็ว่าได้กับสิ่งที่เรื่องกันว่าการแต่งงาน การใช้ชีวิตคู่กลับคนที่เรารัก
ใช่การใช้ชีวิตคู่กับคนที่เรารัก คงเป็นเพราะเขาไม่เคยรักใครและไม่เคยมีคนที่เข้ามาเพราะรักเขาอย่างจริงใจเลยสักคนทุกคนที่เข้ามาล้วนหวังแต่ทรัพย์สินเงินทองที่เขามีทำให้เขาไม่เคยคิดถึงความรักแท้ ความรักที่จริงใจไม่ใส่หน้ากากเข้าหากันรู้จักแต่เพียงความสัมพันข้ามคืนที่มีค่าตอบแทนเป็นเงินเมื่อเขาได้รับการปลดปล่อยความต้องการที่มีก็เท่านั้น
การสั่นของโทรศัพท์มือถือที่ราฟาเอลใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อสูททำให้เขาหลุดจากความคิดและเอามือหยิบโทรศัทพ์ออกมาเมื่เห็นว่าเป็นเลขาคนสนิทก็กดรับสายทันที แม้ตอนนี้เขาจะรู้สึกไม่อยากคุยหรือรับรู้อะไรก็ตาม ครั้นจะไม่รับโทรศัพท์ก็กลัวว่าจะเป็นงานหรืออะไรที่สำคัญและเร่งด่วนจึงจำเป็นต้องกดรับอย่างเสียไม่ได้
“มีอะไรเควิน” ชายหนุ่มกรอกเสียงเรียบถามเลขาหนุ่ม
“เจ้านายใกล้ถึงบริษัทหรือยังครับ” เลขาหนุ่มเอ่ยถามเจ้านายอย่างกลัวๆเกรงๆ เพราะรู้ว่าตอนนี้เจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เมื่อได้ฟังจากน้ำเสียงเมื่อครู่
“ใกล้จะถึงแล้ว…เดี๋ยวนายเตรียมรายงานการประชุมครั้งก่อนของบริษัทไว้ด้วยฉันจะอ่านก่อนเข้าประชุม” ราฟาเอลสั่งงานเควินก่อนจะกดตัดสายทันทีไม่รอฟังคำตอบรับจากปลายสาย
หลังจากที่เจ้านายตนวางสายไปแล้วเลขาหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาทันที เขาภาวนาให้เจ้านายเขาอารมณ์ดีขึ้นก่อนจะมาถึงบริษัท เพราะไม่อย่างนั้นการประชุมในวันนี้อาจจะมีคนตายจากการโดนมองด้วยสายตาที่สามารถแช่แข็งทุกคนได้แล้วไหนจะถ้อยที่สามารถทำให้คนที่ได้ยินหรืออยู่ในเหตุการณ์อยากหายไปจากตรงนั้นเลยก็เป็นได้
