บทที่ 8 ด้านมืดของรลิตา
“ถ้างั้นผมก็จะอยู่ข้างคุณแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ดีไหม” ฟ้าใสที่แอบฟังอยู่ค่อย ๆ กำมือแน่น เพราะไม่ใคร่ชอบหน้ารลิตาเท่าใดนัก ก่อนรลิตาจะพูดขึ้น
“ไม่แน่นะคะ หากฉันรอเรณย์ไม่ไหว ฉันอาจเปลี่ยนใจมาคบกับคุณก็ได้” หญิงสาวพูดหยอด ก่อนปริญจะปล่อยยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง
“ถ้างั้นผมจะรอวันนั้นแล้วกัน” ทั้งสองหัวเราะคิกคักไปมาอย่างมีความสุข เมื่อปริญเห็นรลิตาอารมณ์ดีขึ้นเขาจึงพูดบางอย่างออกมา
“เรื่องคืนนั้น ไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบนะ ผมทำเพราะรักคุณ” รลิตาชะงักนิ่งแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม
“ฉันลืมไปหมดแล้วค่ะ ถ้าคุณอยากมีฉันเป็นเพื่อนอยู่ อย่าพูดถึงเรื่องในคืนวันนั้นอีก ทุกอย่างมันจบไปแล้ว” ปริญเปลี่ยนสีหน้าพลันพูดขึ้น
“ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดพลาด แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะผมรักคุณ ผมแค่อยากรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับผมเท่านั้นเอง”
“สำหรับฉันมันแค่ความผิดพลาด ฉันรักเรณย์ หัวใจของฉันมีแค่เขา ที่เรามีอะไรกันคืนนั้น ฉันขอให้คุณอย่ารื้อฟื้น ไม่งั้นฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีกเลย”
“เธอได้ยินใช่ไหม” ฟ้าใสกระซิบบอกเพื่อนรัก ขณะที่ไรยาชะงักนิ่งไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนหญิงสาวจะรีบลุกพรวดออกมายืนตะลึงงันอยู่หน้าร้าน
“ฉันบอกเธอแล้ว ว่ายัยรลิตากับพี่ชายฉันมีอะไรกัน เธอไม่เชื่อเอง ที่ฉันเรียกเธอมาในวันนี้ก็เพื่อให้เธอเห็นกับตาว่าสองคนนั้นสนิทสนมกันมากแค่ไหน แต่ใครจะรู้ว่ายัยนั่นก็เสือกสารภาพเองมาจนหมด โชคดีของฉันจริง ๆ” ฟ้าใสยกมือกอดอกแล้วพูดความในใจออกมาจนหมด ก่อนจะสังเกตสีหน้าของไรยาที่นิ่งเงียบไป
“ตกลงเชื่อฉันแล้วใช่ไหม”
“ต่อให้เห็นกับตา ได้ยินกับหู ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณรลิตาจะกล้าทำแบบนี้กับคุณวเรณย์ เขาทั้งคู่รักกันมากไม่ใช่เหรอ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ”
“หึ เพราะร่านไง ฉันนะไม่ยอมให้ยัยรลิตามาเป็นพี่สะใภ้ฉันหรอก ลองดูก็แล้วกัน ฉันจะแกล้งยัยนั่นให้เข็ดไปเลย” ฟ้าใสยังคงนึกเจ็บปวด ก่อนไรยาจะถอดแว่นและหมวกคืนแก่เพื่อนรักแล้วบอกลาพร้อมสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“วันนี้คุณเรณย์หยุดงาน ฉันอยากกลับไปดูเขา”
“เธอนี่ก็แปลก รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่รัก ก็ยังจะดื้อดึง ทำให้ตัวเองเจ็บปวดทำไมก็ไม่รู้ มันคุ้มกันไหม ฉันถามหน่อยเถอะ” ไรยาชะงักนิ่งแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ยิ่งรู้แบบนี้ฉันก็ยิ่งสงสารคุณวเรณย์ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณรลิตาจะกล้าหักหลังเขาแบบนี้”
“งั้นเธอก็เอาเรื่องนี้ไปบอกคุณวเรณย์สิ ฉันเป็นพยานให้ก็ได้ถ้าเขาไม่เชื่อเธอ” ฟ้าในเสนอความคิด ก่อนไรยาจะส่ายศีรษะไปมา
“แค่คุณรลิตาปฏิเสธคำเดียว คุณเรณย์ก็พร้อมจะเชื่อเธอ เขาไม่มีวันเชื่อคนเลวอย่างฉันหรอก ในสายตาของเขาฉันเลวจนไม่น่าเข้าใกล้เลยล่ะ และเธออย่าลืมว่าคุณเรณย์กับคุณรลิตาคบกันมานับสิบปี มีเหรอที่จะเชื่อคนอย่างฉัน” ฟ้าใสได้ยินดังนั้นจึงเอื้อมมาจับมือเพื่อนรักด้วยความเห็นใจ
“ฉันจะไม่ต่อว่าเธอหรอกนะ เพราะเข้าใจว่าความรักทำให้คนสามารถทำอะไรไร้เหตุผลได้เสมอ ดูอย่างพี่ชายฉันสิ เอาล่ะ เธอรีบกลับไปเถอะ ฉันก็จะกลับไปจัดการพี่ชายฉันแล้วเหมือนกัน” ทั้งสองแยกย้ายกลับบ้าน
ขณะที่ไรยาอยู่บนรถแท็กซี่นั้น เธอหวนระลึกถึงช่วงเวลาเก่าก่อน ทุกครั้งที่วเรณย์เข้ามาบ้านของคุณทวีสิน เขามักมีขนมติดไม้ติดมือมาให้เธอเสมอ คำพูดแสนอบอุ่นและใจดีของเขาทำให้เธอจดจำและซึมซับทีละน้อย ๆ จนเธอและบิดาได้รับโอกาสจากคุณหญิงทองฤดี ทำให้เธอย้ายออกจากบ้านของทวีสินนับจากนั้น เธอแทบไม่เคยได้พบหน้าเขาอีกเลย ทว่าคอยติดตามข่าวสารของเขา จากคุณหญิงทองฤดีเป็นครั้งคราวเท่านั้น
สองเท้าของไรยาเดินกลับเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ด้วยแววตาสั่นไหว เพราะรู้สึกสงสารชายหนุ่มจับใจ ความเชื่อใจที่เขามีให้รลิตามีมากเกินที่จะถูกหยามเกียรติเช่นนี้
“ไปไหนมา” เสียงของวเรณย์เอ่ยขึ้น ก่อนหญิงสาวจะอ้ำอึ้งเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ
“หนูออกไปหาเพื่อนมาค่ะ” เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เขายอมพูดคุยด้วย นั่นทำให้ไรยากล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะเดินเข้ามา แล้วเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คุณกินอะไรหรือยังคะ หนูทำอาหารไว้ในครัว จะไปหยิบมาให้”
“ไม่ต้อง” เขาตอบเสียงเรียบ
“ค่ะ” เธอตอบรับเขาสั้น ๆ
“วันนี้ผมจะพาคุณไปหาคุณย่าที่โรงพยาบาล คุณย่าท่านเรียกหา” ที่เขายอมคุยด้วยนั่นเพราะมีเรื่องสำคัญ ก่อนหญิงสาวจะปั้นหน้ายิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ได้ค่ะ”
เวลาผ่านไปไม่นานนักวเรณย์ก็ขับรถพาหญิงสาวตรงไปยังห้องพักฟื้นที่หญิงชรานอนรักษาตัวอยู่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปแล้วก้มลงหอมแก้ทองฤดีด้วยความรัก พลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนตามนิสัยเดิมที่ติดตัวมา ท่ามกลางสายตาของไรยาที่ทอดมองไปอย่างมีความหมาย
