บทที่ 4 งานแต่งที่เกิดขึ้น
“คุณพูดจริงเหรอ” เสียงของรลิตาเริ่มอ่อนลง ขณะที่มือของวเรณย์ปาดน้ำตาให้แฟนสาวอย่างอ่อนโยน
“ผมแต่งงานกับไรยาเพียงแค่ผลประโยชน์ หากบริษัทเป็นของผมเมื่อไหร่ ผมจะหย่ากับไรยาทันที ขอเพียงแค่คุณเชื่อใจผมก็พอ ผมรักคุณแค่ไหนก็รู้ไม่ใช่เหรอ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยนอกใจคุณเลยสักครั้ง ความรักที่ผมมีให้คุณ มั่นคงมากพอให้คุณเชื่อใจผมไม่ได้เลยเหรอ” รลิตาทบทวนทุกอย่างเงียบ ๆ ก่อนโผเข้ากอดเขาแล้วพยักหน้ายอมรับ
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะรอ ฉันจะรอวันที่คุณหย่า” ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วยกมือลูบศีรษะอีกฝ่ายด้วยความรัก ก่อนสายตาตั้งมั่นจะมุ่งหวนนึกถึงใบหน้าของไรยา ที่เผยความมุ่งมั่นว่าจะแต่งงานกับเขาโดยไม่คิดปฏิเสธ
“แต่คุณสัญญาได้ไหมคะ ว่าความใกล้ชิดจะไม่ทำให้คุณหลงรักเธอเข้าจริง ๆ” ชายหนุ่มปล่อยยิ้มแล้วส่ายศีรษะด้วยความมั่นใจ
“ผู้หญิงหน้าไม่อายแบบนั้น ผมไม่มีวันหลงรักหรอก คนที่ผมรักมีเพียงคุณคนเดียวเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้รลิตาเผยยิ้มแสดงความมั่นใจออกมา
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตท่ามกลางแขกเหรื่อมากมายเข้ามาร่วมแสดงความยินดี ร่วมถึงนักข่าวทุกช่องเข้ามาทำรายการ ก่อนที่วเรณย์จะจับมือไรยาไว้หน้ากล้องแล้วฝืนยิ้มให้สัมภาษณ์เป็นระยะ รอยยิ้มเหี่ยวย่นของคุณหญิงทองฤดีที่นั่งอยู่บนรถเข็นมองหลานชายด้วยความปลาบปลื้มใจอย่างถึงที่สุด เธอขอคุณหมอออกจากโรงพยาบาลชั่วคราวเพื่อมางานแต่งหลานชาย ก่อนเชษฐาจะเข้ามาย่อตัวลงด้านข้างแล้วเอ่ยขึ้น
“คุณหญิงให้คนไปตามผม ไม่ทราบว่ามีอะไรเหรอครับ”
“เรือนหอที่ฉันสร้างให้เป็นของขวัญการแต่งงานในครั้งนี้ นายคงไม่รู้ใช่ไหม” เชษฐาส่ายศีรษะ ก่อนรอยยิ้มเหี่ยวย่นของหญิงชราจะเผยออกมาอย่างภูมิใจ
“เมื่อสามปีก่อน ฉันให้คนไปจัดการสร้างเรือนหอของวเรณย์กับหนูไรยาไว้ที่ริมน้ำ ในพื้นที่หนึ่งไร่ที่ซื้อต่อจากชาวบ้าน หลังจากเสร็จงานวันนี้ ฉันจะให้พวกเขาย้ายไปอยู่ที่นั่น ตอบแทนบุญคุณที่นายเคยช่วยชีวิตฉันไว้” ชายกลางคนแน่นิ่งแล้วพูดขึ้น
“ความจริงแล้วหนี้บุญคุณอะไรนั่น ไม่ได้สำคัญสำหรับผม เท่าที่คุณหญิงช่วยเหลือครอบครัวผม จนสามารถเปิดบริษัทเป็นของตัวเองได้ นั่นก็มากพอแล้วครับ”
“ถ้าวันนั้นฉันจมน้ำตายขึ้นมาจริง ๆ ฉันคงไม่มีโอกาสทำอะไรอีกหลายอย่าง ลมหายใจฉัน มีอยู่ถึงทุกวันนี้ มันเป็นเพราะนาย ที่นายเคยกังวลใจเกี่ยวกับวเรณย์ นายไม่ต้องห่วงหรอก หลานฉันเป็นคนรักใครรักจริง และหนูไรยาเองก็เป็นเด็กน่ารัก ฉันเชื่อว่าอยู่ไปเดี๋ยวก็รักกันเองนั่นแหละ สมัยฉันเด็ก ๆ ก็เห็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายายแบบนี้ทั้งนั้น เขาก็อยู่กันจนแก่เฒ่าได้” เชษฐานิ่งเงียบ ก่อนสายตาของคุณหญิงทองฤดี จะจับจ้องตรงมายังชายกลางคน แล้วพูดขึ้น
“ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน ฉันรู้ว่าใครมีนิสัยยังไง แล้วจะจัดวางให้ถูกที่ถูกทางยังไง” น้ำเสียงแหบพร่าของทองฤดีทำให้เชษฐาจำใจมองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ทว่าไม่อาจคัดค้านความต้องการของคุณหญิงได้
โสรยายืนยิ้มอย่างมีความสุข เธอกับรดาวรรณต่างเป็นสะใภ้ที่ไม่ถูกชะตากันนัก เมื่อเห็นวเรณย์แต่งงานกับลูกสาวอดีตคนขับรถตัวเอง จึงรู้สึกถึงความล้มเหลวของรดาวรรณจนไม่อาจเก็บไว้ได้ สองเท้าเดินเข้ามาหารดาวรรณแล้วแสร้งหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม ก่อนจะเปิดบทสนทนาก่อน
“ยินดีด้วยนะ ที่ลูกชายของเธอได้แต่งงานเสียที”
“ขอบคุณ” รดาวรรณตอบสั้น ๆ แล้วทอดสายตาไปยังคู่บ่าวสาวด้วยสายตาชื่นชม
“ยอมให้ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวคนขับรถ ชาติตระกูลต่ำต้อยแบบนั้น เธอรับเป็นลูกสะใภ้ได้ยังไง” สายตาเหยียดหยันของโสรยาทำให้รดาวรรณปล่อยยิ้มแล้วพูดขึ้น
“ฉันก็ไม่เห็นว่าจะผิดตรงไหน ขณะที่เธอเอง ก็เป็นเพียงลูกสาวแม่ค้าขายปลาสดธรรมดา ๆ ไม่ใช่เหรอ” โสรยาชะงักนิ่งในคำตอบของรดาวรรณ ขณะที่แขกเหรื่อคนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้นจึงหันไปซุบซิบกันทำให้โสรยาเสียหน้าในทันที
“จะว่าไปเธอน่าจะขอบคุณฉันด้วยซ้ำ ที่รับหนูไรยามาเป็นสะใภ้ เพราะถ้าหากว่าฉันปฏิเสธคุณแม่แล้ว คนที่จะรับช่วงต่อก็คือเธอ”
“ฉันไม่รับ ต่อให้เป็นคำสั่งของคุณแม่ฉันก็ไม่รับ”
“ได้เหรอ เธอเคยขัดคำสั่งคุณแม่ได้ด้วยเหรอ จริงอยู่ที่คุณแม่แบ่งทรัพย์สินบางส่วนให้ทุกคนไปแล้ว และครอบครัวเธอก็ได้ไปไม่น้อย ต่อให้เธอไม่อยากได้บริษัทที่เป็นส่วนกลางนี้ แต่ฉันคิดว่าคุณทวีสินอยากได้อยู่ไม่น้อยเลยนะ” โสรยาได้ยินดังนั้นจึงกำมือแน่น แล้วจำใจเบี่ยงตัวเดินจากไปพร้อมความคับแค้นใจ
คำอวยพรมากมายจากแขกเหรื่อในงาน ทำให้ไรยาที่อยู่ในชุดเจ้าสาวแสนสวยหันมองวเรณย์เป็นระยะ ทว่าใบหน้าบึ้งตึงที่พยายามฝืนยิ้มของเขา ไม่อาจหลบซ่อนสายตาเธอได้ ไรยาทำได้เพียงนิ่งเงียบแล้วทำหน้าตัวเองให้ดีที่สุด ก่อนลายมือของเธอจะบรรจงลงชื่อในทะเบียนสมรส พร้อมเสียงปรบมือลั่นเป็นสักขีพยานในครั้งนี้
