บทที่ 3 เรียนต่อต่างประเทศ
เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ธมนินทร์พูดคุยกับมารดาน้อยลง ทั้งเลี่ยงการเจอกชนิภา สถานที่ใดมีธมนินทร์ย่อมไม่มีกชนิภา ส่วนสถานที่ใดมีกชนิภาย่อมไม่มีธมนินทร์ ทุกคนในคฤหาสน์ต่างทราบกันดี
วันนี้เช่นกันคฤหาสน์มีการจัดเลี้ยงฉลองเรียนจบปริญญาตรีของธมนินทร์ เขาก็ไม่ได้ชักชวนกชนิภาเข้าร่วมงาน
ณ ริมสระว่ายน้ำของคฤหาสน์
“เต็มที่เลยนะพวกมึง ไม่อิ่มก็บอกได้” เสียงของธมนินทร์เอ่ยบอกแก่บรรดาเพื่อน
“ขอบใจมากไอ้ธาม” เสียงของสุพจน์หนึ่งในกลุ่มเพื่อนกล่าวขึ้น
“อืม ตามสบายนะไอ้พจน์”
“ธามขา แอนจี้อยากกินไวน์รินให้หน่อยได้ไหม” แอนจี้แฟนสาวของธมนินทร์เอ่ยขึ้นพร้อมซุกไซ้อกแกร่ง
“ได้ครับ” ชายหนุ่มยอมทำตามคำขอของแฟนสาว
ธมนินทร์และแอนจี้คบกันมานานเกือบสี่ปี ทั้งสองคนเป็นเพื่อนในวัยเด็กแถมอยู่คฤหาสน์ใกล้กัน พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเลยตกลงคบกันจนถึงปัจจุบัน
“ธามขา คุณพ่ออยากให้แอนจี้ไปเรียนต่อต่างประเทศ” แอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์หญิงสาวบนตักธมนินทร์เอ่ยขึ้นไปเรื่อย
“แอนจี้ไปไหน ธามจะไปด้วย” ชายหนุ่มบอกแก่แฟนสาว
“อื้อ จริงเหรอคะ” เธอเงยหน้ามองชายหนุ่ม
“จริงครับ”
“ดีใจจังเลย ฟอดดด” แอนจี้ยื่นใบหน้างดงามไปจูบแก้มสาก
เสียงเพลงในงานปาร์ตี้ดังต่อเนื่อง ถึงจะเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้วก็ตามแต่ยังไม่มีท่าทีจะหยุดลงง่าย ๆ
“คุณนายคะ เป็นอย่างไรบ้าง” กชนิภาในวัยสิบห้าเอ่ยถาม ซึ่งตอนนี้เด็กสาวกำลังทำหน้าที่ดูแลสาวิตรีที่ป่วย
“ฉันไม่เป็นอะไรมากแล้วอาการของคนแก่ ก็อย่างนี้แหละ สายขิมไปนอนเถอะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขิมยังไม่ง่วง” กชนิภานั่งลงข้างเตียงคอยเฝ้าสาวิตรีไม่ห่าง
“สายขิมมาใกล้ฉันหน่อย” คนบนเตียงเอ่ยเรียกเด็กสาว
“คุณนายมีอะไรหรือเปล่าคะ” กชนิภาขยับเข้าใกล้สาวิตรี
“มานั่งบนเตียงสิ!!”
“ขิมไม่กล้าค่ะ” เด็กสาวก้มหน้ามองพื้น
“สายขิม!! กล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ” สาวิตรีขึ้นเสียงใส่กชนิภา
“ขิมไม่กล้าค่ะ” เด็กสาวปฏิเสธส่ายหน้าไปมา
“มานั่งเถอะ ฉันไม่ถือ”
“ก็ได้ค่ะ” กชนิภายอมทำตามคำสั่งของผู้มีพระคุณ
“สายขิม” สาวิตรีเอื้อมมือไปกุมมือบางของเด็กสาว
“คะ” แววตากลมโตมองคนที่ตนเองนับถือเสมือนมารดา
“ถ้าวันหนึ่งฉันเป็นอะไรขึ้นมา ฉันฝากหนูดูแลธามด้วยนะ”
“ไม่เอาค่ะ คุณนายอย่าพูดอย่างนี้สิคะ ขิมรู้สึกใจคอไม่ดีเลย” เด็กสาวส่ายศีรษะไปมาด้วยใจที่สั่นเครือ
“สายขิมฟังฉันนะ บนโลกใบนี้ไม่มีใครอยู่กับเราไปตลอดหรอก อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน สิ่งที่ฉันห่วงที่สุดคือ ธาม ฉันฝากสายขิมดูแลเขาด้วย สัญญาได้ไหม” สาวิตรีมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างคอยคำตอบ
“เอ่อ คือว่า...”
“รับปากฉันสิสายขิม” สาวิตรีคะยั้นคะยอ
“ก็ได้ค่ะ ขิมสัญญา”
“อืม ขอบใจสายขิมมาก”
กชนิภาเงียบลงพลางครุ่นคิดบางอย่าง ตลอดเวลานานหลายปีมานี้ ธมนินทร์ไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายชีวิตตนเองอีกเลย ตั้งแต่วันนั้นระหว่างเด็กสาวและชายหนุ่มกลายเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า
“สายขิมเป็นอะไรหรือเปล่า”
“คะ” เสียงสาวิตรีปลุกเด็กสาวตื่นจากภวังค์
“ฉันถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า” สาวิตรีย้ำอีกครั้ง
“เปล่าค่ะ”
“ไปพักผ่อนเถอะ ฉันดีขึ้นมากแล้ว”
“ค่ะ”
ด้วยความง่วงกชนิภายอมผละออกจากห้องนอนของสาวิตรีแต่โดยดี ระหว่างทางกลับต้องผ่านสระว่ายน้ำ จู่ ๆ เสียงของแอนจี้ดังขึ้น
“อุ้ย นั่นมันนังคนใช้นี่คะ”
ธมนินทร์หันไปมองตามเสียงของแฟนสาว ก่อนจะกระแทกแก้วไวน์ลงบนโต๊ะอย่างแรงและเดินไปหากชนิภา
“ใครอนุญาตให้เธอเดินผ่านมาแถวนี้” ชายหนุ่มตะคอกถามเด็กสาว
“เอ่อ คือว่า”
“ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง หูหนวกเหรอ!!” มือหนากระชากแขนเรียวมาบีบอย่างแรง
“ตอบธามสิ! มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่ได้” แอนจี้เสริมขึ้นทั้งแสดงท่าทีเหยียดหยามเด็กสาว
“ขิมไม่ได้ตั้งใจจะผ่านมานะคะ” เสียงหวานเอ่ยตอบกล้า ๆ กลัว ๆ
“แอนจี้ว่ามันคงอยากจะมาร่วมงานปาร์ตี้ด้วยแหละ” แอนจี้พูดอย่างจีบปากจีบคอ
ธมนินทร์ได้ฟังคำกล่าวของแฟนสาวถึงขั้นโมโหสุดขีด
“ฉันบอกแล้วใช่ไหม อย่ามายุ่งกับชีวิตของฉัน!!” มือหนาเพิ่มแรงบีบแขนเรียวมากขึ้น สายตาดุจพญาเหยี่ยวจ้องมองกชนิภาอย่างเคียดแค้น
แอนจี้มองดูด้วยความสะใจ เหยียดยิ้มมุมปากอย่างนึกชัง
“โอ๊ย!! เจ็บนะคะ ปล่อยขิมเถอะ” เด็กสาวร้องขอความเมตตาจากคนตัวโต
“ปล่อยเหรอ ง่ายไปไหมสายขิม!!”
“อย่าปล่อยมันนะคะธาม เพราะมีมันความสัมพันธ์ระหว่างธามกับคุณป้าถึงไม่ค่อยดี” แอนจี้ยิ่งพูดให้ร้ายแก่กชนิภาหวังให้ชายหนุ่มแค้นเด็กสาวมากขึ้น
คำพูดของแอนจี้เป็นไปตามคาดการณ์ ธมนินทร์ยิ่งโกรธแค้นเด็กสาวมากขึ้น
“ตามมานี่เลย!!” ชายหนุ่มกระชากร่างเด็กสาวให้เดินตาม กระทั่งมาหยุดยังริมสระว่ายน้ำ
“คุณธามจะทำอะไรคะ” มองหน้าตาชายหนุ่มอย่างหวาดกลัว
“ไอ้ธามมึงจะทำอะไรน้องเขาวะ” เสียงสุพจน์ดังขึ้น มึนงงกับการกระทำของเพื่อน
“งานปาร์ตี้จบแล้ว คืนนี้แยกย้ายกันกลับบ้านได้” เสียงส่งอำนาจประกาศดังก้อง
“ไอ้ธามอะไรของมึงวะ” สุพจน์เอ่ยถามอีกครั้ง
“ไม่ได้ยินเหรอพจน์ งานปาร์ตี้จบแล้ว เชิญกลับไปค่ะ” แอนจี้ฝ่ามือเชิญทุกคนออกจากงานรวมถึงสุพจน์
สุพจน์มองไปตามร่างกชนิภาด้วยความสงสาร แต่ต้องจำยอมเดินจากไปโดยดี
ริมสระว่ายน้ำไร้ผู้คนเหลือเพียงคนทั้งสาม ธมนินทร์ กชนิภาและแอนจี้
ชายหนุ่มไม่รอช้าออกแรงผลักร่างเด็กสาวลงในสระว่ายน้ำ
ตูม!
ธมนินทร์มองดูด้วยแววตาไร้ความรู้สึก ปล่อยให้กชนิภาตะเกียกตะกายขึ้นมาจากน้ำเอง
“หึ!! สมน้ำหน้ามันนะคะธาม ไปกันเถอะ” แอนจี้กล่าวเยาะเย้ยเด็กสาวเสร็จ เธอก็ลากชายหนุ่มออกจากบริเวณนั้น
กชนิภาขึ้นมาจากสระว่ายน้ำสำเร็จ ทั่วทั้งกายเปียกปอนไปหมด เด็กสาวกอดร่างตนเองค่อย ๆ พยุงเดินกลับห้อง
“ฮึก ฮือ ๆ ” เด็กสาวก้มหน้าเดินร้องไห้ตลอดทาง
เรื่องกชนิภาถูกธมนินทร์รังแกเมื่อคืนถึงหูสาวิตรี เธอจึงเรียกลูกชายมาตักเตือนตั้งแต่เช้า
“ทำไมลูกถึงทำร้ายสายขิมขนาดนั้น”
“มันมาฟ้องคุณแม่เหรอครับ” สายตาดุดันเหลือบมองเด็กสาวซึ่งนั่งไม่ห่างจากมารดา
“สายขิมไม่ได้มาฟ้องแม่”
“ถ้ามันไม่ได้มาฟ้องแล้วใครกันล่ะ” ชายหนุ่มถามอย่างเกรี้ยวกราด
“ไม่มีใครมาฟ้องทั้งนั้นแหละ แม่รู้เอง” สาวิตรีแย้งลูกชาย
“หึ!! ช่างเถอะคุณแม่จะรู้ได้อย่างไร ผมไม่สนถึงยังไงโดนคุณแม่ต่อว่าอยู่ดี” เขาแค่นหัวเราะ
สาวิตรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
“แม่ขอร้องธามนะ ลูกอย่ารังแกสายขิมอีกเลย”
“คงรักมันมากกว่าลูกในไส้สินะ!!”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะธาม”
“จะยังไงก็ช่างเถอะ ผมไม่สนใจแล้วหลังจากนี้ผมจะไปเรียนต่อต่างประเทศ คุณแม่จะอนุญาตหรือเปล่าก็แล้วแต่ ผมไม่สนใจ ต่อไปนี้ผมจะยืนด้วยลำแข้งของตนเอง” พูดจบชายหนุ่มเดินจากไปทิ้งมารดาและกชนิภาในห้องนั่งเล่น
“เดี๋ยวสิอย่าพึ่งไป ธาม!!” สาวิตรีตะโกนเรียกลูกชาย ทว่าชายหนุ่มไม่สนใจจะเหลียวหลังมอง
“คุณนายคะ” กชนิภาเอ่ยเรียกเพียงเบา ๆ แตะมือบางลงหลังแขนสาวิตรี
“สายขิม ฉันควรทำอย่างไรดี” หัวอกคนเป็นแม่เมื่อลูกกำลังจะจากไปย่อมเจ็บปวด
“ขิมขอโทษนะคะ ถ้าไม่มีขิมเรื่องทุกอย่างคงไม่บานปลายถึงขนาดนี้”
“ไม่เอาน่าสายขิม อย่าคิดมาก” สาวิตรีร้องห้าม
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันตัดสินใจจะให้ธามเรียนต่อต่างประเทศ” สาวิตรีกล่าวเสียงหนัก
“คุณนายแน่ใจเหรอคะ” กชนิภาถามย้ำอีกครั้ง
“อืม”
เธอตัดสินใจดีแล้วถึงคราวธมนินทร์ควรรู้จักช่วยเหลือตนเองบ้าง ประสบการณ์จะคอยสั่งสอนให้เขากลายเป็นคนแข็งแกร่ง
