บทที่ 2 รังเกียจบ
หลังจากงานศพนางมะลิซ้อนผ่านพ้นไปด้วยดี สาวิตรีก็อาสารับเลี้ยงกชนิภา ซึ่งให้การดูแลอย่างดีมอบทั้งความรักและการศึกษาที่ดี
“ต่อไปนี้สายขิมย้ายมาอยู่คฤหาสน์หลังนี้กับฉันนะ ไม่ต้องอยู่เรือนคนใช้แล้ว” สาวิตรีอธิบายแก่สาวน้อย
“ไม่ครับ!! ผมไม่มีทางยอมให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเด็กนั่นย้ายมาอยู่ที่นี่เด็ดขาด” เสียงธมนินทร์เด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีเดินมานั่งข้างมารดา สายตาจ้องเขม็งไปยังร่างของกชนิภา
“ทำไมล่ะธาม” สาวิตรีถามเสียงอ่อน
“ก็มันเป็นคนใช้จะมาเทียบกับเจ้านายได้อย่างไร” ธมนินทร์เอ่ยเสียงแข็ง แววตาดุดันยังคงจ้องกชนิภาไม่ห่าง
“ธาม!!” สาวิตรีตำหนิลูกชาย
“คุณแม่รักมันมากกว่าผมเหรอ!” ธมนินทร์ยืนขึ้นเค้นคำตอบจากปากมารดา
“ไปกันใหญ่แล้วธาม นั่งลงก่อนลูก” สาวิตรีเอื้อมมือจับแขนให้ลูกชายนั่งลงดั้งเดิม
“ก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มยอมทำตามคำสั่งมารดา
“ธามฟังแม่นะลูก สายขิมพึ่งจะเสียแม่ไป น้องน่าสงสารมากเลย แม่เลยอยากให้น้องเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ด้วย” สาวิตรีค่อย ๆ อธิบายอย่างใจเย็นแก่ลูกชาย
“แต่ผมไม่ชอบมัน ผมรังเกียจ!!” ธมนินทร์เริ่มโวยวายชี้หน้าด่ากชนิภาที่นั่งตัวสั่น
“ธาม!!” เสียงสาวิตรีดังขึ้นห้ามปรามลูกชาย
“คุณแม่ดุผม!! ฉันเกลียดแกนังลูกคนใช้” ธมนินทร์ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง สาวเท้าไปหากชนิภาพร้อมผลักร่างสาวน้อยล้มลงจากโซฟาก่อนเดินจากไปอย่างไม่ไยดี
“โอ๊ย!!” กชนิภาอุทานออกมา
“ว้าย!! สายขิมเป็นอะไรไหม” สาวิตรีรีบประคองร่างเด็กน้อยมานั่ง
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ธาม กลับมาก่อนทำผิดแล้วจะรีบหนีไหนกัน” สาวิตรีตะโกนไล่หลังลูกชาย
“คุณนายคะ ขิมไม่อยากมาอยู่ที่นี่แล้ว ขิมขออยู่เรือนคนใช้เหมือนเดิมได้ไหม” แม้กชนิภาจะอายุน้อยเพียงแค่หกขวบ แต่เด็กน้อยเป็นคนฉลาดพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ทำไมล่ะสายขิม”
“ขิมไม่อยากให้คุณนายกับคุณธามทะเลาะกันอีกแล้ว”
“โธ่! สายขิม” สาวิตรีดึงตัวเด็กน้อยเข้ามากอด เธอสงสารกชนิภาอย่างจับใจ
ชีวิตของเธอไม่ต่างกับกชนิภาในวัยเด็กสักเท่าไร ตอนนั้นมารดาป่วยและเสียชีวิตลง แต่โชคดีคนที่ช่วยเหลือเธอคือ ครอบครัวสามีของเธอในตอนนี้ เสียดายสามีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถเมื่อไม่กี่ปีมานี้ จึงต้องบริหารธุรกิจเพียงผู้เดียว ทั้งไม่ค่อยมีเวลาอบรมสั่งสอนลูกชายเท่าที่ควร
“ขิมขอกลับไปอยู่เรือนคนใช้เหมือนเดิมนะคะ คุณนายกับคุณธามจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน”
“เรียกฉันว่าป้าสิ เรียกธามว่าพี่นะ เข้าใจไหมสายขิม” สาวิตรีย้ำแก่เด็กน้อยในอ้อมกอด
“ขิมไม่กล้าค่ะ ขิมเป็นแค่ลูกคนใช้”
“แต่ฉันจะรับสายขิมมาเป็นหลาน สายขิมต้องเรียกฉันว่าป้า”
“ขิมไม่อยากเป็นหลานคุณนาย ฮือ ๆ ” กชนิภาปล่อยโฮออกมา เด็กน้อยกลัวว่าธมนินทร์จะทำร้ายตนเองเหมือนอย่างที่เคยขู่ หากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขา
“อย่าร้องไห้นะสายขิม ฉันไม่บังคับหนูก็ได้” สาวิตรีถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ต้นเหตุของเรื่องเดาได้ไม่ยากถ้าไม่ใช่ลูกชายเจ้าตัวดี
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา กชนิภาคอยอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวเสมอ แต่ไม่วายถูกธมนินทร์รังแกทั้งยังแสดงท่าทีรังเกียจ
“จะไปไหนนังลูกคนใช้” เสียงธมนินทร์เอ่ยขณะกชนิภาเดินผ่านสวนหย่อม
กชนิภาไม่ตอบทำเมินเฉยก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป
“นี่แก!! ธามถามไม่ได้ยินเหรอ” เสียงของเด็กสาวรุ่นเดียวกับธมนินทร์ต่อว่ากชนิภา
“ห้องครัว” กชนิภาตอบเสียงเบามันไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนรังแกแบบนี้
“อย่าไปสนใจมันเลย เราไปดูหนังกันดีกว่า” ธมนินทร์เอ่ยขึ้น
“ไปค่ะธาม แอนจี้ไม่อยากจะอยู่ใกล้มันแล้ว ตัวก็เหม็นแถมยังสกปรกด้วย”
“ครับ” หลังจากต่อว่ากชนิภาอย่างสนุกปาก เด็กทั้งสองก็เดินจากไปทิ้งสาวน้อยวัยหกขวบยืนร้องไห้เพียงผู้เดียว
“ฮึก ฮือ ๆ ”
ไม่ว่าจะทำอย่างไรกชนิภาไม่มีทางหนีพ้นจากการถูกรังแกของธมนินทร์ ตราบใดที่ยังอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเด็กหนุ่ม
“หลบไปนังลูกคนใช้ ฉันจะเข้าไปในห้องครัว”
“ค่ะ” กชนิภายอมหลีกทางให้ตามคำสั่งของธมนินทร์ สาวน้อยถอยห่างชิดประตู
“เกะกะชะมัดเลย” ทว่าธมนินทร์ยังคงหาเรื่องกลั่นแกล้งไม่เลิกรา
“โอ๊ย!!” กชนิภาล้มลงกับพื้น
“สมน้ำหน้า!!” เด็กหนุ่มพูดอย่างไม่แยแส
“ว้าย!! หนูสายขิม” ป้าจันทร์แม่บ้านคนใหม่ที่สาวิตรีรับเข้ามาทำงานแทนมารดาของกชนิภา วิ่งหน้าตาตื่นมาหาสาวน้อย
“เป็นอะไรไหม” ป้าจันทร์เอ่ยถามเมื่อมาถึงตัวหนูน้อย
“ไม่เป็นไรค่ะ” กชนิภาส่ายศีรษะปฏิเสธ
“อย่าไปสนใจมันเลยครับป้าจันทร์” เสียงของธมนินทร์แทรกขึ้น
“ทำไมคุณธามต้องรังแกหนูสายขิมด้วยคะ” ป้าจันทร์หันไปถามเด็กหนุ่มในห้องครัว
“เอะอะเสียงดังอะไรกัน!!” สาวิตรีเดินผ่านมาพอดี บังเอิญได้ยินเสียงมาจากห้องครัว เธอจึงเดินมาดู
“มีอะไรป้าจันทร์ แล้วทำไมสายขิมถึงได้ล้มลง”
“เอ่อ คือว่า” ป้าจันทร์มีท่าทีอึดอัดอย่างเห็นได้ชัดเจน จะตอบได้อย่างไรคนที่รังแกกชนิภา คือลูกชายเจ้าของบ้าน
“คุณแม่คงตามมาปกป้องนังเด็กกาฝากถึงห้องครัวเลยใช่ไหม” เสียงธมนินทร์ดังขึ้น สาวิตรีเลยหันไปมองตามต้นเสียงได้เห็นร่างของลูกชายกำลังมองดูสาวน้อยด้วยแววตาชิงชัง
“ธาม!! ทำไมลูกชอบรังแกสายขิมอยู่เรื่อยเลย”
“ผมเกลียดมัน คุณแม่ได้ยินไหม!!”
“ธาม!! ลูกจะก้าวร้าวเกินไปแล้วนะ” สาวิตรีมองลูกชายอย่างผิดหวัง
“คุณแม่ดุผมเพราะมันเลยเหรอ” สายตาโกรธเคืองจ้องไปยังสาวน้อยก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมเข้าไปผลักร่างเล็กจนล้มลงอีกครั้ง
“โอ๊ย!!” กชนิภาร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“ธาม!! ต่อหน้าต่อตาแม่ ลูกกล้าทำร้ายสายขิมเลยเหรอ ตามแม่มานี่เลย” สาวิตรีทนพฤติกรรมของลูกชายไม่ไหว จึงเข้าไปจูงแขนลูกชายให้เดินตาม
“คุณแม่ปล่อยผม จะพาผมไปไหน!!” ธมนินทร์พยายามขัดขืนตลอดทาง
สาวิตรีพาลูกชายมาหยุดห้องนั่งเล่นก่อนจะปล่อยเป็นอิสระ
“ป้าจันทร์ไปเอาไม้เรียวมา” สาวิตรีหันไปพูดกับป้าจันทร์ที่เดินมาพร้อมกชนิภา
“คุณนาย ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ”
“อย่าห้ามเลยป้าจันทร์ สาจะสั่งสอนลูกชายเกเรสักหน่อย”
“เอ่อ แต่ว่า...”
“ไปเอามาสิคะ” สาวิตรีขึ้นเสียงใส่จนป้าจันทร์ต้องรีบสาวเท้าอย่างไว
“คุณแม่จะตีผมเลยเหรอ” ธมนินทร์ถามเสียงสั่น ตั้งแต่เกิดมาเด็กหนุ่มไม่เคยถูกมารดาตีเลยสักครั้ง
สาวิตรีไม่ตอบลูกชาย กระทั่งป้าจันทร์นำสิ่งที่ต้องการมายื่น
“ไม้เรียวค่ะคุณนาย”
“ธามมายืนตรงนี้แล้วกอดอก” สาวิตรีรับไม้เรียวมาจากป้าจันทร์พร้อมชี้จุด
“คุณแม่!!” ธมนินทร์กล่าวเสียงเบาคาดไม่ถึงว่ามารดาจะลงมือกับตนเอง
“มานี่!!”
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ คุณธามกลัวหมดแล้ว” ป้าจันทร์พยายามเกลี้ยกล่อมสาวิตรี เธอสงสารเด็กหนุ่มเหลือเกิน
เมื่อทำอะไรไม่ได้ธมนินทร์ยอมเดินมาหามารดา ทั้งยืนกอดอก
ไม้เรียวขนาดเก้าสิบเซนติเมตรถูกฟาดลงยังก้นของธมนินทร์ด้วยความแรง
“โอ๊ย!!” เด็กหนุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
สาวิตรียังคงไม่หยุดตีลูกชาย แม้ป้าจันทร์จะเอ่ยปากร้องขอ
“คุณนายพอเถอะค่ะ คุณธามเจ็บหมดแล้ว”
“ป้าจันทร์อย่าห้ามสาเลย”
กชนิภาที่ยืนอยู่มุมหนึ่งมองดูธมนินทร์โดนมารดาตีครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งสาวน้อยวิ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มจนโดนลูกหลง ถูกไม้เรียวฟาดแขนหนึ่งที
“ว้าย สายขิม!” สาวิตรีหยุดมือ ดึงร่างสายขิมเข้ามากอด โดยมีสายตาเคียดแค้นของธมนินทร์มองดูอย่างความเจ็บปวด
“คุณนายอย่าตีคุณธามเลยนะคะ ขิมสงสาร”
“แกไม่ต้องมาแสแสร้งนังลูกคนใช้ ฉันเกลียดแก!!” ธมนินทร์เอ่ยขึ้น
“ธาม! หยุดต่อว่าสายขิมได้แล้ว” สาวิตรีเอ็ดลูกชาย
“คุณแม่ก็รักแต่มันนั่นแหละ ผมเกลียดคุณแม่!!” ธมนินทร์พูดเสร็จก็วิ่งออกไป
“ธาม!! ฟังแม่ก่อน” สาวิตรีพยายามรั้งลูกชาย ทว่าไม่ทันเสียแล้ว
เธอมองดูลูกชายวิ่งออกไปด้วยความเจ็บปวด คำพูดของธมนินทร์เมื่อสักครู่ทำเธอชาไปทั้งกาย
