บทที่ 6
ยิ่งแอนโทนี่ลูบศีรษะของหญิงสาวด้วยความรักเท่าไร ร่างกายของแอนนิต้ายิ่งสั่นระริกมากขึ้นเท่านั้น สาวน้อยเงยหน้าขึ้นแล้วโผเข้ากอด
“แด๊ด...” แด๊ด ของแอนนิต้าคนเดียวในโลกนี้
ตลอดเวลายี่สิบสามปีที่ผ่านมา เธอรู้ซึ้งดีว่าคนนี้รักเธอมากแค่ไหน และยิ่งมารู้ความจริงจากปากของอรุณีในวันนี้ถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ได้มาเป็นแอนนิต้าของแด๊ดแล้ว ไม่มีคำพูดใดจะพรรณาถึงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกันออกมาเป็นคำพูดได้หมด
“แด๊ด รักแอนนิต้านะ” แอนโทนี่ลูบศีรษะบุตรสาวที่เลี้ยงมากับมือด้วยความรัก ไม่ว่าแอนนิต้าจะเกิดมาเพราะใครแต่วันนี้หญิงสาวคือแก้วตาของดวงใจของเขา
“แอนนี่ แม่ขอโทษ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยเป็นคำแรก
เมื่อได้เห็นภาพพ่อลูกโผเข้าหากันต่อหน้า นางรู้ดีว่าเพราะความหลังในอดีตกำลังทำร้ายจิตใจของแอนนิต้า แต่ความจริงก็คือความจริง หน้าที่ก็คือหน้าที่แม้แอนนิต้าจะทำใจยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ในตอนนี้ แต่ก็ยังมีหน้าที่ของการเป็นลูกที่จะต้องกระทำต่อบ้านปุณยนันท์ในฐานะทายาทต่อไป
“ไม่ค่ะ มัม...” แอนนิต้าเงยหน้าขึ้นจากอกของบิดา น้ำตาเปรอะที่สองแก้มสวยดวงตาคู่หวานแดงช้ำไปหมด อรุณีมองเห็นความเสียใจผ่านจากแววตาของบุตรสาวได้
“มัมเป็นมัมที่ดีที่สุดสำหรับแอนนี่ ถ้าไม่มีมัมก็ไม่มีแอนนี่วันนี้ มัมลำบากเพื่อจะให้แอนนี่ได้เกิดมา ต้องเจอเรื่องร้ายๆ มากมาย มัมไม่ต้องขอโทษหนูหรอกค่ะ หนูต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้มัมปวดหัวมาโดยตลอด” แอนนิต้าพูดไปร้องไห้ไป
ตั้งแต่จำความได้บิดามารดาทุ่มเททุกอย่างมาที่เธอ ตอนที่อยู่ที่อังกฤษแอนโทนี่ก็ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวดูแลสองแม่ลูกได้เป็นอย่างดี
แม้ต้องลำบากแค่ไหนเหนื่อยสักเพียงไรก็ไม่เคยบ่นแม้แต่คำเดียว ขอให้รู้ว่าลูกและภรรยาต้องการอะไรเขาจะสรรหามาให้จนได้ ถึงแม้ว่าแอนนิต้าจะดื้อบ้างตามประสาเด็กแต่ไม่เคยมีสักครั้งเดียวที่ทั้งคู่จะลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีหรือพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจ สำหรับหญิงสาวแล้วทั้งคู่คือมารดาบิดาที่ประเสริฐที่สุดในหัวใจ
“แอนนี่จ้ะ หนูไปกรุงเทพฯเถอะนะ แม่ขอร้อง อย่างน้อยให้แม่ได้ชดใช้ให้บ้านปุณยนันท์บ้าง ให้แม่ได้ชดใช้ให้คุณเอกภพบ้างนะลูกรัก” อรุณีพูดทั้งน้ำตา
แม้ว่านางจะไม่อยากให้แอนนิต้าไปไกลจากสายตา และยิ่งต้องไปอยู่ที่บ้านปุณยนันท์ด้วยแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ก็อยากให้บุตรสาวได้ทำหน้าที่ของลูกกับบิดาผู้ให้กำเนิด
“อะไรที่เรียกว่าชดใช้คะ พวกเขาต่างหากที่ต้องชดใช้ให้เรา ชดใช้ให้มัมชดใช้ให้หนู” แววตาของแอนนิต้ากร้าวขึ้นเมื่อพูดถึงคำว่า ชดใช้
“มัมไม่ได้ทำอะไรผิด แค่มัมรักกับเขา” แอนนิต้าเลี่ยงคำว่าพ่อ
“แค่นี้ผิดเหรอคะ แค่คนสองคนรักกันมันผิดมากเหรอ ทำไมต้องทำกับมัมแบบนี้ มัมเกือบตายลำบากแค่ไหนพวกเขารู้บ้างไหม กว่าจะเลี้ยงหนูมาได้จนโตขนาดนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง แล้วทำไม แค่เขาป่วย ทำไมต้องให้หนูไปหาเขาด้วยล่ะคะ ในเมื่อเขาไม่ต้องการมัมไม่ต้องการหนู ทำไมเราต้องเจอกันอีก ทำไมเราไม่จากกันไปตลอดกาล” แอนนิต้าสะอื้นหนักขึ้น ร้องไห้ ด้วยความคับแค้นใจในสิ่งที่มารดาของร้อง
“แอนนี่ ไม่มีใครไม่ต้องการหนูนะ ทุกคนที่นั่นต้องการหนูนะลูก...” มารดาพยายามอธิบาย
“ไม่จริงค่ะ เขาไม่ต้องการหนู ถ้าต้องการหนูต้องตามหาหนูซิ เวลาที่ผ่านมายี่สิบกว่าปี พวกเขาทำอะไรอยู่ ทำไมเขาไม่ตามหามัมกับหนูล่ะ แล้วพอวันนี้เขาเกิดจะตายขึ้นมา...” แอนนิต้าพูดต่อไม่ได้ปิดหน้าร้องไห้สะอื้นโฮอีกครั้ง
“แอนนี่...” หญิงวัยกลางคนสะท้อนในหัวอก
“ตอนที่เจอแด๊ดที่ริมชายหาด แม่ถามตัวเองว่ารอดขึ้นมาได้อย่างไร เพราะเมื่อครู่นี้เราสองคนกำลังจะไปโลกใหม่ แต่แด๊ดบอกว่าชีวิตของคนเรามีโลกใหม่ได้เสมอ เพียงแค่เราทิ้งตัวตนเก่าๆ เรื่องราวความผิดหวังต่างๆ แล้วเริ่มต้นใหม่ แค่นี้ทุกอย่างก็เป็นโลกใหม่ได้เสมอ” นางหันมายิ้มให้กับโลกใหม่ที่แสนมีความสุขตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา
“แด๊ดให้ความช่วยเหลือในเวลาที่เราไม่เหลืออะไรแล้ว จัดการทุกอย่างเป็นธุระพาแม่ไปหาหมอ หาที่อยู่ให้จัดการเรื่องข้าวปลาทุกมื้อ จนผ่านไปสองอาทิตย์แด๊ดจะกลับอังกฤษแล้วก่อนไปแด๊ดให้สติแม่ว่า ถ้าอยากมีโลกใหม่ก็ให้ไปเริ่มชีวิตใหม่กับแด๊ดที่โน่น แม่เองก็ลังเลกลัวว่าถ้าไปแล้วอาจจผิดหวังเหมือนครั้งก่อน แต่เมื่อมาคิดดูอีกทีแม่คงไม่มีวันมีความสุขถ้ายังอยู่กับอดีต แม่จึงตัดสินใจไปกับแด๊ด ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น” สองสามีภรรยากุมมือกันไว้แน่น
“แม่ไปอยู่ที่โน่นก็ต้องใช้เวลาปรับตัวมากโข แต่แด๊ดทำให้แม่มั่นใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ยิ่งพอมีหนูออกมาแล้วแม่ยิ่งรู้ว่าตัดสินใจไม่ผิดที่ตามแด๊ดไป หนูโตขึ้นเริ่มพูดเริ่มหัดเดินครั้งแรกที่หนูเรียกแด๊ด ทำให้แม่ตัดสินใจอีกครั้งที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างจริงจังซะที แม่แต่งงานกับแด๊ดและเริ่มสร้างครอบครัวด้วยกันอย่างที่หนูเห็นมา” อรุณีสบตาสามีอย่างซาบซึ้งใจ
“มัมติดต่อกลับมาที่บ้านคุณยายแค่นั้นและขอร้องให้คุณยายเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่บอกให้คนบ้านปุณยนันท์รู้ว่าอยู่ที่ไหนและเด็กที่ติดท้องมาเป็นหญิงหรือชาย จนเมื่อคุณยายเจ็บหนัก มัมจึงขอร้องให้แด๊ดพากลับมาเมืองไทยเพื่อดูแลคุณยายเป็นครั้งสุดท้าย” แอนโทนี่เล่าเรื่องที่เหลือต่อให้ฟังเอง
“ก่อนคุณยายเสียท่านยกที่ดินตรงนี้ให้ เพราะอยากให้มัมกลับมาอยู่เมืองไทย ท่านบอกว่าเวลาผ่านไปเกือบยี่สิบปีเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านปุณยนันท์ทุกคนคงลืมหมดแล้ว เราจึงตัดสินใจกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณยายจนนาทีสุดท้าย”
“มัมกับแด๊ดไม่คบหากับใครนอกไร่ ไม่ให้แอนนี่ไปไหนลำพังถ้าจะไปก็ต้องมีคนไปด้วย มัมยอมให้ทำตัวประหลาดๆ ได้ตามสบายเพื่อไม่ให้ออกไปนอกไร่ แล้วทำไมคะ ทำไมจู่ๆ เขาถึงรู้ว่าเราอยู่ที่นี่ ทำไมเขาตามหาเราเจอคะ” แอนนิต้าถามอย่างสงสัย
ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งอรุณีและแอนโทนี่ไม่เคยทำให้หญิงสาวเฉลียวใจเลยว่า การที่ขอร้องไม่ให้มีเพื่อนนอกไร่ต้นรักนอกจากฟ้าใสลูกสาวหัวหน้าคนงานในไร่เท่านั้น และยอมให้ตัวเป็นฝรั่งจ๋าแต่งตัวประหลาดๆ โดยไม่บ่นไม่ว่าสักคำ
หนำซ้ำเรื่องการศึกษาก็ให้เทียบโอนจากต่างประเทศมาเรียนมหาวิทยาลัยเปิดของรัฐจนจบการศึกษามาได้อย่างภาคภูมิใจ กิจกรรมทุกอย่างเกิดขึ้นภายในไร่ต้นรักเท่านั้น
ไม่เคยมีคนนอกรู้เรื่องราวในไร่ต้นรักว่าใครเป็นใคร นี่ต่างหากที่ทำให้หญิงสาวสงสัยว่าคนบ้านปุณยนันท์หาตัวเธอเจอได้อย่างไร
“เป็นเพราะคุณยุทธ เอ่อ พ่อของคนที่ชื่อมาร์กที่มาพบเราเมื่อกลางวัน เขาเป็นอดีตทนายความของบ้านปุณยนันท์ ที่ตอนนี้เกษียณมาทำไร่ทำสวนอยู่ที่เมืองกาญจน์ การสืบหาคนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนอย่างคุณยุทธอยู่แล้ว แม่เพิ่งได้รับการติดต่อจากเขา ก่อนหน้าที่คุณมาร์กจะบุกมาหาเราถึงในไร่แค่ไม่กี่วันเท่านั้น ดังนั้นแม่คิดว่าเรื่องนี้คงจะปิดแอนนี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว จึงต้องบอกให้ลูกรู้พร้อมกับอยากจะขอร้องลูกไปพบกับคุณเอกภพสักครั้งได้ไหม”
แอนนิต้าส่ายหน้าทั้งน้ำตา หญิงสาวยังทำใจยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ได้ เมื่อไม่ต้องการแม่แต่ต้องการตัวเธอ ก็ไม่มีทางเสียล่ะ ที่คนอย่างแอนนิต้าจะยอมง่ายๆ
แอนโทนี่เห็นท่าทางของบุตรสาวแล้วพอจะเดาออกได้ว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาอยากให้เรื่องนี้จบลงให้เร็วที่สุดเพื่อให้ครอบครัวเจอร์ราเมียกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ชายผู้เป็นพ่อแสนประเสริฐในหัวใจของแอนนิต้าจึงปลอบใจว่า
“แต่แด๊ดว่าแอนนี่ควรไป ไปทำหน้าที่ของลูกให้เสร็จสมบูรณ์” แอนโทนี่พูดช้าๆ แล้วบอกต่ออีกว่า
“แด๊ดไม่เคยสอนให้แอนนี่หนีความจริง ความจริงคือสิ่งไม่ตายและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แล้วแด๊ดก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องหนี ถ้าเราหนีเท่ากับว่าเราไม่ยอมรับความจริง ถ้าเป็นอย่างนั้นแอนนี่ต้องหนีไปตลอดชีวิต ซึ่งแด๊ดจะเสียใจมาก ที่ลูกสาวของแด๊ดเป็นคนขี้แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแบบนี้” แอนโทนี่รู้นิสัยของแอนนิต้าดีว่าต้องพูดอย่างไร จึงกล่อมต่อไปอีกว่า
“คนที่บ้านปุณยนันท์ไม่ใช่คนเลวทุกคนหรอก พวกเขาใช้เวลาเกือบแทบทั้งชีวิตของแอนนี่ตามหา ถ้าจะผิดก็ผิดที่แด๊ดกับมัมกักตัวแอนนี่ไว้ ไม่ให้ได้พบหน้าค่าตากันตามความถูกต้อง ถ้าแอนนี่จะโกรธก็ควรจะโกรธแด๊ดกับมัมมากกว่า” บิดาเล่นบทเรียกร้องความเห็นใจจากหญิงสาว
“ไม่จริงค่ะ แด๊ดอย่าพูดอย่างนั้น แด๊ดกับมัมปกป้องหนูต่างหาก” แอนนิต้าแย้งขึ้นมาทันที
“ถ้าอย่างนั้นทำเพื่อมัมสักครั้งได้ไหม แอนนี่กลับไปหาคุณเอกภพ กลับไปพบกับพวกปุณยนันท์ไปพิสูจน์ให้พวกเขารู้ว่า ถึงแม้จะไม่มีการช่วยเหลือจากพวกเขา แอนนี่ก็เติบโตขึ้นมาและเป็นคนดีได้ สักครั้งได้ไหมแอนนิต้า” แอนโทนี่ขอร้องอีกแรง
ชายวัยกลางคนอยากให้เธอเรียนรู้ที่จะออกไปเผชิญความเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้อยู่ที่หญิงสาวเป็นคนเลือกที่จะตัดสินใจ
หากว่าแอนนิต้าไม่สมัครใจที่จะไปบ้านปุณยนันท์ เขากับอรุณีปรึกษากันแล้วว่าจะหาทางออกให้แอนนิต้าได้อย่างไร
