บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

“ไปพบทำไมคะ ทำไมต้องไปพบพวกเขา” แอนนิต้าเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสนใจ หญิงสาวไม่คุ้นชื่อของคนที่มารดากำลังกล่าวถึงเลยแม้แต่น้อย

“คุณเอกภพกำลังป่วยและอยากจะพบหน้าแอนนี่สักครั้ง แอนนี่ไปได้ไหมลูก” คุณอรุณีเกริ่นถึงบุคคลอื่นที่เพิ่งเกิดขึ้นในชีวิตของหญิงสาว

นางได้รับโทรศัพท์จากอดีตทนายความประจำตระกูลของบ้านปุณยนันท์ที่สืบเสาะข่าวตามหาตัวเธอและลูกจนพบเมื่อหลายวันก่อน

ทันทีที่อรุณีทราบว่าคุณยุทธรู้ที่อยู่ของตนและลูกแล้ว นางก็เริ่มคาดเดาในสิ่งที่กำลังจะตามมาต่อไปในวันข้างหน้า ยิ่งเมื่อได้รับข่าวล่าสุดว่าคุณหญิงทิพย์เริ่มไม่แข็งแรง และคุณเอกภพก็ป่วยกระเสาะกระแสะมายาวนานยังไม่มีทีท่าว่าอาการจะดีขึ้น

ทุกคนอยากพบหน้าแอนนิต้าบุตรสาวที่เกิดกับอรุณีและคุณเอกภพ ในที่สุดสิ่งที่นางกลัวมากที่สุดในชีวิตก็กำลังเกิดขึ้น ความจริงบางอย่างที่แอนนิต้าต้องรู้ เรื่องราวที่อยากจะลบไปจากใจกำลังจะถูกพูดถึงอีกครั้ง

“คุณเอกภพเป็นใคร ทำไมแอนนี่ต้องไปเยี่ยมด้วย อาการป่วยของเขาหนักมากเหรอคะ” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย ทำไมเจาะจงให้เธอต้องเป็นคนไปเยี่ยมด้วย

ไม่มีคำตอบจากผู้ใหญ่ทั้งสอง ทั้งคู่ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้แอนนิต้าเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ชายสูงวัยเห็นสีหน้าภรรยาแล้วก็อดที่จะสงสารไม่ได้ ไม่อยากเห็นอรุณีทุกข์ใจแบบนี้เลย

“แอนนี่ แด๊ดขอร้อง ไปพบหน้าคุณเอกภพสักครั้งได้ไหม เพื่อเขาจะได้สบายใจและมีกำลังใจรักษาตัวต่อไป” แอนโทนี่ช่วยภรรยาเกลี้ยกล่อมอีกแรง เขาเองก็อยากให้เรื่องนี้จบโดยไว เพื่อว่าอรุณีจะได้มีความสุขสียที

“โธ่ แด๊ด แม้แต่แด๊ดก็จะให้แอนนี่ไปพบเขา แล้วเขาเป็นใครสำคัญยังไง ทำไมแอนนี่ต้องไปด้วยคะ” แอนนิต้าไม่เข้าใจสิ่งที่บิดามารดากำลังพูดในตอนนี้จริงๆ

คุณเอกภพอะไรนี่ เธอก็ไม่รู้จักมาก่อน แล้วจู่ๆ วันนี้มารดาและบิดาจะให้เธอไปพบกับเขา เพื่ออะไรกัน

“แอนนี่จ้ะ แม่มีเรื่องจะต้องบอกให้แอนนี่รู้” คุณอรุณีตัดสินใจแล้ว นางหันหน้ามามองสามีที่นั่งให้กำลังใจอยู่ข้างๆ คุณแอนโทนี่พยักหน้าแล้วยิ้มให้เป็นกำลังใจ

“เรื่องอะไรคะ มัม” หญิงสาวรู้สึกแปลกๆ กับท่าทีของบิดาและมารดาเหลือเกิน เหมือนมีลับลมคมในอะไรที่เธอเองไม่เคยรู้มาก่อน มันน่าสงสัยจริงๆ

“เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วแม่ไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นไปอาศัยใบบุญที่บ้านปุณยนันท์เป็นที่คุ้มกะลาหัว เรียนจบคุณหญิงทิพย์ก็ฝากให้ทำงานต่อในบริษัทในเครือของท่าน แม่อยู่ที่นั่นหลายปีคุณเอกภพลูกชายคนเดียวของคุณหญิงกลับมาจากเมืองนอก แม่จึงได้พบกับคุณเอกภพที่บ้านปุณยนันท์”

เล่ามาถึงตรงนี้นางต้องกล้ำพยายามฝีนไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมาเพราะเกรงว่าจะเล่าเรื่องนี้ได้ไม่จบ คุณแอนโทนี่บีบหัวไหล่บางของภรรยาเบาๆ ก่อนจะโอบกอดเพื่อให้กำลังใจอีกแรง

“เราสองคนมีโอกาสได้ร่วมงานและสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว คุณเอกภพเป็นคนดีเหมือนคุณหญิงทิพย์แต่เพราะความไม่รู้จักเจียมตัวเองว่าไม่คู่ควรกับคุณเอกภพ ทำให้เกิดเรื่องที่ไม่สมควรขึ้น เราสองคนรักกันและมีความสัมพันธ์กัน จนกระทั่ง..."นางกลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น

สีหน้าของแอนนิต้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวเริ่มใจคอไม่ดีมองหน้าแอนโทนี่สลับกับรอฟังเรื่องเล่าจากปากของมารดาอย่างตั้งใจ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

“จนกระทั่งอะไรคะมัม เกิดอะไรขึ้น” แอนนิต้ารัวถามด้วยความอยากรู้ หวังว่าสิ่งที่คิดตามคงไม่ใช่เรื่องจริง ถ้าไม่เช่นนั้น...

“จนกระทั่งคุณหญิงรู้เรื่องเข้า คุณเอกภพยืนยันที่จะแต่งงานกับแม่ให้ได้ แต่ท่านไม่ยอมเพราะไปทาบทามคุณพรรณี ลูกสาวของเพื่อนไว้ให้คุณเอกภพแล้ว แม่เสียใจมากที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณหญิงกับคุณเอกภพผิดใจกัน คุณเอกภพพาแม่ออกจากบ้านปุณยนันท์ไปอยู่ที่อื่น ส่วนคุณหญิงทิพย์ตรอมใจล้มป่วยลง”

“แล้วยังไงต่อคะ จากนั้นเกิดอะไรขึ้น” เกิดอะไรขึ้นกับมารดาแล้วสิ่งนั้นทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับตัวเธอด้วยหรือเปล่า

“แม่รับไม่ได้ที่เห็นคุณหญิงต้องตรอมใจจนล้มป่วย วันหนึ่งแม่ตัดสินใจคุยและขอให้คุณเอกภพยอมทำตามใจคุณหญิงเพื่อให้อาการป่วยดีขึ้น แต่คุณเอกภพไม่รับฟังใดๆ ทั้งสิ้น ยืนยันที่จะทำให้คุณหญิงยอมรับแม่ให้ได้ จนในที่สุดแม่ก็รู้ตัวว่าตั้งท้อง แม่บอกเรื่องนี้กับทุกคน คุณเอกภพดีใจมาก” น้ำเสียงของอรุณีเศร้าลงไปอีกอย่างเห็นได้ชัด เล่าต่อไปอีกว่า

“ดีใจถึงขนาดตั้งชื่อลูกไว้ก่อนตั้งแต่ยังไม่คลอด แล้วบอกเรื่องนี้ให้คุณหญิงทราบพร้อมกับยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะแต่งงานกับแม่ให้ได้ เรื่องนี้น่าจะเป็นข่าวดีให้คุณหญิงอาการดีขึ้น แต่เปล่าเลยยิ่งกลับทำให้อาการของท่านทรุดหนักลงไปอีก แม่เห็นคุณหญิงล้มป่วยคราวนี้ก็ยิ่งทำให้เสียใจมากกว่าเดิม จนในที่สุดก็ตัดสินใจว่าควรจะทำในสิ่งที่สมควรเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ท่านชุบเลี้ยงและเมตตามาตลอด และเพื่อให้ครอบครับปุณยนันท์กลับมามีความสุขเหมือนเดิม แม่จึงตัดสินใจออกจากบ้านปุณยนันท์มาโดยไม่บอกให้ใครรู้แม้แต่คนเดียว ตอนนั้นแอนนี่ก็อยู่ในท้องแม่แล้วนะลูก” อรุณีร่ำไห้ออกมาเบาๆ

แอนนิต้านั่งนิ่งเหมือนถูกสะกด หญิงสาวตัวชาไปหมดทั้งร่างพยายามฝืนกระดิกร่างกายให้มีความรู้สึก เพื่อยืนยันกับสิ่งที่ตนเองได้ยินเมื่อครู่นี้

“มัม นี่มันเรื่องอะไรคะ” แอนนิต้าครางเบาๆ อย่างเจ็บปวด หญิงสาวก้มหน้าลงบนฝ่ามือทั้งสองข้าง พยายามสะกัดกลั้นไม่ให้มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่งามนั้น

“แอนนี่...” อรุณีครางเรียกชื่อของบุตรสาวเบาๆ

นางเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน ยิ่งเห็นแอนนิต้าร่ำไห้ออกมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนแล้ว ยิ่งรู้สึกผิดจนไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้อีก

ชายวัยกลางคนเข้าใจความรู้สึกของทั้งคู่ในตอนนี้ดี สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในคือพยายามปลอบใจให้อรุณีมีกำลังเล่าความจริงให้ฟังต่อจนจบ

“แม่ออกจากบ้านปุณยนันท์มาโดยไม่มีอะไรติดตัวมาสักอย่าง ตอนนั้นแม่หางานทำเพื่อเก็บไว้เป็นค่าคลอดและเตรียมไว้เลี้ยงหนู ไม่ยอมให้คนที่บ้านปุณยนันท์รู้ว่าอยู่ที่ไหน เมื่อไรที่พวกเขาตามหาแม่เจอ แม่ก็จะหนีเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ จนในที่สุด แม่หนีมาทำงานที่พัพยา ตอนนั้นแม่ท้องได้ห้าเดือนแล้ว แต่ท้องยังไม่ใหญ่มากนักหนูเองก็ไม่กวนเท่าไรทำให้แม่ทำงานได้อย่างสบาย” อรุณีฝืนใจเล่าต่อไปว่า

“จนกระทั่งวันหนึ่งแม่กำลังจะเดินกลับไปที่พักหลังจากเลิกงาน แม่โดนคนใจร้ายมันมาดักจี้แล้วเอาเงินที่มีติดตัวไปจนหมด โชคดีที่มันไม่ทำอะไรเพราะมีคนมาช่วยไว้ทัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น ไอ้โจรใจร้ายเอาเงินไปจนหมดค่าที่พักหรือค่ากิน แม้แต่เงินที่เตรียมเอาไว้คลอดหนูก็ไม่มีเหลือ ตอนนั้นไม่มีแม้แต่เงินจะกินข้าวด้วยซ้ำ แต่ก็โชคดีที่คนที่ช่วยไว้หยิบยื่นน้ำใจเล็กน้อยให้ทำให้วันนั้นเราสองคนรอดตายจากความหิวได้” เล่ามาถึงตรงนี้ หญิงวัยกลางคนก็ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น

“แต่ปัญหาก็ยังไม่หมดเท่านั้น อีกไม่กี่วันก็ต้องจ่ายค่าเช่าห้องและต้องไปหาหมอเพื่อตรวจท้อง แม่ยังไม่มีเงินมาจ่ายค่าที่พักทำให้เจ้าของเขาไล่ออก ก็เลยคิดจะไปขอความช่วยเหลือเถ้าแก่ที่ทำงานด้วย ตอนแรกก็ยอมให้อยู่ด้วยแต่พอผ่านไปหลายวันเข้า ก็ให้ออกกระทันหันและกล่าวหาว่าแม่ไปขโมยเงินของเขาทั้งๆ ที่แม่ไม่ได้ทำ ตอนนั้นแม่คิดแค่ว่าทำอย่างไรก็ได้ ให้หาเงินมาเป็นค่าคลอดหนูให้ได้ แม่อยากเห็นหน้าหนูเต็มทีแล้ว แต่ไม่มีใครที่ไหนรับคนท้องใกล้คลอดทำงานสักคน ที่พึ่งที่เดียวของแม่ก็คือหนู แต่แม่เสียใจเหลือเกินที่ไม่สามารถทำให้หนูสุขสบายได้อย่างที่ตั้งใจไว้ แม่คิดว่าโลกนี้คงไม่มีที่สำหรับเราสองคน แต่ไม่คิดว่าจะทิ้งหนูไว้คนเดียวบนโลกนี้ แม่ตัดสินจะเดินลงไปในทะเลเพื่อไปเริ่มต้นใหม่ในโลกหน้า”

อรุณีสะอื้นจนตัวโยน ไม่สามารถกลั้นความรู้สึกต่างๆ ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว แอนโทนี่โอบกอดร่างของภรรยาไว้อย่างแนบแน่น

แอนนิต้าก็ไม่ต่างจากมารดาเท่าไร หญิงสาวก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากฝ่ามือทั้งสองข้าง แสดงผ่านออกมาทางกายที่กำลังสั่นระริกๆ อยู่ในตอนนี้

แอนนิต้ากลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้ออกมาจากลำคอ หญิงสาวสงสารมารดาเหลือเกินไม่คิดมาก่อนเลยว่าเรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนจะเศร้าขนาดนี้

“แม่กำลังจะพาหนูไปอยู่ในที่ของเรา แต่เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังเมตตาให้เราสองคนแม่ลูกได้มีชีวิตอยู่ต่อ ทำให้แม่ถูกคนๆ หนึ่งดึงขึ้นมาบนฝั่ง แล้วให้ชีวิตใหม่กับแม่และหนู คนๆ ก็คือแอนโทนี่หรือแด๊ดของแอนนี่ยังไงลูก” คุณอรุณีบอกความจริงให้แอนนี่ฟัง

คุณอรุณีเล่ามาถึงตรงนี้ แอนนิต้ายิ่งสะอื้นหนักมากขึ้น หญิงสาวตัวสั่นราวกับลูกนกตกน้ำ เสียงสะอื้นดังลอดออกมาอย่างกลั้นไม่ได้ แอนโทนี่ได้แต่เฝ้ามองดูบุตรสาวสะอื้นด้วยความสงสาร เขาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นว่า

“แด๊ดพามัมไปบ้านของเราที่อังกฤษ ไปอยู่ได้สามเดือนก็คลอดแอนนี่ออกมา ตอนเด็กหนูตัวเล็กมากจนแด๊ดไม่มั่นใจว่าหนูจะรอดไหม แด๊ดจึงไปที่โบสถ์เก่าขอให้คุณพ่อบาทหลวงขอพรจากพระแม่มารีย์ให้แอนนี่ปลอดภัย จนในที่สุดแอนนี่ก็อยู่กับแด๊ดมาจนถึงทุกวันนี้ แด๊ดรู้สึกว่าหนูกับมัมเป็นของขวัญที่ดีที่สุดจากพระเป็นเจ้าที่ประทานมาให้ หนูเป็นแองเจิลน้อยๆ ของแด๊ดเสมอ แอนนิต้า” มือที่เคยโอบอุ้มวันนี้กลายเป็นมือที่ให้ความอบอุ่นแก่แอนนิต้าเหมือนเคย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel