บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

ห้องนอนบนเรือนใหญ่กำลังวุ่นวายกับการปฐมพยาบาลคนป่วยอย่างเร่งด่วน ทุกคนต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือบ้างก็บีบนวดแขนขา บ้างก็วิ่งวุ่นหายาดมยาลมกันให้ทั่ว

“ออกไปกันก่อนให้แอนนี่ดูแลคนเดียวก็พอแล้ว” ชายวัยกลางคนเดินตามเข้ามาสบทบ สีหน้าเป็นกังวลกลัวว่าอาการป่วยที่มีแต่ทรงกับทรุดของคุณอรุณีจะมีปัญหาอื่นตามมาอีก

“ถ้าคุณอรุณีฟื้นขึ้นมาแล้วจะเอาอะไร เดี๋ยวฉันจะเรียกพวกเธอเอง” เขาบอกให้ทุกคนคลายกังวล

คนงานบนเรือนที่กำลังนวดเฟ้นตามร่างกายของเจ้านายที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ต่างทยอยพากันลุกขึ้นออกไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของนายฝรั่งคนนี้

“แด๊ด มัมจะเป็นอะไรมากไหมคะ แอนนี่กลัว”

สาวผมแดงเรียกแทนตนเองว่าแอนนี่โผเข้ากอดชายวัยกลางคน ไม่เคยเห็นมารดาเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมัมก็ฟื้นแล้ว แอนนี่อย่าห่วงไปเลย” คุณแอนโทนี่ลูบศีรษะบุตรสาวเบาๆ เป็นการปลอบใจ เขาเองก็กลัวเหมือนกันว่าภรรยาที่จะเป็นอะไรมากหรือเปล่า

คุณอรุณีรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาอีกทีตอนใกล้ค่ำ นางลืมตามองไปรอบห้องเห็นแอนโทนี่กำลังนั่งอ่านหนังสือที่โซฟา

“แอนโทนี่คะ ลูกไปไหน” คุณอรุณีร้องเรียกสามีเบาๆ พยายามขยับกายลุกขึ้นจากที่นอน

“ที่รัก คุณรีบลุกขึ้นทำไม นอนพักอีกสักประเดี๋ยวเถอะ” คุณแอนโทนี่ทำเสียงดุแล้วรีบเข้ามาประคองภรรยาด้วยความห่วงใย

“ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ แอนนี่ล่ะคะ แอนนี่ไปไหน” คุณอรุณียิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ผมให้แกไปอาบน้ำเพื่อจะได้มาเฝ้าคุณ เผื่อว่าคุณยังไม่ฟื้น”

“ผมนึกว่าคุณจะไม่ยอมลืมตาตื่นมาดูหน้าผมอีกแล้ว ที่รัก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แอนโทนี่ก้มลงจูบที่หน้าผากของอรุณีเบาๆ เป็นการแสดงให้รู้ถึงความรักที่มีต่อเธออย่างลึกซึ้ง

“ฉันจะไม่ลืมตาได้อย่างไรคะในเมื่อรู้ว่าคุณรออยู่ ในโลกนี้คงมีแต่คุณที่รักฉันจริงๆ” นางรับตาพริ้มรับจูบอันอ่อนโยนจากสามีซบหน้าบนอกกว้างซึ่งเป็นที่พักพิงหัวใจ หลายสิบปีที่อยู่ด้วยกันมาทำไมจะไม่รู้ว่าเขารักเธอมากแค่ไหน

“ที่รัก คุณกลัวอะไรบอกผมได้ไหม” คุณแอนโทนี่กระซิบถามเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ความเป็นสามีภรรยาที่มายาวนาน ทำให้แอนโทนี่ดูออกว่าภรรยากำลังมีเรื่องทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส

“ฉันกลัว กลัวเขาจะมาเอาแอนนี่ของเราไปค่ะ” คุณอรุณีตอบเสียงสั่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอยากจะควบคุมร่างกายไม่ให้รู้สึกกลัวกับสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้น

“ไม่มีใครมาแย่งแอนนี่ไปจากคุณได้ เชื่อผมซิ” ชายวัยกลางคนเอามือลูบบนผมนุ่มดกดำที่ยังคงความสวยงามไว้เหมือนแต่ก่อนอย่างช้าๆ แล้วปลอบใจต่อ

“เรื่องนี้เราเคยคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ คุณเป็นคนบอกผมเองว่าเมื่อถึงเวลาแอนนี่ควรได้รู้ความจริง แล้วยังจะกลัวอะไรอีก ความกลัวจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นนะ ที่รัก” คุณแอนโทนี่กระชับอ้อมแขนเข้ามากอดคุณอรุณีไว้อย่างอบอุ่น

“ฉันรู้ค่ะ เพียงแต่กลัวว่าลูกจะรับไม่ได้ และยิ่งรับไม่ได้ถ้าลูกจะไม่รักคุณเหมือนแต่ก่อน กลัวว่า...” คุณแอนโทนี่เอามือมาแตะที่ริมฝีปากบางของอรุณีเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มจากใจ

“อย่ากลัว เรื่องนี้ให้แอนนี่เป็นคนตัดสินใจเอง ลูกโตพอที่ควรจะรู้ว่ารักใครหรือไม่รักใครแล้ว ผมไม่คิดว่าลูกจะรักผมน้อยลงหรือรักคนอื่นมากกว่า สิ่งที่ผมกังวลตอนนี้คือแกจะคิดอย่างไรกับเรื่องที่เราจะให้ทำต่อไปนี้มากกว่า” สองสามีภรรยาสบตากันอย่างเป็นกังวล ถึงเวลาที่ทั้งคู่จะต้องบอกเรื่องบางอย่างให้แอนนิต้าได้รับรู้แล้ว โชคชะตาต่อจากนี้ให้เธอเป็นคนเลือกเอง

“มัมว่าอะไรนะ จะส่งหนูไปกรุงเทพฯกับคนที่ทำให้มัมเป็นลมเมื่อตอนบ่ายนะเหรอคะ” แอนนิต้าตาโตด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาพูด

หลังจากที่กลับเข้ามาในห้องนอนเห็นมารดาฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีแอนโทนี่นั่งกุมมืออยู่ไม่ห่าง แอนนิต้าค่อยโล่งใจขึ้นมาบ้าง

“แหม สวีตกันอีกแล้วนะคะ มัมกับแด๊ดเนี่ย” ลูกสาวคนสวยโผเข้ากอดมารดาและบิดาอย่างรักใคร่ คุณอรุณีหอมแก้มแอนนิต้าฟอดใหญ่

“แอนนี่นั่งลงก่อน แด๊ดกับมัมมีเรื่องจะคุยกับหนู” คุณแอนโทนี่ขยับที่นั่งให้บุตรสาว ปล่อยให้สองคนแม่ลูกคุยธุระสำคัญกัน แอนนิต้าแทรกตัวลงตรงกลางเหมือนเช่นเคย ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังทำตนเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสายามที่อยู่กับบิดาและมารดาเช่นนี้เสมอ

“แอนนี่จ๊ะ แม่จะให้หนูไปกรุงเทพฯกับคุณมาร์กสักพัก หนูไปทำธุระให้แม่หน่อยได้ไหม”

“มัมจะให้หนูไปทำธุระอะไรให้ที่กรุงเทพฯ เมื่อก่อนหนูขอไปกรุงเทพฯกี่ครั้ง มันกับแด๊ดก็ไม่เห็นอยากจะให้ไปสักครั้งเลย หนูต้องอ้อนวอนขอร้องแทบเป็นแทบตายกว่าจะอนุญาต”

คุณอรุณีกับแอนโทนี่สบตากัน ก่อนที่คุณอรุณีจะเอ่ยต่อ

“แม่อยากให้หนูไปอยู่กรุงเทพฯสักพัก รอจนทุกอย่างเข้าที่แล้ว แม่ค่อยคิดว่าหนูจะกลับมาไร่เราเมื่อไรดี”

คุณอรุณีพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด เพื่อไม่ให้บุตรสาวจับได้ว่าตนกำลังรู้สึกอย่างไร

“ทำไมต้องส่งหนูไปกรุงเทพฯที่ไร่ของเรามีปัญหาอะไรหรือคะ” แอนนิต้าถามอย่างสงสัย ความช่างสังเกตที่เป็นนิสัยประจำตัวเธอที่ใครๆ รู้ดี ไม่มีอะไรรอดสายตาของแม่สาวผมแดงคนนี้ไปได้สักอย่าง

คุณอรุณีเงียบไม่ตอบ นางไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรให้บุตรสาวฟัง ไม่กล้าจะบอกความจริงบางอย่างที่เป็นการกระทบถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสาม

ยิ่งมารดาเงียบไม่ตอบแบบนี้ แอนนิต้ายิ่งมั่นใจได้เลยว่ามีปัญหาจริงๆ จึงหันมาคาดคั้นกับคุณแอนโทนี่อีกทาง

“ไร่เรามีปัญหาอะไรคะ แด๊ด มีอะไรเกิดขึ้นบอกหน่อย บางทีแอนนี่จะจัดการให้ได้”

“ไม่มีอะไรหรอกแอนนี่ มัมแค่อยากให้ลูกไปเปิดหูเปิดตาพักผ่อนจากงานในไร่บ้างเท่านั้นเอง” คุณแอนโทนี่เลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้เสียเอง เขาอยากให้ภรรยาเป็นคนเอ่ยปากเล่าเรื่องสำคัญให้บุตรสาวฟังเอง

บรรยากาศในห้องเงียบไปสักพัก ไม่มีใครยอมเปิดปากพูดเรื่องนี้ขึ้นมาต่อเลย จนในที่สุดแอนนิต้าเป็นฝ่ายทนไม่ได้

“มัม ไม่อยากให้แอนนี่อยู่ที่นี่แล้วใช่ไหม ถึงได้ให้ไปไกลๆ จะได้ไม่ต้องปวดหัวเวลาแอนนี่ลุกขึ้นมาทำอะไรประหลาดๆ แบบย้อมหัวสีแดงนี่ใช่ไหมคะ ถ้ามัมไม่ชอบ แอนนี่ไม่ทำก็ได้เดี๋ยวพรุ่งนี้ แอนนี่จะไปทำให้เป็นสีดำตามที่มัมต้องการก็ได้” แอนนิต้าน้ำตาคลอ เธอเข้าใจว่ามารดาจะหาทางสั่งสอนทางอ้อมเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นแน่

คุณอรุณีเห็นบุตรสาวเสียใจในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของตนแม้แต่นิดเดียว ยิ่งเห็นว่าดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า นางก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นจนต้องโอบกอดตัวเธอไว้แล้วปลอบใจ

“หนูจะประหลาดแค่ไหนในสายตาคนอื่น แต่หนูเป็นลูกที่แม่รักเสมอนะ” หญิงสาวโผเข้าซุกอกของมารดาทันที

“แล้วมัมจะให้แอนนี่ไปอยู่ไกลๆ ทำไมกันคะ แอนนี่อยากอยู่ใกล้ๆ มัมกับแด๊ดที่นี่” หญิงสาวตัดพ้อเบาๆ

ได้ฟังคำพูดของมารดาแล้วก็ยิ่งอบอุ่นใจมากขึ้น ในโลกนี้มองไม่เห็นเลยว่าจะมีใครรักเธอได้มากเท่าคุณอรุณีกับคุณแอนโทนี่อีกแล้ว

สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างหนักใจ นางกำลังคิดว่าจะหาทางเกลี้ยกล่อมให้แอนนิต้ายอมไปกรุงเทพฯได้อย่างไร ชายวัยกลางคนบีบมือภรรยาเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ

“แอนนี่ แด๊ดกับมัมก็ไม่ได้อยากให้หนูไปอยู่ไกลถึงกรุงเทพฯหรอก แต่เราสองคนมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะให้หนูไปทำแทนหน่อย แอนนี่จะทำให้แด๊ดกับมัมได้ไหม งานที่จะให้แอนนี่ไปทำคราวนี้สำคัญมาก และมีแอนนี่เพียงคนเดียวที่จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้” บิดายิ้มให้บุตรสาวอย่างอ่อนโยน

“งานอะไรคะ แด๊ด” คำพูดของบิดาทำให้หญิงสาวต้องนิ่งฟังด้วยความสนใจ

“แม่อยากให้แอนนี่ไปหาคนคนหนึ่งจ้ะ” คุณอรุณีสานต่อทันที

“ใครเหรอคะ มัมจะให้แอนนี่ไปหาใครเอ่ย แล้วทำไมต้องไปหาด้วย” แอนนิต้าถามด้วยความอยากรู้

ให้ไปกรุงเทพฯและไปพบคน คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเป็นใคร เพราะไม่เห็นว่าจะมีใครสำคัญถึงขนาดที่เธอต้องไปพบ และยิ่งไปกว่านั้นไม่เคยเห็นบิดาและมารดามีเพื่อนอยู่ที่กรุงเทพฯแม้แต่สักคนเดียว

“แม่อยากให้แอนนี่ไปที่บ้านปุณยนันท์จ้ะ ไปพบคุณเอกภพ คุณหญิงทิพย์แล้วก็คุณพรรณี” น้ำเสียงของคุณอรุณีแฝงความเศร้าเล็กน้อยเมื่อต้องนึกถึงบุคคลที่เอ่ยมาก่อนหน้านี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel