บทที่ 3 ผู้ชายคนนั้น...
ตี๊ดดดด
สุดท้ายก็กลายเป็นว่าวรวลัญช์ต้องหมุนตัวกลับไปเปิดประตูเข้าตึกให้กับผู้ชายสามคนที่เธอตั้งใจที่จะไม่เปิดประตูให้กับพวกเขาตั้งแต่ทีแรก ก็ไม่รู้เพราะอะไรปกติวรวลัญช์ก็เป็นคนมีน้ำใจนะ
เธอแค่รู้สึกถึงสายตาไม่เป็นมิตร...ของผู้ชายที่เป็นคนขับรถเลย
“หนูดีใช่ไหม พี่กู๊ดมันบอกพี่แล้ว” หญิงสาวยกมือไหว้ทุกคน เธอไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่หลบทางให้ผู้ชายสามคนเดินเข้ามาในตัวตึก
“พี่เรียกเราเมื่อกี้สงสัยเบาไปเลยไม่ได้ยิน” ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นเหมือนว่าไม่ได้ถือโทษมีแต่ผู้ชายคนนั้นที่เป็นคนขับรถกลับมองเธอเหมือนว่ารู้ทัน...
วรวลัญช์หันหน้าไปอีกทางและครางรับในลำคอเบา ๆ ก่อนจะผายมือให้ทุกคนเดินนำเธอไปเพราะหญิงสาวไม่รู้ว่าห้องไปทางไหน
“ชั้นไรนะไอ้ปริญสิบห้าหรือสิบหก?” ผู้ชายหน้าตี๋หันไปถามเพื่อนเขาข้ามศีรษะเธอ ตอนนี้เธอยืนอยู่ตรงกลางโดยมีผู้ชายหน้าเข้มกับผู้ชายหน้าหยิ่งเดินตามหลังมา
“สิบหกค่ะ” เมื่อทุกคนดูเหมือนไม่รู้แต่เธอรู้ วรวลัญช์จึงตอบออกไป
ก่อนจะคิดได้ว่าเธอควรถอดผ้าปิดปากออกหน่อยดีไหมเพราะอากาศร้อนแป้งที่ทาไว้จะเลอะเป็นด่าง
หญิงสาวก็ทำอย่างที่คิดในขณะที่เรากำลังยืนรอลิฟต์อยู่ และมือที่กำลังจะถอดผ้าปิดปากออกผู้ชายคนเดิมที่เฟรนลี่หน่อยก็หันมาถามเธอด้วยน้ำเสียงขี้เล่นตามสไตล์คนเจ้าชู้
“หนูดีมาคนเดียวเหรอแล้วเพื่อนล่ะครับ?” มือบางดึงผ้าปิดปากออก เธอถือมันไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนพูด
“เพื่อนน่าจะขึ้นไปกันแล้วค่ะ” วรวลัญช์ตอบไปแบบนั้นทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงเธอรู้จักเพื่อนคนไหนกันเล่า พี่เบิร์ดมองเธอพร้อมกับยิ้มกว้างและวาดแขนไปกอดคอเพื่อนเขาอีกคนที่หน้าเข้ม ๆ
“พี่ชื่อเบิร์ดนะครับ นี่พี่ปริญ แล้วคนนั้นไม่ต้องไปรู้จักหรอกค่ะ รู้จักพี่สองคนก็พอเนอะ” ผู้ชายสองคนยิ้มให้เธอและหันหน้าไปมองกันพร้อมกับหัวเราะ
วรวลัญช์รู้ดีว่าความหมายของการหัวเราะเบา ๆ แบบนี้คืออะไร หญิงสาวระบายลมหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มสุภาพ ก่อนจะเงยหน้าไปมองตัวเลขที่แสดงลำดับชั้น
“ลิฟต์มาแล้วค่ะ” เธอตัดบทและผายมือให้ทุกคนเข้าไป
คนชื่อเบิร์ดเหมือนมีอะไรจะพูดอีก แต่ว่าลิฟต์มาถึงพอดี ผู้ชายหน้าเข้มที่มีชื่อว่าปรัญกอดคอคนชื่อเบิร์ดเข้าไปในลิฟต์ ส่วนวรวลัญช์เธอขยับหลบไปด้านข้างเพื่อให้ผู้ชายหน้าหยิ่งเดินตามเพื่อนเข้าไป
“ไอ้บลูเอ็นจอยหน่อยดิวะ” ผู้ชายที่หน้าหยิ่ง ๆ มีชื่อว่า ‘บลู’
คนชื่อบลูเดินเข้าไปก่อนเธอ ความจริงแล้วเขาควรให้จะให้ผู้หญิงเดินก่อนไหม แต่ก็ช่างเถอะดูแล้วเขาก็คงมีนิสัยไม่เอาใครเลยนั่นแหละ และในจังหวะที่หญิงสาวหมุนตัวกลับเพื่อจะยืนหันหน้าออกทางประตูลิฟต์ เธอก็เผลอสบตามองผู้ชายมองเธออยู่ก่อนแล้ว มันเป็นสายตาเรียบ ๆ ที่รู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้ชอบเธอ
วรวลัญช์โต้ตอบเขาด้วยรอยยิ้มสังคมจากการยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวกลับมายืนกดโทรศัพท์แจ้งพี่ตองว่าตอนนี้เธอเจอลูกค้าที่พี่เธอชอบแล้ว ผู้ชายที่ชื่อว่า บลู บูรพา
ลิฟต์ดูแคบลงถนัดตาเมื่อเธอและเขายืนเคียงข้างกัน เสียงพูดคุยจากผู้ชายสองคนด้านหลังลดความกระด้างกระเดื่องอันแสนจะอึดอัดภายในกล่องสี่เหลี่ยมนี้ลงบ้าง...
ร่างกายของเขาสูงใหญ่จนเธอที่เป็นผู้หญิงที่ก็ไม่ได้เตี้ยกลับรู้สึกว่าตัวเล็กลงถนัดตา รองเท้าหนังสีน้ำตาลมันวาวบอกถึงรสนิยมและการใช้ชีวิตเจ้าของรองเท้าเป็นอย่างดี เรียบหรู และรักสะอาด
วรวลัญช์เหลือบมองแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่เรียบกริบจนน่าขนลุก เขาขยับกายล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพียงเท่านั้นกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ลอยกรุ่นออกจากกายเขา มันเป็นกลิ่นสะอาด หญิงสาวเหลือบสายตาขึ้นไปมองและอยู่ ๆ เขาก็หันมามองหน้าเธอเช่นกัน
หญิงสาวก้าวเดินขยับออกมาด้านข้างจนต้นแขนข้างหนึ่งติดผนังลิฟต์อีกฝั่ง และผู้ชายคนนั้นหมุนตัวมาจ้องมองเธอ
บูรพามองมาที่วรวลัญช์ทั้ง ๆ ที่เพื่อนกำลังพูดคุยกับเขา ชายหนุ่มตอบเพื่อนกลับไปโดยที่สายตายังไม่ละไปจากใบหน้าขาวใสของผู้หญิงคนเดิม
และสุดท้ายกลับกลายเป็นวรวลัญช์เองนั่นแหละทีต้องหลบหน้าไปอีกทาง!
