บทที่ 9 เจ้าข้าวเจ้าของ
“หายไปไหน”
ผู้กองเพลิงพูดเพราะหลังจากที่เขากลับมาจากทำงานเมื่อมาถึงบ้านก็ไม่เจอหนูนิดแล้ว ปกติเธอจะชอบมานั่งรอเขาบริเวณโต๊ะหน้าบ้านเสมอ แต่วันนี้กลับไม่นั่งคอยเหมือนเดิม
เมื่อเข้าไปดูในบ้านและห้องนอนของเธอก็ไม่พบทั้ง ๆ ที่เสื้อผ้ายังคงอยู่ในตู้ ชายหนุ่มจึงได้พูดออกมา เขาเดินไปยังโรงจอดรถและกดรีโมตที่เขาติดตั้งไว้ เพื่อเอารถมอเตอร์ไซค์ออกมา ทว่าเมื่อพื้นเปิดแล้วกลับไม่มีรถลูกรักจอดอยู่เหมือนทุกที
หัวชายหนุ่มเต้นตุบตุบ ผู้กองเพลิงรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกหนูนิดปั่นหัว แผนการทำโทษต่าง ๆ นานา ถูกชายหนุ่มร่างไว้คร่าว ๆ
“ป้าจันทร์ครับเห็นหนูนิดหรือเปล่าครับ” เมื่อหาไม่เจอและไม่รู้ว่าจะติดต่อคนก่อเรื่องยังไง จึงต้องไปถามป้าข้างบ้านที่เขาเคยไปฝากฝังหนูนิดไว้
“หนูนิดเหรอ อืม... เห็นบอกป้าว่าจะขับรถไปร้านอาหารตามสั่งนะ” ได้ฟังคำตอบของป้าจันทร์ ชายหนุ่มก็รู้สึกโล่งใจ แต่ว่าก็ยังไม่สบายใจ
เพราะบางสิ่งบางอย่างกำลังร่ำร้องว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังจะล้ำเส้นเขาอยู่ และรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนอยากลองดียุ่งเกี่ยวกับของรัก
ของหวงของเขา
ผู้กองเพลิงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองมาก ดังนั้นเขาจึงขบกรามแน่นทันที
“ผู้กองไปพร้อมลูกชายป้าไหมล่ะถ้าเป็นห่วงน้อง ตานัดจะออกไปเตะบอลพอดี ให้แวะส่งที่ร้านอาหารตามสั่งได้”
“ขอบคุณครับป้าจันทร์ ฝากด้วยนะนัด”
“ยินดีครับผู้กอง ขึ้นรถมาเลย”
ผู้กองเพลิงไม่ปฏิเสธคำเชิญชวนของป้าจันทร์ เมื่อนัดบอกให้ขึ้นรถชายหนุ่มจึงซ้อนท้ายทันที ตอนนี้ใจของเขามันไปอยู่กับหนูนิดแล้ว
นั่งซ้อนท้ายรถไม่ถึงสิบนาทีจะถึงที่หมายแต่ผู้กองเพลิงกลับรู้สึกเหมือนผ่านไปแล้วร่วมชั่วโมง
ทว่าเมื่อเขาไปถึงร้านอาหารตามสั่งของป้าจอย ภาพที่เห็นทำให้
ผู้กองหนุ่มรู้สึกอยากจับแม่ตัวดีมาฟาดก้นซะให้เข็ด
เขาก็อุตส่าห์เป็นห่วงกระวนกระวายแต่คนที่ทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวเองแบบนี้กลับมานั่งหัวร่อต่อกระซิกกับลูกชายเจ้าของร้าน!
“จริงเหรอคะ น่าเสียดายที่หนูนิดเพิ่งมาเลยพลาดงานสนุก ๆ เลย”
“ไม่ต้องเสียดายหรอกครับ แม้จะพลาดงานประจำตำบลไป แต่ยังมีงานประจำอำเภอเดือนหน้าอยู่นะครับ รับรองว่าสนุกไม่แพ้กัน และจะสนุกมากกว่างานตำบลด้วย”
“จริงเหรอคะ หนูนิดรอเลยค่ะ อิอิ”
ผู้กองเพลิงมองคนตัวเล็กที่หัวเราะและแจกรอยยิ้มให้ผู้ชายคนอื่นด้วยความไม่พอใจ
เขารู้จักกับลูกชายป้าจอยดี เพราะมาทานข้าวร้านป้าจอยบ่อยจึงได้รู้จักกันในระดับหนึ่ง
ผู้ชายคนนี้ชื่อว่าหนึ่ง เป็นผู้ชายที่นิสัยดีคนหนึ่ง ทั้งยังสุภาพอัธยาศัยดี หน้าตาเกลี้ยงเกลาเลยเป็นที่หมายปองของสาว ๆ ทั้งตำบล เมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองรู้จักสามารถเรียกว่าเพื่อนได้ กำลังจีบผู้หญิงของเขา ผู้กองเพลิงจึงมองนายหนึ่งเป็นศัตรูไปในพริบตา
“อ้าว ผู้กองเพลิง มานั่งสิครับจะยืนตรงนั้นทำไม จะสั่งอะไรบอกเด็กในบ้านได้เลยครับ หรือว่าจะรับเหมือนเดิม”
นายหนึ่งที่นั่งหันหน้าออกมานอกร้านเห็นผู้กองเพลิงยืนนิ่งอยู่หน้าร้านก็อดทักทายไม่ได้ ทั้งยังเชื้อเชิญให้เข้ามานั่งรอในร้านอย่างหวังดี แต่ความหวังดีที่เขามีให้ดูท่าจะไปไม่ถึงผู้กองหนุ่มที่ตอนนี้ตวัดสายตามองเขาอย่างดุดัน
หนูนิดที่ได้ยินคนที่เธอคุยด้วยอย่างสนุกเรียกผู้กองเพลิงนั้น จึงได้หันหน้ากลับมามองด้านหลังของเธอทันที
สายตาสองคู่สบประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนจะเป็น
หนูนิดที่เบะปากใส่ชายหนุ่มแล้วหันหน้าหนี
ผู้กองเพลิงถอนหายใจหนัก ๆ แล้วเข้าไปนั่งข้างหญิงสาวทันที
หนูนิดหันหน้ามามองคนที่เข้ามานั่งข้างด้วยหางตา ก่อนจะขยับออกห่างเนียน ๆ
ตุบ
ทว่ามีหรือที่ผู้กองเพลิงจะยอม เมื่อเห็นผู้หญิงของตัวเองขยับตัวหนี เขาจึงรีบคว้าแขนเธอพร้อมทั้งฉุดกระชากให้นั่งตักของตัวเองทันที
การกระทำของเขาทำให้หญิงสาวตาเบิกโพลง มองหน้าเขาด้วยความตกใจ แต่คนที่ตกใจกว่าคือนายหนึ่งลูกชายป้าจอยที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปแล้ว!
“พี่เพลิงปล่อยหนูนิดนะ” เมื่อตั้งสติได้หนูนิดก็ดิ้นเพื่อจะลงจากตักของเขา
“อยู่เฉย ๆ วันนี้มีความผิดนะ”
“หนูนิดผิดอะไร” หญิงสาวเถียงอย่างไม่ยินยอม เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
“เยอะ! เดี๋ยวกลับบ้านจะสาธยายให้ฟัง”
“หึ”
“นี่แน่ อย่าคว่ำปากมันไม่น่ารัก” ผู้กองเพลิงว่าพร้อมทั้งบีบปากหญิงสาวไปด้วย หนูนิดสะบัดหน้าหนีพร้อมทั้งส่งค้อนวงโตให้แล้วพูดว่า
“ไม่น่ารักก็ไม่น่ารักสิ ใครสนกัน เชอะ”
“...” คราวนี้ผู้กองเพลิงไม่ตอบ เพราะเขากำลังคิดว่าได้ทำอะไรให้สาวเจ้าไม่พอใจหรือเปล่า
แต่ไม่ว่าจะคิดกี่ตลบเขาก็คิดไม่ออก และไม่รู้ด้วยว่าตัวเองผิดอะไรหญิงสาวที่น่ารักกับเขามาตลอดจึงได้ตั้งแง่กับเขาแบบนี้ เมื่อไม่รู้จึงต้องถามแต่ถ้าถามตรงนี้คงไม่ดีนัก งั้นไว้กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ค่อยเริ่มการ
ไต่สวนและทำโทษก็แล้วกัน
“เอ่อ... ผู้กองเพลิงกับหนูนิดเป็นอะไรกันครับ”
“ให้นั่งตักและกอดเอวแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบนี้คงเป็นพี่น้องมั้ง ถามอะไรโง่ ๆ” ผู้กองเพลิงตอบพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยสายตา
โง่งม
“นี่! พูดบ้าอะไร” หญิงสาวรีบเอ่ยแย้ง เขายังไม่ได้ขอเธอเป็นแฟน ยังไม่ชัดเจนกับเธอจะมาพูดจาให้คนอื่นเข้าใจเธอผิด ๆ แบบนี้ไม่ได้
หนูนิดมองคนที่กอดเอวเธออยู่ด้วยความไม่พอใจ
“พูดความจริง” มีหรือที่ผู้กองหนุ่มจะสนใจสายตานั้น เขายังคงตีมึนต่อไป
“แต่หนูนิดไม่ได้เป็นอะไรกับพี่เพลิงนะ”
“หึ ไม่เป็นตอนนี้วันหน้าก็เป็นอยู่ดี ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม งั้นกลับบ้านเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ไม่รอให้หนูนิดปฏิเสธ ผู้กองเพลิงอุ้มหญิงสาวไปยังรถลูกรักที่จอดทิ้งไว้ทันที พร้อมทั้งให้หญิงสาวนั่งข้างหน้าใช้อ้อมกอดของเขากักขังเธอไว้แล้วขับรถออกจากร้านอาหารตามสั่งไป
นายหนึ่งมองชายหญิงที่ออกจากร้านไปด้วยความมึนงงและสับสนกับสถานะของคนทั้งคู่ แต่เมื่อคิดได้ว่าไม่ใช่เรื่องของเขา ชายหนุ่มจึงไม่สนใจอีก
