บทที่ 8 ผู้หญิงมาหา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“มาแล้วค่า” หนูนิดรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องเมื่อมีเสียงเคาะจากด้านนอก ทว่าเมื่อจะบิดลูกบิดประตูเธอก็ชะงักมือ เหตุการณ์เมื่อวานที่
ชายหนุ่มจูบและพูดกับเธอก็ลอยวนเข้ามาในหัว
นั่นมันจูบแรกของเธอเลยนะ!
ดังนั้นเมื่อคืนกว่าหญิงสาวจะหลับก็ดึกแล้ว วันนี้เธอถึงได้ตื่นสายยังไงล่ะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เปิดแล้วค่ะ เปิดแล้ว”
พูดจบหญิงสาวก็เปิดประตูห้องออกไป เมื่อเงยหน้าก็สบสายตาเข้ากับชายหนุ่มที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว
จู่ ๆ ใบหน้าของเธอก็เห่อแดง จนชายหนุ่มหลุดขำ
“พี่จะไปทำงานแล้ว อย่าไปไหนไกลนะครับ แล้วก็อยู่บ้านดี ๆ
อย่าดื้อล่ะ”
“หึ! รู้แล้วน่า เลิกพูดเหมือนหนูนิดเป็นเด็กสักทีเถอะ หนูนิดเป็นเด็กที่ไหนกัน” หญิงสาวตอบด้วยความไม่พอใจ ที่ถูกชายหนุ่มพูดราวกับเธอเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
“ยังไงก็เด็กอยู่ดี อย่าดื้อล่ะ ถ้าไม่เชื่อฟังกลับมาจะถูกลงโทษ”
จุ๊บ
“นี่!” หนูนิดยกมือลูบริมฝีปากที่จู่ ๆ ก็ถูกจูบแบบไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว
ต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่ที่หญิงสาวถูกชายหนุ่มจูบเมื่อวาน หลังจากนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกว่าเขาเอาเปรียบเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ปากบอกว่าเราเป็นเด็ก แต่ดันชอบมาขโมยจูบจากเราตลอดเลย
อีตาผู้กองบ้า! ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย โตแล้วเถอะ ออกจากสะบึ้มขนาดนี้ ว่าฉันเป็นเด็กมาก ๆ เดี๋ยวเจอเด็กขึ้นขึ้นมาจะร้องไม่ออก ฮึ่ย!
อารมณ์เสีย”
แม้ปากจะพูดว่าอารมณ์เสียแต่แววตาและสีหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
“บ้า! คนบ้า” หนูนิดร้องออกมาในขณะที่มือก็ยังไม่หยุดลูบปากตัวเองยังบริเวณที่ถูกจูบ
เมื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองได้มากพอหญิงสาวจึงไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวลงมานั่งเล่นบริเวณหน้าบ้าน
กริ๊ง... กริ๊ง...
หนูนิดมานั่งเล่นหน้าบ้านได้ไม่นานเสียงกริ่งที่ติดอยู่รั้วประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้น หญิงสาวพาร่างบอบบางของตัวเองเดินไปยังรั้วประตูช้า ๆ เมื่อเห็นว่าคนที่กดกริ่งเป็นหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งคิ้วสวยก็ขมวดมุ่น
กิริยาของหนูนิดไม่ได้ต่างไปจากกิริยาของผู้หญิงที่อยู่อีกฝั่งของประตู เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้ก่อนเท่านั้นเอง
“ผู้กองเพลิงอยู่ไหมคะ”
“พี่เพลิงไม่อยู่ค่ะ ไปทำงาน”
“จะกลับเมื่อไหร่คะ”
“ไม่ทราบค่ะ พี่เพลิงไม่ได้บอกไว้ เอ่อ... แล้วคุณ”
“ฉันชื่อใบเตยค่ะ ลูกสาวนายอำเภอบุญ หากผู้กองกลับมาแล้วบอกให้ผู้กองติดต่อหาฉันด้วยนะคะ ขอตัวค่ะ” พูดจบหญิงสาวเดินไปขึ้นรถและขับจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หนูนิดมองตามด้วยความหงุดหงิด พร้อมทั้งมองกระดาษที่มีเบอร์ติดต่ออยู่ในมืออย่างไม่ชอบใจ
“สาวมาหาถึงบ้านเลยนะพี่เพลิง” เสียงเย็นที่ออกมาจากริมฝีปากสวยนั้นทำให้ผู้กองเพลิงรู้สึกเสียวสันหลัง ทั้ง ๆ ที่เขากำลังวางแผนการจับกุมพวกลูกสมุนและผู้เกี่ยวข้องกับแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติแท้ ๆ
“เพลิง เป็นไรวะหน้าซีด ๆ”
“ไม่มีอะไรหรอก... น่าจะง่วงน่ะ” ผู้กองเพลิงตอบกลับ
“งั้นก็ดีแล้ว ว่าแต่เราจะเข้าไปสอดแนมบ้านนายอำเภอได้ยังไงโดยที่ไม่ให้คนพวกนั้นรู้ตัวหรือสงสัยวะ” ผู้กองปราบดาพูด
วันนี้ผู้กองทั้งสองคนนัดคุยงานกันนอกรอบ เพื่อวางแผนเข้าไปสำรวจสอดแนมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรค้ามนุษย์ข้ามชาติ ที่ต้องมาพูดคุยและปรึกษากันเพียงสองคนเพราะไม่ต้องการให้แผนที่วางไว้รั่วไหล ทั้งยังมีเปอร์เซ็นต์ที่จะรอดหูรอดตาคนเหล่านั้นเยอะมาก
“ยังคิดไม่ตกเลยว่ะ ลูกสมุนของพวกมันเยอะเกินไป ยากที่เราจะแฝงตัวเข้าไปได้” ผู้กองเพลิงตอบด้วยความกลัดกลุ้ม
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนได้วางแผนหลากหลายแผนการแล้วทว่าแผนการไหนก็ยังไม่ปลอดภัยและเนียนที่สุด ทุกแผนมีช่องโหว่เสมอและง่ายต่อการรู้ตัว ดังนั้นหากเขาจะกลัดกลุ้มมันก็ไม่แปลก
“ทำไมเราไม่ใช้แผนนั้นล่ะ”
“แผนไหน” ผู้กองเพลิงถามด้วยความสนใจ ผู้กองปราบยกยิ้มก่อนจะเริ่มอธิบายให้ฟังช้า ๆ
“ก็ลูกสาวนายอำเภอชอบนายไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เข้าทางเธอล่ะ
ฉันว่าถ้านายเข้าทางลูกสาวของนายอำเภอบุญเราอาจจะได้ความลับและหลักฐานมาจากอีกฝ่ายง่าย ๆ นะ”
ฟังสิ่งที่เพื่อนผู้กองพูด ชายหนุ่มก็อดพยักหน้าเห็นด้วย แต่ว่าความยากมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นนี่สิ อย่าลืมนะว่าเขาชอบหนูนิด และหนูนิดก็ชอบเขา หากเธอเห็นเขาไปกะหนุงกะหนิงกับคนอื่น ไม่ใช่ตัวเขาหรอกเหรอที่จะแย่
“เป็นไรวะไอ้เพลิง มีอะไรน่าคิดหนักกัน” ปราบดาอดถามไม่ได้
เมื่อเห็นเพื่อนตัวเองคิดมากกว่าที่ควรเป็น
“ไม่มีอะไร เอาเป็นว่าฉันจะลองไปคิดดู ตอนนี้เรามาวางแผนการอย่างอื่นคร่าว ๆ ก่อนเถอะ”
จบคำพูดของผู้กองเพลิง ทั้งสองคนก็วางแผนเรื่องต่าง ๆ ให้รัดกุมทันที ส่วนแผนนี้ที่ให้เข้าทางลูกสาวนายอำเภอ เห็นทีว่าคงต้องให้เวลาชายหนุ่มคิดสักระยะเลยทีเดียว
