บทที่ 7 จูบ
“นี่! คุณนิดคุณไม่ต้องร้อนใจไปหรอก เดี๋ยวลูกสบายใจก็กลับมาเองนั่นแหละ”
ณ บ้านหลังใหญ่ในตัวจังหวัดที่มีร่างของหญิงวัยกลางคนกำลังว้าวุ่นเดินกลับไปกลับมา ทั้งยังสั่งให้คนออกตามหาผู้เป็นลูกสาวให้วุ่น
หญิงวัยกลางคนผู้นี้แท้จริงแล้วคือคุณนิตยา เดชอนันต์ ภรรยายังสวยของผู้การณรงค์ และเป็นแม่ของหนูนิดนั่นเอง
คุณนิตยากำลังกังวลและร้อนใจอย่างหนักเมื่อผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วกลับติดต่อผู้เป็นลูกสาวไม่ได้ ทั้งยังให้คนออกตามหาก็ยังไม่พบ จึงไม่สามารถนิ่งได้อีก จนผู้เป็นสามีอย่างผู้การณรงค์พูดปรามนั่นล่ะ คุณนิตยาถึงได้หยุดเดินและหันมามองผู้เป็นสามีเขม็ง
“อะไรกันคุณมองผมแบบนั้นทำไม” ผู้การณรงค์พูดหลังจากเจอสายตาพิฆาตจากภรรยาคู่ชีวิต
“ฉันแค่แปลกใจ ทำไมคุณถึงดูไม่ร้อนใจกระตือรือร้นที่จะตามหา
ลูกสาวเราเลยล่ะคะ”
“...”
“หรือว่า... คุณมีอะไรปิดบังฉันใช่ไหม” คุณนิตยาหรี่ตาจับผิด
“อะไรกันคุณ เปล่าสักหน่อย ผมก็เป็นห่วงลูก แต่ลูกโตแล้วคุณก็ปล่อย ๆ ลูกบ้างเถอะ” ผู้การณรงค์รีบปฏิเสธทันที เขาไม่สามารถให้ภรรยารู้ได้ว่าเป็นเขานี่แหละที่ให้การช่วยเหลือหนูนิด
“จะให้ฉันปล่อยได้ยังไง นั่นลูกฉันทั้งคนนะ”
“นี่คุณนิด ลูกก็บอกอยู่ไม่ใช่เหรอว่าขอไปเที่ยวพักผ่อนสักระยะ”
“สักระยะของลูกนี่มันนานเท่าไหนล่ะคุณ”
“ก็จนกว่าคุณจะเลิกหาคู่จับแกคลุมถุงชนมั้ง” ผู้การณรงค์ตอบอย่างไม่คิดอะไร แต่คนฟังอย่างคุณนิตยากลับหันมาจ้องหน้าเขาส่งสายตากดดันไปให้ จนคนที่เป็นเจ้านายของใครหลาย ๆ คนถึงกลับกลืนน้ำลายทันทีเมื่อเจอสายตาแบบนี้ของคนเป็นภรรยา
“คุณบอกฉันมาเดี๋ยวนี้คุณณรงค์คุณปิดบังอะไรฉันใช่ไหม”
“เปล่านะคุณ โอ้... ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีงานต้องทำขอตัวก่อนนะครับ”
“งานอะไรอีก นี่มันวันหยุดนะ กลับมาคุยกับฉันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้ กลับมานะผู้การ กลับมา!”
แม้ว่าคุณนิตยาจะส่งเสียงเรียกเท่าไหร่ ผู้การณรงค์ก็ไม่หันกลับมาเลยสักนิด เขายังคงเดินแทบจะวิ่งออกไปจากห้องนั่งเล่นเลยทีเดียว
คล้อยหลังผู้เป็นสามีคุณนิตยาจึงได้นั่งคิดและทำความเข้าใจเหตุการณ์ของลูกสาวที่หายไป การที่สามีของเธอยังใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขและสบายใจที่สุดอย่างนี้แสดงว่าลูกของเธอปลอดภัยและมีความสุขดี เพียงแต่ว่าที่ไม่ยอมติดต่อกับเธอเพราะกลัวว่าจะถูกจับหมั้นแน่ ๆ
“หึ เห็นแม่เป็นคนยังไงนะหนูนิด ถึงจะอยากอุ้มหลานก็ไม่คิดที่จะคลุมถุงชนให้ลูกสาวหรอกนะ” คุณนิตยาพูดออกมาก่อนจะถอนหายใจ แล้วยุติการคิดเรื่องของหนูนิดผู้เป็นลูกสาวชั่วคราว จากนั้นจึงเดินไปที่ห้องทำงานของผู้การณรงค์เพื่อปรึกษาอะไรบางอย่าง
อีกด้านผู้กองเพลิงก็กำลังง้องอนหนูนิดอยู่เช่นกัน
“นี่เลิกหน้าบูดได้แล้ว” ผู้กองเพลิงพูดพร้อมมองหน้าหนูนิดที่ตอนนี้บูดบึ้งไม่น่ามอง
ตั้งแต่กลับจากร้านอาหารตามสั่งหนูนิดก็ไม่เปิดปากพูดกับเขาอีกเลย เขาเพียงถามเธอก็แล้ว แกล้งเธอก็แล้ว แต่หญิงสาวก็ยังคงใจแข็ง
ไม่ยอมพูดด้วย
อาการของหนูนิดทำเอาชายหนุ่มปวดหัว!
“หนูนิด”
“...”
“หนูนิดครับ”
“...”
“นี่จะไม่พูดคุยกันจริงเหรอ” ไม่ว่าผู้กองหนุ่มจะพูดอะไรออกมา หนูนิดก็ไม่สนใจทั้งสิ้น เธอหันหน้ามองนั่นทีมองนี่ที บางครั้งก็เดินไปลูบคลำดอกไม้ที่ปลูกในกระถางหน้าบ้านเล่น
“ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด!”
“อื้อ!”
จบคำพูดของชายหนุ่ม หนูนิดก็เบิกตาโพลงเนื่องจากเธอถูก
ผู้กองเพลิงจู่โจมกะทันหัน ริมฝีปากหนาประกบริมฝีปากบางอย่างรวดเร็ว หญิงสาวพยายามดิ้นหนีทว่าก็ไม่สามารถหนีได้เลย เมื่อเขาจับล็อกต้นคอเธอให้รับจูบเขาไว้แน่น
“อื้อ อ่อย”
หนูนิดยังคงไม่ยินยอม แต่มีหรือที่ผู้กองเพลิงจะฟัง ตอนนี้ไม่ใช่แค่ปากแตะปากแล้ว แต่ชายหนุ่มเริ่มขบริมฝีปากเล็กเบา ๆ ก่อนจะอาศัยช่วงที่เธอพยายามพูดสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปควานหาความหวานของเธออย่างเอาแต่ใจ
ตุบ ตุบ ตุบ
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจะไม่ไหวแล้วชายหนุ่มจึงได้ผละปากออกมาเพื่อให้หญิงสาวได้มีเวลาหายใจเอาอากาศเข้าปอดบ้าง ทว่าไม่ถึงนาทีเขาก็ก้มหน้าประกบปากบางอีกครั้ง
จูบครั้งนี้ของเขาทำให้หญิงสาวอ่อนระทวย จากตอนแรกที่คิดจะขัดขืนตอนนี้กลับอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงในอ้อมแขนของเขา
“พะ... พี่เพลิง”
“ไง ทีนี้ยังจะเงียบอยู่อีกไหม” ผู้กองหนุ่มพูดมุมปากประดับรอยยิ้ม สายตามีแต่ความเจ้าเล่ห์จ้องมองคนในอ้อมกอด
หนูนิดเม้มปากแน่นใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอาย หันหน้าหนีเนื่องจากไม่กล้าสบสายตาของเขาที่มองมา
“ไง... ยังจะเงียบอีกไหม”
“ไม่แล้วค่ะ ไม่เงียบแล้ว”
“ดี! เพราะถ้าเงียบอีกหรือเป็นอะไรรู้สึกอะไรยังไงเวลาถามไม่ยอมพูดออกมาจะเจอแบบนี้อีก และอาจจะมากกว่านี้ เข้าใจไหม”
“ขะ... เข้าใจค่ะ” หนูนิดรับคำ หัวสมองไม่สามารถประมวลผลได้ในตอนนี้ชั่วคราว ดังนั้นไม่ว่าชายหนุ่มจะให้เธอพูดหรือทำอะไรเธอก็ทำทั้งนั้น
ผู้กองเพลิงค่อย ๆ ปล่อยหนูนิดออกจากอ้อมกอดช้า ๆ แม้ความจริงเขาจะไม่อยากปล่อยก็เถอะ แต่ว่าแค่เขาจูบเธอก็มากพอแล้ว หากทำอะไรมากกว่านี้แมวจอมซนตัวนี้อาจตื่นตระหนกและหนีไปจากเขาได้
บางคนที่ไม่รู้จักเขาอาจจะต่อว่าเขาได้ว่าเอาเปรียบหญิงสาวและไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ชายหนุ่มยอมรับเลยว่าเขาเอาเปรียบเธอจริง แต่ความเป็นสุภาพบุรุษนั้น แค่เขาสามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้กดเธอให้จมใต้ร่างได้ก็แสดงว่าเขาอดกลั้นมากพอแล้ว
ไม่มีใครห้ามใจเวลาอยู่ใกล้คนที่แอบชอบได้หรอก!
ใช่แล้ว แท้จริงแล้วผู้กองเพลิงแอบชอบหนูนิด เขาแอบชอบลูกสาวของผู้การณรงค์ที่เขาสังกัดอยู่ หากจะบอกว่าเป็นเพราะหญิงสาว
ชายหนุ่มจึงมาเรียนสายตำรวจแทนที่จะเป็นทหารอย่างผู้เป็นพ่อก็ไม่ผิดนัก
เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขายังอยู่ในช่วงวัยเรียนมัธยมได้เจอกับเด็กหญิงคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มสดใส เขาแอบมองเธอเป็นระยะ เพราะชอบความน่ารักและรอยยิ้มนั้นของเธอ
ความรู้สึกหนึ่งที่ชัดเจนมาตลอดคืออยากปกป้อง
นับจากนั้นเขาจึงได้หาเวลาไปแอบดูเด็กหญิงคนนี้อยู่เรื่อย ๆ ไม่นานความรู้สึกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป พอรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวตำรวจ เขาจึงตัดสินใจเรียนต่อทางด้านตำรวจทันที และฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อที่จะได้อยู่หน่วยปราบปรามพิเศษทั้งยังทำทุกวิถีทางพิสูจน์ฝีมือตัวเองให้เข้าตาว่าที่พ่อตาอย่างผู้การณรงค์ให้เลือกเขาเข้าหน่วยที่ผู้การดูแลอย่าง
ลับ ๆ ได้ และตอนนี้เขาก็ทำสำเร็จ
แต่เรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็คือหญิงสาวก็แอบชอบเขาเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าเธอเจอเขาที่ไหนเมื่อไหร่ แต่ทุกการกระทำทุกคำสั่งที่เธอได้สั่งให้คนมาสืบประวัติส่วนตัวของเขาและตามดูเขาเงียบ ๆ เขาล้วนรู้ทั้งสิ้น
ดังนั้นเมื่อได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันรวมถึงว่าที่พ่อตาเปิดทางให้ขนาดนี้เขาจะไม่รีบคว้าไว้ได้ยังไง แต่ว่าถ้ารุกมากไปหญิงสาวอาจจะตื่นตัวได้ เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น หรือไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขาก็ชอบเธอเช่นกัน
เพราะเขาอยากเห็นว่าหนูนิดจะทำอะไรกับเขา จะมีวิธีการจีบเขายังไงมากกว่า ดังนั้นเขาจึงได้แกล้งไม่รู้ไม่เห็นว่าเธอจะทำอะไรไงล่ะ เพราะการได้มองเธอกระทำทั้ง ๆ ที่ตัวเรารู้ดีนั้นมันมีความสุขที่สุด
