บทที่ 1
รอบข้างมืดมิดมีเพียงเเสงจากดวงจันทร์รำไร เสียงจิ้งหรีดร้องระงม ลมพัดใบไม้กระทบกันฟังดูวังเวงยิ่งนัก ไป๋ซูเมิ่งใช้แขนเรียวยาวของตนกอดตัวเองคลายหนาว เสื้อผ้าที่เเต่เดิมสกปรกติดคราบดำจากฟางบนรถม้าครั้นนางกระโดดขึ้น ๆลง ๆจากต้นไม้ถูกกิ่งไม้เกี่ยวขาดหลายรอย ผิวขาวดุจหิมะเผยออกมาบางเเห่งดูล่อเเหลมยิ่งนัก ดีที่รอบกายนางไร้ซึ่งผู้ใด พลันเท้าบางหยุดชะงักนางยกมือขึ้นเกาตามตัวลามจนไปถึงใบหน้างาม
ทรมานยิ่งนัก!
สองมือเรียวงามเกาทั่วตัวผมเผ้ายุ่งเหยิงเสื้อผ้ายับยู่ยี่ถึงกระนั้นความคันก็ยังไม่คลายไป ไป๋ซูเมิ่งเร่งฝีเท้าเข้าไปภายในป่าลึกมากขึ้น สายตาสอดส่องหาสิ่งที่สามารถคลายอาการคันของนางได้ เดินไปราวหนึ่งเค่อ พลันสองหูก็ได้ยินเสียงน้ำไหล สองเท้าจึงก้าวไปทางเสียงตามสัญชาตญาณ
“นี่ขอรับคุณชาย”
ก่อนที่นางจะเดินไปถึงลำธารพลันได้ยินเสียงของบุรุษดังขึ้น
ไม่ห่างจากลำธารมากนักมีชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่ ชายคนตัวใหญ่กว่าสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบสีเทากำลังเดินนำบางอย่างในมือมุ่งไปหาชายอีกคนที่ตัวเล็กกว่าเล็กน้อย เสื้อผ้าเนื้อเงาสีขาวสวมอยู่บนร่างเขาดูบริสุทธิ์ยิ่งยามอยู่ท่ามกลางกลางคืนอันมืดมิดเยี่ยงนี้
ไป๋ซูเมิ่งหลบข้างหลังโขดหินไม่ไกลลอบมองสังเกตการณ์ทั้งสอง มือก็พลางเกาหน้าเกาตัวไปพลาง
กลิ่นหอมของเนื้อปลาลอยอบอวลไปทั่วป่า แต่ตรงที่กลิ่นเข้มข้นที่สุดก็คงเป็นตรงหน้าเขานี่เเหละ เย่หยางเหวินรับปลาจากชิงซาจากนั้นค่อยๆละเลียดชิมด้วยท่าทางนุ่มนวลทว่าแฝงความสง่างาม
“ที่เหลือเจ้ากินเถอะ แค่นี้ข้าพอแล้ว”
เสียงนุ่มนวลเอ่ยบอกชายเจ้าของชื่อชิงซา ข้ารับใช้ที่เติบโตมาพร้อมกันกับเขา เป็นคนที่รู้ใจมากยิ่งเสียกว่าบิดามารดาเขาเสียอีก
“ขอบคุณขอรับคุณชาย”
ชิงซาเดินไปดูปลาที่เหลือก่อนรวบมาทั้งหมดเตรียมพร้อมนำมันลงท้องอย่างสบายใจ
สวบสาบ!!!
“ใครน่ะ!"
สิ้นเสียงชิงซา ฉับพลันมีดเล่มที่เคยใช้ทำปลาก็สะบัดไปตามทิศเเหล่งกำเนิดเสียง บุรุษทั้งสองพร้อมใจกันลุกขึ้นยืน เตรียมพร้อมรับการโจมตี มือจับอาวุธข้างกาย สายตาเพ่งมองไปยังเสียงเเต่เนื่องจากท้องฟ้ามืดสนิท บริเวณนี้มีเพียงเเหล่งกำเนิดเเสงเดียวก็คือกองไฟตรงหน้าพวกเขา ปลายสุดสายตาของทั้งสองจึงเห็นเพียงพุ่มไม้ขยับ
ก่อนที่มีดอีกเล่มจะพุ่งออกไปเงาดำก็กระโดดผลุงออกจากพุ่มไม้นั้นเสียก่อน
“ช้าก่อน ๆ อูย ชั้น เอ้ย ข้ามาดี ๆ โปรดอย่าฆ่าข้าเลย”
ไป๋ซูเมิ่งเดินออกจากพุ่มไม้เข้าสู่บริเวณที่มีเเสงสว่าง ระหว่างนั้นมือก็เอื้อมเกากลางหลังสุดเเขน นางหวังว่าชายหนุ่มทั้งสองเจ้าของกลิ่นหอมเรียกเสียงท้องร้องตรงหน้าจะคลายความหวาดระแวงหลังจากเห็นใบหน้านาง แต่ผิดคาด! ทันทีที่เจ้าของร่างบางเดินเข้ามาอยู่ในรัศมีของเเสงจากกองไฟ ใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองพลันเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก เท้าทั้งสองคู่ดีดตัวถอยหลังพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย ก่อนจะยกอาวุธในมือขึ้นป้องกันเบื้องหน้า
สีหน้าและท่าทางทำราวกับเห็นปีศาจก็ไม่ปาน ?
“เจ้าคือตัวอันใด? ทำไมถึงพูดได้"
เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังดังออกจากชายคนสวมชุดขาวบริสุทธิ์ ไปซูเมิ่งสะบัดหน้าเรียกสติให้ตนเองหลังจากเคลิบเคลิ้มกับน้ำเสียงนุ่มนั้น
เเต่หารู้ไม่ว่าอาการสะบัดหน้าของนางพอรวมเข้าสภาพปัจจุบันของร่างบางก็ปรากฎเป็นภาพที่ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองคนกระโดดเท้าคู่ถอยออกไปอีกหนึ่งก้าว
จะไม่เขาทั้งสองคนตื่นตระหนกได้อย่างไรเล่า เจ้าตัวตรงหน้าช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน จะว่าเป็นสัตว์ป่าก็ไม่ใช่เพราะเมื่อครู่เขาก็ได้ยินเสียงคุยเป็นภาษาคน หรือจะเป็นคนก็ไม่เชิงเพราะดูจากผมหรือขนอันยุ่งเหยิงพองฟูคล้ายเเผงคอของสิงโต ชุดขาดวิ่นที่ดูไม่รู้ว่าเเต่เดิมเป็นทรงแบบไหน เนื้อตัวเป็นลายสีขาวราวหิมะสลับน้ำตาล บางที่ก็ออกเเดงช้ำ บางส่วนก็มีใบไม้ติดทั่วตัว และที่สำคัญอากับกริยาการก้าวย่างนั้นช่างเเปลกประหลาด ขยับตัวยุกยิกตลอดเวลา
“คุณชายท่านอย่าเข้าไปใกล้มัน อันตรายขอรับ”
ชิงซาเอื้อมมือไปคว้าเเขนนายของตนพลางชักดาบขึ้นขู่
“เจ้าตัวประหลาดเจ้าออกไปนะ ไม่งั้นเจ้าได้ตายคาดาบข้าเป็นแน่!”
สิ้นเสียงขู่เจ้าตัวประหลาดที่ว่าก็สะดุ้งโหยง หมุนตัวหันมองด้านหลังทันที
“ไหน ๆ สัตว์ประหลาดที่ไหน”
ไป๋ซูเมิ่งกวาดตามองรอบด้านเเต่ก็เห็นเพียงความมืดมิด จึงหันกลับมา “ข้าไม่เห็นสัตว์ประหลาดเลย มันอยู่ไหนรึ!”
“ก็เจ้านั่นเเหละ! สัตว์ประหลาด”
ชิงซาทำหน้าฉงนเเต่ก็ไม่วายรอบสังเกตเจ้าสัตว์ประหลาดอีกรอบ
“เจ้าจะบ้ารึไง! ข้าเป็นคน ไม่ใช่สัตว์ประหลาด”
ไป๋ซูเมิงตะคอกกลับ
หึ ช่างกล้าว่านางเป็นตัวประหลาด เจ้าพวกตาผิดปรกติ เจ้าพวกโจรที่จับตัวนางมาหลงไหลความงามของนางทั้งนั้น ตัวประหลาดที่ไหนงดงามขนาดนี้เล่า!
“ชิงซาพอเถอะ นางเป็นคน”
เสียงทุ้มดังขึ้น เรียกสติหญิงสาวให้ออกจากภวังค์
“ละเหตุใดเจ้าถึงมีสภาพอย่างนี้รึ จะสัตว์ก็ไม่ใช่ คนก็ไม่เชิงอย่างนี้”
เย่หยางเหวินพยักหน้าให้ชิงซาลดอาวุธลง พลางเดินเข้าหาหญิงสาวตรงหน้า พวกเขานั่งพักอยู่ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องไม่เช่นนี้ แต่ดูจากสภาพนางแล้วอาจเพิ่งผ่านเหตุการณ์อันโหดร้ายมา เมื่อเห็นคนต้องการความช่วยเหลือ เขาย่อมต้องช่วยอยู่แล้ว
“ข้ามีสภาพเช่นไรหรือ?”
ไปซูเมิ่งทำหน้าฉงน พลันนึกถึงอาการตื่นตกใจของชายทั้งสองคราเเรกที่นางปรากฎตัวก็เริ่มนึกเอะใจ สองเท้าก้าวเดินไปริมลำธาร คุกเข้าลงพลางชะโงกหน้าดูเงาตัวเองโดยอาศัยเเสงจากกองไฟเบื้องหลัง
…เงาตรงหน้าแม้ไม่ชัดเจนแต่ก็พอเห็นลาง ๆ
จะบอกว่าเป็นตัวประหลาดก็ไม่ผิดหรอก ว่าเเต่นางกลายเป็นสภาพนี้ได้อย่างไรกัน ไป๋ซูเมิ่งก้มลงสำรวจร่างกายก็พบรอยผื่นเเดงขึ้นตามตัว พอผสมกับคราบสกปรกดูไม่น่าใช่ผิวหนังของคนจริง ๆ ต้องเกิดจากอาการคันเหล่านั้นเป็นแน่ เพราะฉะนั้นตอนนี้ใบหน้านางก็คงเต็มไปด้วยรอยผื่นแดง ละไหนจะผมเผ้ารุงรังละเสื้อผ้าขาดวิ่นนี่อีกล่ะ หมดกันคุณหนูตะกูลไป๋อันสูงส่ง ถึงแม้นางจะไม่ได้เกิดมากับร่างนี้เเต่ก็ต้องใช้ร่างนี้ไปอีกนานนะ
“เอ่อ ข้าไม่โทษพวกเจ้าหรอก เอ้ย พวกท่านหรอก”
ไป๋ซูเมิ่งรีบเปลี่ยนคำพูดทันที เพราะคิดว่าหากนางอยากมาอาศัยพวกเขาทั้งสองต้องประจบเสียหน่อย
“คือข้าเจอพวกโจรมันปล้นน่ะ ละข้าหนีรอดมาได้ สภาพเลยเป็นแบบนี้”
พูดไปก็เกาไปพลางยิ้มตาหยี ช่างขัดกับเรื่องที่เพิ่งออกจากปากบางนั่นยิ่งนัก
“ละนี่มีบ่าวอย่างเจ้ารอดมาคนเดียวหรือ ละเจ้านายคนอื่นเล่า”
ชิงซาเริ่มวางใจจึงเดินกลับมาที่เดิมเเต่ก็ไม่วายรีบหยิบเนื้อปลาย่างก่อนหน้าขึ้นมาอย่างเร็วด้วยความหวงเเหน
“บ่าว?”
“เจ้าน่ะสิ หรือว่ารอดมาเเค่คนเดียว ละพวกโจรได้ตามเจ้ามาหรือเปล่า?”
พอเห็นว่าหญิงสาวเบื้องหน้าทำสีหน้าฉงนเขาจึงอธิบายเพิ่ม เเต่พอชิงซานึกถึงพวกโจรว่าอาจซุ่มอยู่แถวนี้ก็รีบวางเนื้อปลา เอื้อมมือหยิบดาบขึ้นมาวิ่งไปข้างหน้านายน้อยของตนสอดส่องสายตาไปรอบด้าน
“อ้อ ใช่ข้าเป็นบ่าว พวกโจรมันไปพร้อมทรัพย์สินหมดแล้ว เอ่อ มันนึกว่าข้าตายแล้ว ข้าเลยรอดมาได้น่ะ แหะ ๆ”
พอนางพูดจบสีหน้าของชายทั้งสองก็ดูดีขึ้น คงพอเริ่มวางใจนางแล้ว
เป็นบ่าวก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องอธิบายให้ยุ่งยาก หากนางบอกว่าตนเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ก็ต้องถูกถามอีกหลายคำถามเป็นแน่ ความทรงจำของร่างเดิมนั้นช่างเลือนลาง รู้แค่ผิวเผิน จำได้เเค่คนรอบกายกับเหตุการณ์สำคัญบางอย่างได้เท่านั้น ไอ้พวกภายนอกและภายในจวนตระกูลไป๋ร่างนี้เเทบไม่รู้อะไรเลย เท่าที่นางนึกได้ ร่างเดิมนอกจากนอนป่วยอยู่เเต่ในห้องนอนแล้ว ก็ร่ำเรียนเขียนอ่าน เพลงพิณ วาดภาพ ตามแบบฉบับคุณหนูยุคนี้เท่านั้น แม้กระทั่งชื่อของพี่ชาย หรือบุพการีทั้งสองนางก็จำไม่ได้มีเพียงใบหน้าเลือนลางในความทรงจำ
ไปซูเมิ่งเดินเข้ามาหาทั้งสองอีกครั้ง กลิ่นหอมของปลาลอยเข้าสู้โสตประสาทรับกลิ่นทำให้ท้องของหญิงสาวส่งเสียงประท้วงทันที
จ๊อกกก
