บทที่ 1 (ต่อ)
“เจ้าหิวหรือ เอานี่ไปสิ”
ริมฝีปากบางหยักยิ้ม เย่หยางเหวินยื่นเนื้อปลาที่ตนเพิ่งกินไปไม่ถึงครึ่งให้หญิงสาวตรงหน้า หลังจากสังเกตหญิงสาวมาสักพักก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร ติดจะน่าสงสารด้วยซ้ำ
“คุณชาย! ท่านกินไปนิดเดียวเองนะ” ชิงซางรีบประท้วง
นายของเขาคนนี้ไม่ได้มีดีเพียงหน้าตา อุปนิสัยก็ดี ชาติตะกูลก็ดี ถึงขั้นได้รับฉายาว่าเป็นคุณชายอันดับหนึ่งเเห่งเมืองซีเปียนเชียวหนา
ชิงซาท้วงยังไม่ทันจบประโยค มือเรียวยาวที่เปรอะคราบสกปรกก็ยื่นออกมารับปลาอย่างไม่เกรงใจพลางส่งยิ้มยีฟันไปให้
“ขอบใจท่านชายรูปหล่อ”
พูดจบไปซูเมิ่งก็อ้าปากงาบเนื้อปลาทีเดียวครึ่งตัวทันที
เย่หยางเหวินเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้าอย่างเอ็นดู เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวนางไหนมีกริยาเช่นนี้มาก่อน บ่าวขั้นต่ำสุดของเค้ายังกริยาดีกว่านี้มาก แม่นางคนนี้อาจเป็นบ่าวจากตะกูลพ่อค้าเมืองไหนสักตะกูลล่ะมั้ง
คิดได้ดังนั้นเขาก็ละสายตาจากร่างบางรับกระเป๋าน้ำที่ชิงซายื่นให้มาล้างปาก จากนั้นโน้มตัวไปกระซิบสั่งงานบางอย่างให้ชิงซาก่อนลุกขึ้นเดินไปนั่งบนผ้าที่ปูบนกองใบไม้อย่างดี เอนหลังหลับตาพริ้ม
ไป๋ซูเมิ่งสวาปามเนื้อปลาในมืออย่างไม่ลืมหูลืมตาจนกระทั่งปลาบนมือตัวเองหมด พลันเบื้องหน้าก็ปรากฎเป็นเท้าคู่หนึ่ง พร้อมชุดสีเนื้อนวลตาผ้าเนื้อดียื่นเข้ามาตรงหน้า
“คุณชายให้ข้าเอาเสื้อผ้ามาให้เจ้าเปลี่ยน” น้ำเสียงกระแทกกระทั้นดังขึ้น
ไป๋ซูเมิ่งเงยหน้าสบตากับเจ้าของน้ำเสียงที่ใบหน้าบูดบึ้ง ทำราวกับนางไปฆ่าญาติฝ่ายไหนของเจ้าของน้ำเสียงอย่างนั้นเเหละ
“ขอบใจพี่ชายมาก เอ่อ ไม่เป็นไรข้าใส่ชุดนี้ก็ได้”
นางใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุดเอ่ยทั้งที่ใจจริงอยากรับแทบตาย ทว่าดูเหมือนเจ้าคนนำมาให้จะไม่อยากให้จึงเอ่ยปฏิเสธไป
“เอาไปเถอะ คุณชายข้ากลัวใครมาเห็นสภาพเจ้าอย่างนี้ละเข้าใจผิดคิดว่าพวกเราทำมิดีมิร้ายเจ้า”
พูดจบก็ยัดเสื้อผ้าเข้าใส่มืออีกฝ่าย โดยไม่รอคำตอบ
“คุณชายนะคุณชาย ทำไมต้องทำดีกับเจ้าตัวประหลาดนี่นักด้วย”
ชิงซาพึมพำกับตนเองก่อนหมุนตัวจากไป
คราเเรกที่คุณชายสั่งให้เขาเอาเสื้อผ้าไปให้เเม่นางเปลี่ยนก็กะจะเอาของตนไปให้ แต่คุณชายกลับนำชุดของคุณชายเองออกมาพร้อมบอกเหตผลว่า
…ชิงซาตัวใหญ่ชุดใหญ่ให้เเม่นางใส่คงไม่สะดวก แม้ชุดของคุณชายจะใหญ่กว่าตัวแม่นางคนนั้นเเต่ก็พอดีตัวกว่า
หากใครรู้เข้าว่าให้บ่าวรับใช้คนนึงใส่ชุดเจ้านาย คุณชายต้องเสียชื่อเสียงเป็นแน่ ถึงชิงซาจะไม่พอใจแต่เขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งเจ้านายได้ จึงต้องจำยอมนำเสื้อผ้าไปให้แม่นางตัวประหลาดนั้น ละก็ยิ่งรังเกียจเพราะท่าทางการกินมูมมามของนางอีก
“เอ้อ หากเจ้าอยากล้างเนื้อล้างตัวก็ไปล้างที่ลำธารได้นะ หลังโขดหินนู้น!” ชิงซาหันมาพูดจบก็เดินจากไปหาเจ้านายของตนทันที
ไปซูเมิ่งรับชุดมาอย่างงงๆ นางเดินไปตามทิศที่ชิงซาชี้ก่อนหน้า…
…สภาพนางตอนนี้ควรล้างเนื้อล้างตัวจริง ๆนั่นเเหละ
เวลาผ่านไปประมาณเกือบสองเค่อไป๋ซูเมิ่งเพิ่งเดินกลับมา ร่างบางในชุดคุณชายสีเนื้อนวลดูเเปลกตา แขนเสื้อทรงกระบอกยาวเลยแขน กางเกงขายาวข้างในทั้งหลวมทั้งยาวไป๋ซูเมิ่งจึงจัดการพับขากางเกงขึ้น เนื่องจากชุดมีขนาดใหญ่กว่าคนมาก ชายเสื้อคลุมตัวด้านนอกจึงลากพื้นเปื้อนดินตลอดการเดิน นางเดินไปสักพักใกล้ถึงบริเวณที่พักของชายหนุ่มฝุ่นคละคลุ้ง และพอมองไปที่คนที่นำเอาเสื้อผ้ามาให้ก็สบเข้ากับสายตาอันดุดัน สองมือระรัวพัดไปมาไล่ฝุ่นให้ออกไปจากบริเวณตรงหน้าเจ้านายของตน นางเลื่อนสายตาจากชิงซาไปยังชายหนุ่มใบหน้าขาวนวลดวงตาใจดีก็เห็นเขาไอคร่อกแคร่กไม่หยุด จึงรู้สึกผิดกับตัวเองที่เป็นต้นเหตุ ก้มหน้ามองชุดหลวมโครกที่ตนใส่อยู่
…เสื้อตัวนอกที่ยาวเกินขนาดความสูงร่างนางอย่างมากจะพับก็พับไม่ได้ ถกขึ้นก็ได้เเค่ชั่วคราว
ฉับพลันดวงตาอันเย้ายวนคู่นี้ก็เหลือบไปยังกองไฟเห็นมีดด้ามจับไม้ที่ก่อนหน้านี้ชิงซาใช้ทำปลา สองเท้าก้าวไปยังข้างกองไฟ มือก็ยกเสื้อตัวนอกขึ้น โดยที่นางไม่รู้เลยว่าการกระทำของนางนั้นมีชายหนุ่มทั้งสองจับจ้องอยู่
เย่หยางเหวินมองตามไป๋ซูเมิ่งหลังจากที่หน้าเเดงหน้าดำสำลักฝุ่นแทบตาย เนื่องจากเขาเป็นคนที่รักความสะอาดอย่างมาก เหตุการณ์ที่มีฝุ่นปลิวมากมายขนาดนี้เขานั้นไม่เคยเจอมาก่อน อย่างมากก็เขาอยู่บนม้าละมีฝุ่นดินปลิวคลุ้งเล็กน้อยตอนนั่งบนม้าเท่านั้น เขามองไป๋ซูเมิ่งเพราะสงสัยกับการกระทำของนาง
แคว่ก แคว่ก
ทั้งเย่หยางเหวินและชิงซาเบิกตาอ้าปากกว้างทันที
จะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไรชุดที่คุณชายของเขาอุตส่าห์สละให้เเม่นางท่าทางเพี้ยนคนนั้นถูกนางเอามีดตัดชายเสื้อตัวนอกอย่างไม่ใยดี และไม่หยุดเพียงเท่านั้นมือเรียวขาวดั่งหยกยื่นมืออกไปข้างหน้าตัดชายเเขนเสื้อทั้งสองข้างจนสั้นเหลือครึ่งเเขนเผยผ้าเนื้อบางของเสื้อตัวในที่ถูกพับม้วนหลายทบ หลังจากนั้นนางก็หันมายิ้มกว้างตาหยี
“พวกท่านไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่นดินฟุ้งเวลาข้าเดินละนะ ข้าจัดการเเล้ว”
ไป๋ซูเมิ่งหันไปยิ้มตาหยีหวังจะประจบชายทั้งสองเเต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะใบหน้าตะลังค้างนั้นไม่ใช่สิ่งที่นางคิด นางทำเพื่อพวกเขาขนาดนี้ต้องได้รับสายตาชื่นชมสิถึงจะถูก พลันก็เผยสีหน้างุนงง
“เจ้า เจ้า ช่างกล้าทำลายชุดของคุณชายข้า เจ้ามันคนอกตัญญู!"
ชิงซากระโดดลุกขึ้นยืน ชี้นิ้วมาทางไป๋ซูเมิ่ง
“เจ้ารู้ไหม ชุดของคุณทุกชุดมีค่าขนาดไหน หญิงทั้งเมืองใฝ่ฝันอยากสวมอย่างเจ้า จ่ายร้อยตำลึงยังมิได้แม้จะสัมผัส นี่ นี่เจ้ากลับ กลับ…”
…จากนั้นคำด่ามากมายก็หลั่งไหลออกจากปากคนรับใช้หนุ่มราวกับสายน้ำไหลหลาก
“พอเถอะชิงซา"
เย่หยางเหวินเอ่ยเเทรกหลังจากได้สติจากการกระทำของหญิงสาวตรงหน้า
“ข้าให้นางแล้ว ก็แล้วเเต่นางเถอะว่าจะทำอะไรกับมัน"
เขาพูดพลางยิ้มอบอุ่นส่งไปให้รอบข้างทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงทันตาเห็น
…ไม่ใช่เพราะอะไร ถึงจะโวยวายอย่างไรเสื้อตัวนั้นเขาก็กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้เเล้ว เขาจึงคิดว่าทำทานให้ก็แล้วกัน
“เจ้า! เจ้ามันหญิงบ้าจอมอกตัญญู!!!”
ชิงซาหันไปมองเจ้านายของตนพลางกัดฟันกดกลั้นอารมย์โกรธของตน
หลังจากที่นางได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจทันทีว่าเสื้อตัวที่นางใส่นั้นเป็นของพ่อหนุ่มสุดหล่อนุ่มนวลนี่เอง ก็ว่าทำไมเนื้อผ้ามันลื่น ๆ เบา ใส่สบายนัก
“ข้าขอโทษ ขอโทษ คือข้าไม่รู้ว่ามันมีค่าขนาดนี้”
ไป๋ซูเมิ่งทิ้งตัวลงกับพื้นทำฝุ่นดินคลุ้งอีกครั้ง
“ไว้ข้าน้อยมีเงินละจะซื้อมาคืนท่านนะ”
พูดพลางก้มหัวลงทำท่าคำนับตามที่นางเคยเห็นในละครย้อนยุคตอนชาติที่แล้วเวลาผู้น้อยทำความผิด
เย่หยางเหวินรีบเดินเข้ามาพยุงให้หญิงสาวผู้น่าสารลุกขึ้น
“ไม่เป็นไร ๆ เจ้านั่งก่อน”
“คุณชาย! อย่าไปแตะนาง เดี๋ยวติดโรคจากนางขอรับ”
ชิงซารีบวิ่งมาหาเจ้าของของตน ดึงเขาออกจากไป๋ซูเมิ่ง
“ไม่รู้ว่านางเป็นโรคอันใด ทั่วทั้งตัวเป็นผื่นเเดงดูน่ากลัวยิ่งนัก”
พอไป๋ซูเมิ่งได้ยินบ่าวรับใช้ร่างโตพูดถึงผื่นเเดงบนตัวนางก็นึกสงสัยเช่นกัน เหตุใดนางถึงคันทั่งทั้งตัว แม้ว่าพอได้ชำระร่างกายแล้วอาการคันจะเบาบางลง แต่ทั่วทั้งตัวก็ปรากฎเป็นผื่นเเดงเต็มไปหมดไม่เว้นแม้กระทั่งใบหน้างาม
…ทำให้ตอนนี้ชายทั้งสองไม่เห็นใบหน้าของนาง ไม่รู้ว่าใบหน้าก่อนมีผื่นเเดงนั้นเป็นอย่างไร
เรื่องนี้สำหรับไป๋ซูเมิ่ง คิดว่า โชคดียิ่งนัก เพราะตามที่นางรู้ว่าจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนั้น หญิงสาวในสมัยนี้ต้องอยู่กับเย้าเรือนก่อนถึงวัยปักปิ่น และถ้านางเดาไม่ผิดร่างนี้ต้องมีอายุไม่เกินสิบห้าสิบหกปีแน่ ฉะนั้นหากนางยังต้องอาศัยร่างนี้ไปจนตายนางต้องพยายามปกป้องทั้งร่างกายและเกียรติยศของร่างนี้ไว้ให้ได้ รวมถึงเรื่องที่ถูกลักพาตัวมาก็ต้องเก็บเป็นความลับเช่นกัน
…ดังนั้นในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีแฝงอยู่
พอเย่หยางเหวินเห็นความวิตกกังวลในตัวของหญิงสาวผู้น่าสงสารตรงหน้าก็อดเอ่ยปลอบมิได้
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป จากที่ข้าดูคร่าว ๆ เจ้าน่าจะเเค่แพ้อะไรบางอย่าง สามารถรักษาหายได้แน่นอน ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นด้วย"
พูดพลางส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
“ละนี่เจ้าคิดไปที่ใดต่อรึ?”
“เอ่อ ข้า ข้า …”
นางหยุดสำรวจความคิดตัวเองทันทีที่ได้ยินคำถามนี้ เพราะตามจริงนางก็ยังไม่ได้คิดเช่นกัน
“เจ้าคงไม่คิดเกาะติดคุณชายของข้าหรอกกระมัง”
ซิงซาพูดขึ้น สีหน้าระแวดระวัง
เขาพูดดักคอไว้ก่อนเพราะถ้านางขอเกาะพวกเขาจริง คุณชายต้องยอมช่วยเหลือเป็นแน่ ซึ่งวิธีนี้เขาใช้บ่อยมาก เวลาที่เขาพูดดักคอเจ้าพวกขอทาน หรือหญิงสาวที่คุณชายเขามักยื่นมือเข้าช่วยก็จะไม่กล้าขอติดตามทันที เขาจึงใช้วิธีนี้กับหญิงบ้าตรงหน้าบ้าง
“ฮ่าฮ่า ไม่หรอก…”
พอชิงซาได้ยินวาจานี้ออกจากปากหญิงสาวตรงหน้าก็ยกยิ้มมุมปาก เเต่ก็ต้องยิ้มค้าง เพราะ…
“เเต่ข้าน้อยเป็นพวกไม่ชอบติดค้างบุญคุณใคร ข้าน้อยทำชุดของคุณชายเสียหายย่อมต้องใช้คืน แต่ตอนนี้ข้าน้อยยังไม่มีเงินซื้อคืน และข้าน้อยก็มาคิด ๆดูแล้วหากข้าน้อยหางานหาเงินมาคืนให้คุณชายได้ แต่ไม่ทราบว่าคุณชายพักอยู่ไหนก็จะไม่สามารถตอบเเทนบุญคุณได้ ดังนั้นข้าน้อยจึงเสียสละตนเองขอทำงานกับคุณชายเพื่อชดใช้ค่าชุดแทนดีกว่า ข้าน้อยขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย"
