เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ

236.0K · จบแล้ว
มายุมายูมายา
87
บท
35.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชาติก่อนเป็นสายลับเพราะเลือกไม่ได้ ได้เกิดใหม่เป็นคุณหนูแสนสบาย แต่ไหงนางเริ่มรู้สึกว่าการเป็นคุณหนูก็ไม่ง่ายเสียแล้ว ทั้งถูกปองร้าย และการหมั้นหมายที่ไม่ต้องการอีก เอ ว่าแต่เขาเข้ามายุ่งกับนางทำไมหนอ คำโปรย สายลับมือหนึ่งอย่างเธอ!! ตายละเกิดใหม่ทั้งที ทำไมต้องมาเกิดในร่างคุณหนูตระกูลใหญ่ผู้อ่อนเเอขี้โรคเช่นนี้! เท่านั้นไม่พอความจำเจ้าของร่างเดิมช่างเลือนราง เเถมยังถูกลักพาตัวมา? บ้านตัวเองอยู่ไหน? ใครก็ได้ช่วยบอกที!!! แต่ด้วยทักษะตีเนียนการันตีด้วยอันดับหนึ่งขององค์กรสายลับนานาชาติ บอกเลยต่อให้ต้องเป็นคนใช้? จอมยุทธ? หรือเเม้กระทั่งขอทาน? ไป๋ซูเมิ่งคนนี้ก็ไม่เคยเกี่ยง!!! เเต่เอ...คงไม่ถึงขนาดต้องเอาตัวเข้าเเลกเพื่อความอยู่รอดหรอกกระมัง

นิยายจีนโบราณนิยายสืบสวนสอบสวนท่านอ๋องสายลับนางเอกเก่งจีนโบราณเทพสงครามแข็งแกร่งพึ่งพาตัวเอง

บทนำ

ไป๋ซูเมิ่งลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกมึนหัว เธอหลับตาลงไปอีกรอบและลืมตาขึ้นมาใหม่มองไปรอบ ๆ เธอพบกับปัญหาเข้าให้แล้ว ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนกองฟางสกปรกกองหนึ่ง รอบตัวเป็นความรู้สึกเหมือนสัมผัสเนื้อไม้ที่ถูกประกอบขึ้นเป็นกล่องสีเหลี่ยมขนาดประมาณสองคนอยู่ได้ และที่สำคัญเธอกำลังอยู่ในกล่องที่ว่านี้!

…และที่สำคัญไปกว่านั้นเธอและเจ้ากล่องไม้สี่เหลี่ยมกำลังเคลื่อนที่อยู่!!

รอบข้างมีเสียงล้อที่ทำจากไม้กำลังหมุนเคลื่อนที่บนพื้นขรุขระ มีเสียงเท้าของม้า วัว และเสียงคนพูดคุยกันมีทั้งใกล้และไกลดังขึ้นรอบตัว เเสงแดดลอดผ่านช่องเล็กๆระหว่างเเผ่นไม้เข้ามากระทบตาไป๋ซูเมิ่งทำให้เจ้าตัวได้สติ ร่างไร้เรี่ยวแรงเขยิบเข้าหาช่องนั้นมองลอดออกไปด้านนอก

บ้านเรือนทรงโบราณ ผู้คนสวมชุดแปลกตา รถถูกลากด้วยม้าและวัว สิ่งที่เห็นราวกับเธอกำลังอยู่ในกองถ่ายละครโบราณที่เคยดูผ่านตา!!!

“อีกราวหนึ่งก้านธูป[1]น่าจะออกจากอาณาเขตของซีหนานเข้าสู่ซีเปียน ก่อนผ่านออกประตูเมืองเจ้าอย่าลืมนำยาไปให้นางกินด้วยล่ะ หากเลย12ชั่วยามละนางรู้สึกตัวมาจะเกิดเรื่องยุ่งยาก”

เสียงแหบใหญ่ของบุรุษพูดขึ้นไม่ดังมากเเต่ก็ดังพอให้เธอที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ข้างในได้ยิน

“ขอรับ ข้าน้อยใส่ลงในอาหารเรียบร้อยแล้ว จะรีบนำไปให้นางกินขอรับ”

สิ้นเสียง สิ่งที่ไป๋ซูเมิ่งกำลังนอนอยู่ก็หยุดเคลื่อนที่ ไม่นานเเผ่นไม้ด้านหน้าก็เปิดออกเป็นช่องเล็กขนาดพอให้สอดจานข้าวเข้ามาได้

“ตื่นได้แล้ว และกินซะ ถ้าไม่อยากอดตาย”

เสียงที่เพิ่งได้ยินดังขึ้นพร้อมจานขนาดเท่าฝ่ามือถูกวางกระเเทกจนเม็ดข้าวพุ่งกระจาย ผักสีซีดไม่กี่ชิ้นกระดอนขึ้นลง

…จากนั้นแผ่นไม้ก็ถูกปิดลงอีกครั้ง พร้อมกับกล่องไม้นี้เริ่มเคลื่อนที่ตามเดิม

ตอนนี้สิ่งที่ไป๋ซูเมิ่งสนใจไม่ใช่จานข้าว หรือผักสีซีดเบื้องหน้า เเต่เป็นสิ่งที่เธอได้เห็นตอนที่แสงลอดผ่านเข้ามาเมื่อครู่ต่างหาก

…ชุดที่เธอใส่อยู่ไม่ใช่รูปแบบที่คุ้นเคย ใช้มือลูบรู้สึกลื่นนุ่ม ชุดยาวเกะกะ ไม่ใช่ชุดรัดรูปทะมัดทะแมงที่เธอใส่ในความจำล่าสุด!

เดี๋ยวนะ! เท่าที่เธอจำได้ ล่าสุดเธอกำลังลอบออกจากโรงแรมหรูใจกลางเมืองในสภาพสาวนักท่องราตรี หลังจากทำภารกิจล้วงข้อมูลสำเร็จในค่ำคืนหนึ่ง และกำลังบึ่งรถคู่ใจกลับไปฐานลับไม่ใช่หรือ?!

ใช่! ระหว่างทางเธอถูกไล่ตามจากรถหลายสิบคัน เธอเลี้ยววนหลายซอยจนค่อย ๆ สลัดรถเหล่านั้นพ้นไปทีละคัน จนสุดท้ายเหลือเพียงรถของเธอพียงคันเดียวแล่นบนถนน และเบรกก็ใช้งานไม่ได้! หลังจากหาทางเเก้อยู่นาน รถของเธอก็พุ่งเข้าชนรั้วเหล็กและตกลงไปในทะเล!

เธอตายแล้ว! งั้นตอนนี้เธอมาอยู่นี่ที่ได้ไง?

“ข้างในนั้นมีอะไร!”

เสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้นไม่ไกลพร้อมกับกล่องไม้สี่เหลี่ยมนี้หยุดเคลื่อนที่ ในขณะที่คนข้างในกล่องที่กำลังคิดทบทวนและสับสนอยู่กับตัวเองก็สะดุ้งได้สติ

“เป็นหมูตัวอ้วนตัวนึงขอรับ ข้าน้อยจะเอาไปฝากญาติที่ต่างแดน แหะ แหะ" คนตอบเสียงสั่นเล็กน้อย

เจ้าของคำถามเดินเข้ามาใกล้ ใช้ดาบยาวเคาะเล็กน้อย

“ไยปิดมิดชิดเยี่ยงนี้ มิกลัวมันตายรึ”

“อ่อ พอดีข้าน้อยอยากเก็บเป็นความลับไม่ให้ญาติรู้ขอรับ และอีกอย่างเป็นหมูพันธุ์หายาก ข้าน้อยอยากให้ภรรยาข้าน้อยที่ซีเปียนดีใจ”

ไม่พูดเปล่ามือหยาบกร้านล้วงหยิบถุงเงินยัดใส่มืออีกฝ่าย

ทหารเจ้าของเสียงแรกก้มหน้ามองของในมือ จ้องมองคนตรงหน้าเขม็ง สุดท้ายจึงยิ้มกว้าง

“เห็นแก่ความรักอับแสนบริสุทธิ์ของเจ้า รีบไปเถอะ เดี๋ยวภรรยาเจ้ารอนาน” พูดจบก็เดินหลบปล่อยให้รถม้าเคลื่อนผ่านไป

ขบวนคนและรถม้าบรรทุกหมูที่ว่าเคลื่อนไปสักพัก ไหล่ที่เกร็งของคนเกือบสิบรอบรถม้าก็คลายลง

“ดีที่นายท่านมอบเงินให้ข้ามาเยอะ ผ่านประตูเมืองนี้ได้ ผ่านป่านี้ไป ข้างหน้าก็อาณาเขตข้าแล้ว ไร้อุปสรรค! ฮ่า ฮ่า”

เสียงแหบหัวเราะสะใจ เอามือหยาบกร้านตบบ่าคนตัวเล็กข้างๆ

“เสียดายที่แม้เเต่เส้นผมข้าก็ไม่ได้ยลก็ต้องส่งถึงมือนายท่าน”

พูดไปก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากแตกแห้งอย่างเสียดายเเม่นางที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหมูข้างในรถม้า หลายครั้งที่มีการขนส่งเเม่นางไปขายที่หอบุปผาก็ไม่เคยต้องปิดมิดชิดเยี่ยงนี้มาก่อน อย่างน้อยเขาต้องได้ยลโฉมให้ชื่นใจ แต่ครั้งนี้แม้ปลายผมก็ยังไม่ได้เห็น ตอนได้สินค้านี้มาก็อยู่ในรถม้าปิดทึบเช่นนี้เรียบร้อยแล้ว

“งั้นเราพักยลโฉมแม่นางสักหน่อยดีไหมขอรับ ข้าน้อยว่าต้องงามเป็นเลิศแน่"

“ไม่ได้!” พูดจบมือหยาบกร้านก็ตบลงบนหัวคนตัวเล็กกว่าดังป้าบ

“เจ้าจำไม่ได้รึ นายท่านบอกห้ามแตะต้อง ถ้ามีอะไรผิดพลาดเจ้าตายแน่”

เขายังจำเสียงเย็นนั้นได้ ดวงตาคู่นั้นของคนที่มาส่งรถม้าคันนี้ให้พวกเขาช่างเหี้ยมโหด ทั้งยังกำชับว่าให้รีบเดินทางออกจากเมืองต้นทางให้เร็วที่สุด

“ข้าว่านางต้องเป็นลูกหลานตะกูลใหญ่เป็นแน่ ไม่ทำผิดร้ายแรงก็ไปเหยียบหางผู้มีอำนาจที่ไหนเข้าจึงถูกขายมาเป็นนางในหอนางโลมเช่นนี้”

“จะใหญ่แค่ไหนสุดท้ายก็ต้องอยู่ใต้ล่างพวกเราอยู่ดี ฮ่าฮ่า” ชายร่างเล็กหัวเราะเสียงแหลม

“เจ้าคิดว่าจะตกมาถึงเจ้ารึ ข้าว่านายท่านต้องนำนางไปประมูลเป็นแน่ คงได้เงินอย่างงาม หึ”

“โอ้ ข้าเห็นด้วย ฮ่าฮ่า”

เสียงสนทนาเหล่านั้นดังเข้าโสดประสาทไป๋ซูเมิ่ง สมองอันชาญฉลาดประมวลอย่างเร็วจึงพอประติดประต่อเรื่องทั้งหมดได้

…นี่นางกำลังจะถูกเอาไปขาย!!!

ตอนนี้ถึงไม่ตายก็อยากตายเสียแล้ว เเต่ก็ทำได้เพียงคิดเท่านั้นเพราะแรงแม้ขยับตัวยังแทบไม่มี ร่างกายอ่อนปวกเปียก อ้าปากจะร้องก็ไร้เสียง ใช่! เธอต้องได้รับยาที่ทำให้ร่างกายไม่มีแรง ที่พวกมันบอกว่าเอาใส่ข้าวให้กิน ละก่อนหน้านี้คงกินไปแล้ว คิดพลางลองพยายามนึกเหตุการณ์ก่อนหน้า พลันความทรงจำมากมายทั้งความรู้สึกนึกคิดหลั่งไหลเข้าสู่สมอง…

ความทรงจำนี้น่าจะเป็นความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นางชื่อไป๋ซูเมิ่งเหมือนกัน เป็นคุณหนูตระกูลไป๋ มีพี่ชายพ่อแม่เดียวกันสองคนซึ่งรักน้องสาวคนนี้มาก แต่ด้วยเหตุที่ตระกูลไป๋เป็นฝ่ายบู๊ทำให้ทั้งท่านพ่อและพี่ชายต้องออกไปทำศึกที่ชายแดนนานครั้งจึงกลับมาหานางผู้เป็นน้องสาว ส่วนพี่ชายอีกคนสังกัดฝ่ายบุ๋นต้องเข้าราชการทิ้งให้นางอยู่กับท่านย่าและญาติผู้หญิงในเรือนเป็นส่วนใหญ่ ชีวิตของเจ้าของร่างเดิมส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องในเรือนด้วยเหตุที่ร่างกายไม่แข็งแรงป่วยไม่เว้นวัน มีโรคติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดผสานกับถูกพิษเป็นว่าเล่น นับได้ว่าผู้ใดอยากแก้แค้นหรือทำร้ายท่านพ่อ พี่ชาย หรือคนในตระกูลก็จะมาลงที่นางเสียหมด ด้วยเหตุว่าทำเจ้าตัวไม่ได้ก็มาลงที่กล่องดวงใจแทนแล้วกัน

…ไป๋ซูเมิ่งผู้นี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก

แต่ถึงชีวิตจะอาภัพเพียงใดแต่นางก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่เจ้าของร่างเดิมใช้เป็นแรงขับเคลื่อนให้ตนมีชีวิตอยู่มาจนถึงบัดนี้ ก็คือนางมีการหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทเเห่งแคว้นที่นางอยู่ซึ่งเป็นคนที่นางแอบชอบตั้งเเต่เเรกเห็น ทุกครั้งนางจะตามเขาติดเมื่อไปเจอกันที่งานชุมนุมต่าง ๆ และครั้งล่าสุดระหว่างทางที่นางกำลังไปร่วมงานฉลองพระราชสมภพขององค์รัชทายาท นางก็ถูกตีจนสลบและถูกลักพาตัวมาจนถึงตอนนี้

แต่ร่างนี้ตายได้ไงนั้นเป็นเพราะเจ้าของร่างเดิมได้ยินคนที่ลักพาตัวด้านนอกคุยกัน พอรู้ว่าตนจะถูกนำไปขายเป็นนางโลมก็ตรอมใจ พอมีแรงก็ตัดสินใจเอาหัวกระแทกกับผนังรถตายคาที่ พลันไป๋ซูเมิ่งลองยกมืออันขาวซีดดังหิมะขึ้นจับหน้าผาก

ซี๊ด เจ็บจริงด้วย โหนกลูกโตบนหน้าผากและคราบเลือดเหนียวเหนอะเป็นพยานชั้นดี

จากนั้นไป๋ซูเมิ่งที่มีชื่อเดียวกับเจ้าของร่างนี้ก็จับพลัดจับพลู วิญญาณมาเข้าร่างนี้และฟื้นคืนชีพขึ้นมา

ชาติที่แล้วนางตายในหน้าที่ที่เลือกไม่ได้ เมื่อสวรรค์ให้โอกาสนางได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง แม้ร่างนี้จะไร้ความสามารถมากเพียงใด อาภัพแค่ไหน นางไป๋ซูเมิ่ง สายลับมือหนึ่งแห่งโลกปัจจุบัน ไม่มีใครเทียบได้เรื่องทักษะการเอาตัวรอด จะรับช่วงต่อเอง

คิดได้ดังนั้นแววตาสับสนพลันเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นทันใด ชาติก่อนนางถูกโชคชะตาบังคับกับสถานะที่เลือกไม่ได้ แต่โชคดีที่ชาตินี้นางได้รับโอกาสให้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา นางจะรักษาโอกาสนี้ให้ดีที่สุด

…ถึงแม้จะอาภัพตั้งแต่ต้นก็เถอะ

ด้วยความที่ซูเมิ่งมักได้รับภารกิจเกี่ยวกับล้วงความลับเสียส่วนใหญ่มากถึงเก้าส่วนของงานทั้งหมด งานฆ่าคนตกเป็นของสายลับคนอื่นเสียมากกว่า สิ่งที่สำคัญกว่าการล้วงความลับคือต้องพาตัวเองออกมาเพื่อนำส่งความลับเหล่านั้นให้ถึงมือเป้าหมาย ทักษะการเอาตัวรอดจึงสำคัญมาก แน่นอนว่าแค่เรื่องตรงหน้านี้ไม่ยากเกินความสามารถนางแน่

จากคำกล่าวที่พวกโจรลักพากล่าวก่อนหน้าคือพวกมันใส่ยาลงในอาหารมาให้นางทานเพื่อให้ร่างกายนางไร้เรี่ยวแรงขัดขืน เเต่จะมีฤทธิ์อย่างอื่นอีกไหมนางไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆยานี้น่าจะมีผลราว12ชั่วยาม[2] มันจึงต้องเอายามาใส่ให้ในจานข้าวนี้ ซึ่งถ้านางกินก็จะไร้เรี่ยวเเรงต่อ แต่ถ้าไม่กินก็จะเป็นการเพิ่มความระแวง ดังนั้นไป๋ซูเมิ่งจึงเค้นเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีหยิบจานข้าวเบื้องหน้ามา เทข้าวกว่าครึ่งลงจากนั้นเอาฟางใต้ร่างนางกลบไว้และนำจานที่เหลือข้าวไม่มากไปไว้ใกล้ ๆที่เดิม

ตอนนี้เรี่ยวแรงของนางค่อยๆเพิ่มขึ้นจากเดิมแล้ว เเต่ก็ยังไม่พอหากนางต้องต่อสู้กับโจรข้างนอกที่น่าจะมีจำนวนราว ๆ 7-8 คน นางต้องหาทางหนีไปช่วงที่ยังเดินทางผ่านป่า ไม่เช่นนั้นหากเข้าสู่เมืองแล้วนางอาจยากที่จะรอด

ไป๋ซูเมิ่งรอจนเรี่ยวเเรงกลับมาหกถึงเจ็ดส่วนก่อนใช้มือเคาะผนังไม้ด้านข้าง

ก๊อก ๆ ๆ

ชายร่างกำยำคนใกล้สุดชะงักฝีเท้าพลางหันไปมองหน้าชายอีกคนที่ได้ยินเสียงเช่นกัน

“เจ้ามีอะไรรึ?” เขาเดินเข้ามาใกล้ถามหญิงสาวข้างในรถม้าหลังได้รับการพยักหน้าจากชายหัวหน้า

ก๊อก ๆ ๆ ไป๋ซูเมิ่งเคาะอีกรอบ ไม่ใช่อะไร เมื่อครู่นางอ้าปากพูดเเต่กลับไร้เสียง ทำให้รู้ว่ายานั้นทำให้พูดไม่ได้ด้วยและฤทธิ์มีนยังไม่หายไป

พอไม่ได้รับคำตอบหน้าเขาขึ้นสีทันที

“นางพูดไม่ได้ เจ้าลืมไปแล้วรึ นางกินยา”

เสียงเเหบใหญ่ดังขึ้นเตือนสติ หัวหน้าโจรถอนหายใจ “เจ้าลองไปเปิดประตูดูว่านางต้องการอันใด”

เขาวางใจเพราะรู้ว่าหญิงสาวคงไร้เรี่ยวเเรงตามฤทธิ์ยา แต่ก็ไม่วายเดินตามลูกน้องไปเปิดประตูด้วย

แก๊ก ๆ ๆ

เสียงปลดล๊อคกุญแจดังขึ้น ไป๋ซูเมิ่งที่เฝ้ารออยู่จึงขยับตัว ใบหน้าแนบฟางทำท่าทางอย่างคนไร้เรี่ยวแรง

เสียงดังสักพัก ผนังด้านหน้าจึงเปิดออกปรากฏเป็นชายร่างกำยำสองคนยืนอยู่ สะโพกขวาเหน็บดาบเล่มยาว ใบหน้าแฝงความไม่พอใจ

“เเม่นางมีอะไรรึ?”

คนร่างใหญ่กว่าเอ่ยถาม พลางมองสำรวจร่างบางตรงหน้า

รูปร่างผอมบาง เอวคอดกิ่ว ผมดำเงางาม แม้ชุดที่สวมใส่จะเลอะคราบดำประปรายเเต่ก็ไม่อาจลดรัศมีความสูงศักดิ์ของคนตรงหน้าได้ ผิวบริเวณคอและข้อเเขนที่โผล่พ้นเสื้อขาวดั่งหิมะ เขาบอกได้เลยว่าในชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นหญิงสาวนางไหนมีผิวขาวเท่านี้มาก่อน พลันร่างผอมบางตรงหน้าขยับเล็กน้อยก่อนค่อยๆเงยหน้าและขยับริมฝีปาก

“เจ้าพูดอะไร ข้าไม่รู้เรื่อง!”

หลังจากตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าของนางตรงหน้าเขาจึงเอ่ยตะคอก ไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไร ก็สาวน้อยตรงหน้าเปื้อนไปด้วยเลือดที่ไหลมาจากบาดแผลตรงหน้าผากที่ปูดโต

ไป๋ซูเมิ่งเลิกพยายามเปล่งเสียงเปลี่ยนเป็นใช้มือเรียวดังกิ่งหลิวค่อย ๆชี้ไปที่ท้องตนเอง

“หรือว่านางอยากถ่ายเบา หรือถ่ายหนัก” ชายอีกคนเอ่ยขึ้น และก็ได้รับการยืนยันจากไป๋ซูเมิ่งเป็นรอยยิ้มเบาบางจนเหล่าโจรนิ่งค้าง

“เรื่องมากจริง”

ชายหัวหน้าโจรเอ่ยขึ้น น้ำเสียงแฝงอารมณ์โกรธ ซึ่งเรื่องที่เขาโกรธคือเป็นเพราะรู้สึกเสียดายหญิงสาวตรงหน้าที่ต้องไปอยู่ใต้ร่างคนอื่นเเทนที่จะเป็นตนเอง รู้สึกโกรธตนเองที่เกิดมาเป็นได้เเค่โจรกระจอก พลันสะบัดหน้าไล่ความคิดนั้นออกไป และหันไปสั่งลูกน้อง

“พวกเจ้าสองคนมาพยุงนางออกไปหลังพุ่มไม้นู่น!”