ตอนที่ 4
สิริวธูเดินกลับเข้าบ้านหลังจากปล่อยให้บิดาได้พูดคุยกับเพื่อนรักเพื่อนสนิท ที่ไม่ได้เจอหน้าเจอตากันมานาน ติดต่อกันบ้างก็ทางโทรศัพท์
หล่อนปลีกตัวหลังจากได้รับการแนะนำให้รู้จักเจ้าของบ้าน ก็เพราะรำคาญว่าบิดากับบุญทวี (ที่หล่อนถูกสั่งให้เรียกว่า ‘คุณลุง’) คุยกันด้วยเรื่องก่อนหล่อนเกิดทั้งนั้น
จากที่ได้เดินชมรอบๆ บ้านๆ สิริวธูก็รู้สึกว่าอาจขาดใจตายจริงๆ ถ้าต้องอยู่ที่ไร่กลางดงแสนจะเงียบสงัด จนแทบได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองเช่นนี้
ควรทำอย่างไรดีหนอ ให้พ่อใจอ่อนยอมให้หล่อนกลับกรุงเทพฯด้วย
สิริวธูเผลอทำหน้านิ่วคิ้วขมวด คิดหาหนทาง เพื่อจะได้ไม่ต้องหมกตัวอยู่กลางป่า ขณะที่เท้าก้าวเอื่อยๆ ไม่เร่งรีบ อ้อมด้านข้างของตัวบ้านซึ่งก่อด้วยอิฐมอญทั้งหลัง
หล่อนวกกลับถึงด้านหน้าตัวเรือน กำลังจะก้าวขึ้นบันไดหินกว้างแต่เตี้ย ก็ต้องชะงักกึก
“อะไรกัน? หน้าตาก็อ่อนๆใสๆ เฮี้ยวสะบัดขนาดนั้นเลยเรอะ”
เสียงนี้ ไม่ใช่เสียงบิดาแน่ๆ
“มันยิ่งกว่าเฮี้ยวนะสิ ไม่งั้นคงไม่มารบกวนถึงนี่ บอกตรงๆ นะทวี ฉันกลัวจริงๆ ว่ายายหนูของฉันจะเหมือนคุณย่าแสงแขที่นายเองก็คงพอจะเคยได้ยินกิตติศัพท์ท่านมาบ้างหรอก”
สิริวธูขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าคุณย่าแสงแขซึ่งเป็นย่าของบิดา แต่เป็นย่าทวดของหล่อน มาเกี่ยวอะไรด้วย
“พอจะเคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน เห็นว่าท่านทั้งสวยทั้งเปรี้ยวจี๊ดจนผู้คนพากันร่ำลือเลยไม่ใช่หรือ”
“ใช่สวย ก็หน้าตาคล้ายๆ ยายหนูของฉันนี้แหละ แต่โครงหน้าเฉี่ยวกว่า แล้วที่ว่าท่านเปรี้ยวน่ะยังน้อยไป ไม่รู้ว่านายจะเคยได้ยินเรื่องเพชรสามสีที่ท่านได้ประทานจากเสด็จในกรมฯ หรือเปล่า”
“ที่ว่าท่านเป็นที่โปรดปราณของเสด็จ ขนาดว่าประทานเพชรล้ำค่าเป็นของขวัญทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกันน่ะหรือ ก็พอจะผ่านๆ หูบ้างหรอก”
“แล้วนายไม่แปลกใจหรอกรึ ว่าทำไมอยู่ดีๆ เสด็จท่านถึงประทานสร้อยเพชรทั้งสายให้คุณย่า ทั้งๆ ที่เสด็จก็มีชายาอยู่แล้ว แถมหม่อมเล็กหม่อมน้อยเป็นสิบ แล้วคุณย่าก็ใช่ว่าจะเป็นอะไรกับเสด็จ ไม่ใช่ทั้งพระญาติวงศา หรือแม้แต่มีตำแหน่งหม่อม”
“ก็…เสด็จอาจจะชอบพอคุณย่าของนาย”
“ชอบก็ชอบไป สิ แต่แค่ชอบธรรมดาเห็นจะไม่ประทานสร้อยเพชรมูลค่ามหาศาลขนาดนั้นให้แน่ๆ เว้นแต่ว่าคุณย่าจะทำอะไรให้เสด็จบางอย่าง และเสด็จก็พอใจมากๆ พูดก็พูดเถอะว่ะ เราเองเป็นหลานท่านก็ให้ความเคารพรักท่านตามสถานะ แต่ถ้าพูดเรื่องนิสัยของท่านจริงๆ แล้ว คุณย่าน่ะเป็นผู้หญิงเจ้าชู้ขนาดหนักดีๆ นี่เอง ดูแต่หลังจากคุณปู่สิ้น ไม่ทันไรเลย ท่านก็ควงผู้ชายอื่นปร๋อ แถมบางคนน่ะอายุรุ่นลูกรุ่นหลานด้วยนะ”
“นายก็เลยห่วงยายหนูของนาย กลัวว่าจะเหมือนย่าทวดงั้นสิ”
“มันน่าวิตกจริงๆ ว่ะ ยายขิงมีเพื่อนชายมากเหลือเกินขณะที่เพื่อนผู้หญิงแทบจะนับคนได้ ฉันก็รู้หรอกนะว่ายายหนูยังไม่เสียอะไรให้ใครตอนนี้ แต่ขืนปล่อยไว้ในสังคมเมืองหลวงอย่างที่ผ่านๆ มา เห็นจะไม่แคล้วแน่ๆ ว่าอาจจะเพริดไปกับคำป้อยอ กระทั่งเจริญรอยตามย่าทวดของแก เห็นเรื่องเปลี่ยนผู้ชายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญผิดแผกกุลสตรีไทยส่วนใหญ่ให้ผู้คนนินทา”
“นายมองลูกแง่ร้ายไปหน่อยหรือเปล่าวธัญ ฉันก็เห็นว่ายายหนูแกเรียบร้อยดีนี่ หน้าตา กิริยามารยาทก็ดูออกจะน่ารัก กราบไหว้ผู้ใหญ่กะร่อยกะหริบดี ไม่เหมือนพวกวัยรุ่นบางคนสมัยนี้ มันยกมือไหว้เราทีแผล็บๆ เหมือนลิงล้างก้น สิบนิ้วมันแทบทิ่มหน้าทิ่มตาคนที่มันเคารพนบไหว้เห็นแล้วอ่อนใจ”
“นายยังไม่รู้จักยายหนูของฉันดีน่ะสิ ถึงได้พูดอย่างนี้”
สิริวธูรีบกระแอม ก่อนจะถูกบิดา‘ขาย’ไปมากกว่านั้น
หล่อนเดินหน้าตูมเข้าไปนั่งลงข้างๆ ถามเสียงเหน็บแนม
“ท่าทางพ่อกับคุณลุงจะคุยกันสนุกมากนะคะ เสียงดังออกไปถึงข้างนอกโน่นแน่ะ”
วธัญแค่ทำหน้ายิ้มๆ แต่บุญทวีถึงกับหัวเราะเพราะรู้เท่าทันวาจาประชดกรายๆ และเขาก็ยังไม่เปลี่ยนความรู้สึก ที่เห็นว่าลูกสาววัยรุ่นของเพื่อนสนิทออกจะน่ารัก ท่าทางฉลาดเฉลียว พูดจาก็ทันคน
อย่างนี้แหละ ที่เขาชอบ
บุญทวีนึกขันตัวเองในใจ เมื่อรู้ว่าตนกำลังคิดสิ่งใดอยู่
