บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

“โอย…”

เสียงครวญราวจะขาดใจก็ดังขึ้นอีกหลังจากเงียบไปได้พักใหญ่

“เมื่อไรจะถึงเสียทีเนี่ย แล้วทำไมมันถึงมีแต่ป่าแบบนี้ละคะพ่อ หนูไม่ใช่ลูกนางสิบสองนะจะได้ถูกพามาปล่อยป่า”

“คุณลุงบุญทวีเขาทำไร่นี่ลูก ไม่ใช่ทำศูนย์การค้าจะได้อยู่ใจกลางตัวเมือง”

“อย่างนี้พ่อตั้งใจแกล้งหนูชัดๆ!”

สิริวธูรวนต่อ อย่างน้อยใจระคนเจ็บใจ

“พ่อหวังดีกับหนูต่างหาก”วธัญแย้งเสียงนุ่มนวล

“หวังดีด้วยการพาหนูมาปล่อยไว้กลางดงกลางป่านี่น่ะหรือคะ เฮ่อ!”

“กลางไร่ต่างหาก”

“นั่นแหละค่ะ ไร่อยู่กลางป่าตีนดอย แสนจะห่างไกลความเจริญ สงสัยว่ากว่าจะได้รับอนุญาตให้กลับกรุงเทพฯได้ หนูคงพูดภาษาลิงค่าง บ่าง ชะนี ได้แทนภาษาคนแน่ๆ”

วธัญเฉยเสีย

“พ่อขา”

พอบิดาไม่ตอบโต้ สิริวธูก็ส่งเสียงเรียกมาอีก

“หืม”

วธัญขานรับในคอ ไม่หันไปมอง เพราะกำลังแล่นรถขึ้นเนินเขาเตี้ย ซึ่งถนนนั้นต้องวนไปตามตีนเขาเป็นวงกลมสูงขึ้นตามลำดับ เพื่อจะลงอีกด้านหนึ่งของเนินเขา

“พาหนูกลับบ้านเราเถอะ นะคะ”

“สายเสียแล้วลูก”

สิริวธูหน้าง้ำ

“หนูไม่เข้าใจจริงๆ เลยนะเนี่ย!”

แน่ใจว่าบิดาไม่เปลี่ยนใจแน่ ก็เริ่มจับบทบ่นพึมเป็นหมีกินผึ้ง (ไม่รู้ว่าทำไมหมีถึงบ่นเวลากินผึ้ง)

“ไม่เข้าใจที่พ่อรักและหวังดีกับลูกนี่น่ะหรือ” วธัญถามเสียงกลั้วหัวเราะน้อยๆ

สิริวธูปรายตามองผู้ให้กำเนิดคล้ายจะค้อน พูดว่า

“ที่หนูบอกไม่รู้ หมายถึงไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด ถึงได้กลายเป็นนักโทษถูกกักกันบริเวณแบบนี้ต่างหากละคะ” กระแทกเสียงงอนๆ

“ถ้าไม่ยอมรับในความผิดของตน แล้วจะรู้อย่างไรล่ะว่าตัวเองทำอะไรผิด”

เสียงราบเรียบอย่างอารมณ์เย็นตอบมา ขณะปล่อยให้รถแล่นลงเนิน ซึ่งสองข้างทางเปลี่ยนจากป่าโปร่ง เป็นทุ่งหญ้า

“ก็แค่หนูคบหาเพื่อนไม่ถูกใจพ่อ ก็เท่านั้นเอง!”

“ไม่เท่านั้นน่ะสิ”

“ไม่เท่านั้น แล้วเท่าไหนคะ”

“พูดไปก็เปล่าประโยชน์ ภาษาวัยรุ่นยุคพ่อยังหนุ่ม เขาว่าพูดไปก็ไลฟ์บอย”

ทั้งที่กำลังหงุดหงิด สิริวธูก็ยังอดหัวเราะคิกออกมาไม่ได้ ก่อนรีบหยุด แสร้งทำหน้าคว่ำเป็นภควัม กรวดน้ำไม่รับบุญ

“ก็ลองพูดมาหน่อยสิคะ หนูจะได้รู้ว่ากะอีแค่หนูคบเพื่อนชายมากหน้าหลายตาหน่อยผิดอะไรนักหนา”

“ผิดตรงที่เพื่อนผู้ชายที่ลูกว่ามันกำลังจะพาลูกสาวพ่อไขว้เขว ลงเหวนรกไปกับมันด้วยน่ะสิ แต่ละคนไม่ใช่แค่เสเพลเท่านั้นหรอกนะ แต่ระดับเดนสังคมเลยเชียว”

สิริวธูอึ้งไปราวครึ่งนาที เพราะถ้าหล่อนลดความดันทุรังอยากเอาชนะลงบ้าง ก็พอจะมองเห็นเหมือนกันว่าเพื่อนชายกลุ่มใหม่ของหล่อนนั้น ผิดจากเพื่อนชุดเดิมๆ ของหล่อนหลายอย่าง

ซึ่งหล่อนก็พอจะรู้ว่าเซ็ทที่มีลูกชายอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงฯ หนึ่งที่มีมารดาเป็นถึงคุณหญิงโดยกำเนิด เป็นหัวหน้ากลุ่ม ความเสเพลไม่ได้หยุดอยู่แค่ผู้หญิง เหล้า หรือเกมการพนัน แต่ดูเหมือนจะเลยเถิดกึ่งการเสพยาบางประเภทที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท

แต่ทั้งหมดนี้ สิริวธูยังไม่เคยรู้เห็นด้วยตาตัวเอง และยังไม่เคยถูกชักชวนให้ลองสิ่งเสพย์ติดใดๆ ซึ่งก็อาจเป็นได้ว่าหล่อนเพิ่งเข้ารวมกลุ่ม ก็เลยยังไม่เป็นที่ไว้วางใจก็เป็นได้

ถึงอย่างนั้น ความที่มีนิสัยรั้นเข้าขีดดันทุรังเป็นทุน สิริวธูเลยอดไม่ได้ที่จะแย้ง

“หนูว่าพ่อมีอคติ”

“แต่ก็เป็นอคติของคนอาบน้ำร้อนมาก่อนหนู มีประสบการณ์ ผ่านอะไรมามากกว่าหนูไม่ใช่หรือล่ะ”

สิริวธูเถียงไม่ออก

แต่ก็แค่พักเดียวหละน่า….

“พ่อเป็นจอมเผด็จการ!”หล่อนกล่าวหาต่อ “ไม่ยอมรับว่าหนูน่ะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วดูแลตัวเองได้”

“รายไหนรายนั้น พูดแบบเดียวกับหนูนี่แหละ ถ้าไม่พลาดเสียตัวชั่วช้า พลาดแล้วพลาดอีก ก็อาจถึงขั้นเสียผู้คนเพราะติดยา ด้วยความที่ไว้วางใจเพื่อนเลวๆ ที่ไม่พึงคบหาสมาคมตั้งแต่แรก ในฐานะคนเป็นพ่อเห็นจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นที่โบราณเขาว่า กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้”

“เลยเลือกวิธีหักด้ามพร้าด้วยเข่าแทน”

สิริวธูพูดเสียงเดือดๆ ด้วยความงอน บวกน้อยใจ

วธัญหัวเราะ ละมือซ้ายจากพวงมาลัยมาจับศีรษะบุตรสาวอย่างรักใคร่

“หนูก็เก่งสุภาษิตพังเพยไทยเหมือนกันนี่”

สิริวธูทำตาคว่ำ แต่แล้วก็ต้องหัวเราะ กลับมาอ้อนเสียงออดอ่อย

“พ่อขา เปลี่ยนใจพาหนูกลับบ้านเราเถอะนะ หนูสัญญา ว่าจะดำรงตนเป็นคนดี ไม่เที่ยวไม่เกเร จะเลิกคบหาเพื่อนที่ไม่ดี อีกทั้งจะอยู่ในโอวาทของพ่อทุกอย่างเลยเอ้า!”

วธัญหัวเราะก๊าก กับประโยคให้สัจจะวาจานั้น เขาพูดทั้งยังหัวเราะ

“ยากเสียแล้วลูกเอ๋ยที่จะเปลี่ยนใจ โน่นแน่ะ…ทางเข้าบ้านไร่พรพฤกษ์ของคุณลุงบุญทวี เพื่อนรักของพ่อ”

สิริวธูมองเห็นป้าย ซึ่งแขวนบนเสาสองเสาปักค่อมประตูทาสีขาวขุ่นๆ มีอักษรสีทองตัวขนาดใหญ่ เขียนด้วยเส้นลายหวัดเกมบรรจงบนแผ่นไม้เขื่องๆ แต่ไกล อ่านได้ใจความว่าไร่พรพฤกษ์

เมื่อรถแล่นเข้าใกล้ประตู จึงเห็นว่าข้างล่างชื่อไร่มีประโยคสั้นๆ เขียนไว้อีกหนึ่งบรรทัด คือคำว่า ‘ยินดีต้อนรับ’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel