บทที่ 9
ไม่นานนัก
นายทหารร่างท้วมเอวหนาก็เดินโอนเอนออกมา
เกราะหนังที่สวมอยู่ดูหลวมโครก
หัวหน้าหมู่จางหาววอด : “เช้าตรู่ป่านนี้ มีของยึดมาได้อะไรกัน? ไหนข้าดูซิ......”
พูดยังไม่ทันจบ สายตาก็ไปสะดุดกึกอยู่ที่รถลาก
เขาก้าวพรวดพราดสามก้าวประชิดตัวรถ กระชากผ้าป่านที่คลุมอยู่ออกครึ่งหนึ่ง
หัวคนที่หมักปูนขาว เกราะหนังหลางหรง และดาบโค้ง สะท้อนแสงเย็นเยียบภายใต้แสงอรุณ
ลูกกระเดือกของหัวหน้าหมู่จางขยับขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไปเอามาจากไหน?” น้ำเสียงกดต่ำลงกะทันหัน
“เรียนท่านทหาร” หลินชวนประสานมือตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เมื่อวานชาวตาดบุกมาปล้นที่หมู่บ้านของเรา เราจึงร่วมแรงกันสังหารมันได้ขอรับ”
“พวกเจ้า......” หัวหน้าหมู่จางกวาดตามองของกลางด้วยแววตาร้อนผ่าว “หมู่บ้านไหน?”
“หมู่บ้านหลิ่วชู่ขอรับ”
ทหารแก่หน้าย่นคนหนึ่งขยับเข้าไปกระซิบกระซาบข้างหูหัวหน้าหมู่จางสองสามคำ
หัวหน้าหมู่จางหรี่ตาที่เป็นรูปสามเหลี่ยมลง จู่ ๆ ก็แสยะยิ้มเผยให้เห็นฟันเหลืองอ๋อย “ดี ดีมาก......”
เขาหันขวับไปตวาดสั่งลูกน้อง :
“ยืนบื้อกันอยู่ทำไม? ขนของไปไว้ที่คลังอาวุธสิ!”
แล้วชี้หน้าพวกหลินชวนทั้งสาม “ส่วนพวกเจ้า กลับไปได้แล้ว!”
“อะไรนะ?” รูม่านตาของหลินชวนหดเล็กลง
จางเสี่ยวเนียนกับหวังเถี่ยจู้ที่อยู่ด้านหลังถึงกับมึนงง
ทหารหลายนายกรูเข้ามาล้อม ทหารแก่หน้าย่นตวาดเสียงกร้าว :
“ไม่ได้ยินที่หัวหน้าจางสั่งรึไง? ให้พวกเจ้ากลับไป! ไอ้พวกบ้านนอก......”
เพลิงโทสะลุกโชนในอกหลินชวน แต่เขายังข่มกลั้นไว้ ประสานมือกล่าวว่า :
“หัวหน้าหมู่จาง! ข้ามาสมัครเป็นทหารขอรับ!”
“ไม่ผ่าน” หัวหน้าหมู่จางส่งเสียงฟึดฟัด “ที่นี่ไม่รับพวกเท้าเปื้อนโคลน”
“แต่หัวหน้าหมู่หูเป็นคนรับสมัครข้า......”
น้ำเสียงของหลินชวนเย็นเยียบประดุจน้ำแข็ง
“ทำไม? คิดจะเอาชื่อหูต้าโถวมาขู่ข้าหรือ?”
หัวหน้าหมู่จางหันขวับกลับมา เนื้อหนังบนใบหน้าสั่นระริก
“จะบอกเจ้าไว้เลยนะ วันนี้ต่อให้หูต้าโถวมาด้วยตัวเอง ของพวกนี้ก็ต้องถูกริบเข้ากองกลาง!”
มือของเขากุมแน่นที่ด้ามดาบ
ทหารรอบข้างต่างก็พากันชักอาวุธออกมา
หลินชวนชี้ไปที่ของบนรถลาก : “ของพวกนี้พวกข้าเป็นคนยึดมาได้ ตามกฎกองทัพย่อมต้องได้รับรางวัล”
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? มีสิทธิ์มาสอนข้าทำงานหรือ?”
หัวหน้าหมู่จางตีหน้าขรึม ยกเท้าถีบรถลากอย่างแรง “ขืนพูดมากอีกคำ จะจับข้อหาไส้ศึก!”
หวังเถี่ยจู้โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม แต่ถูกจางเสี่ยวเนียนกอดรัดตัวไว้แน่น
“ทำไม? กล้าถลึงตาใส่ข้าหรือ?”
หัวหน้าหมู่จางจ้องเขม็งไปที่หวังเถี่ยจู้ แววตาฉายความอำมหิต
หลินชวนหัวเราะออกมาทันที
หัวหน้าหมู่จางที่อยู่ตรงหน้านี้ กำลังรนหาที่ตายแท้ ๆ
ตอนที่ตัดสินใจมาสมัครทหาร เขาจินตนาการสถานการณ์ไว้หลายรูปแบบ
อาจจะถูกกลั่นแกล้ง ต้องประลองกับทหารเก่าที่ลานฝึก
หรืออาจจะถูกรังแก โยนงานสกปรกงานหนักให้ทำ
หรือแม้กระทั่งถูกหักเบี้ยหวัด ก็ยังพอจะกล้ำกลืนฝืนทนได้
แต่สิ่งเดียวที่คาดไม่ถึงคือ อีกฝ่ายกลับกล้าแย่งชิงความชอบในกองทัพกันซึ่งหน้าเยี่ยงนี้!
“ท่านทหารท่านนี้!”
เขาเอ่ยปากช้า ๆ น้ำเสียงราบเรียบจนน่ากลัว “การแอบอ้างความชอบผู้อื่น คือโทษมหันต์ในกองทัพนะขอรับ”
หัวหน้าหมู่จางชะงักไปครู่หนึ่งกับท่าทีนิ่งสงบที่คาดไม่ถึง ก่อนจะแสยะยิ้มชั่วร้าย :
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน......ยังจะมาวางมาดใส่ข้าอีก?”
เสียง “เช้ง” ดังขึ้น เขาชักดาบคาดเอวออกจากฝัก
“วันนี้ต่อให้เง็กเซียนเสด็จมามา ของพวกนี้ก็นับเป็นความชอบของข้า!”
เหล่าทหารรอบข้างพากันหัวเราะครื้นเครง บางคนถึงกับผิวปากแซว
ยามนี้ชายแดนมีศึกไม่เว้นวัน ใครจะรู้ว่าจะได้เห็นดวงตะวันของวันพรุ่งนี้หรือไม่
หัวชาวตาดที่มาส่งถึงที่เหล่านี้ สามารถแลกเงินได้หลายสิบตำลึง
หัวหน้าหมู่ได้ส่วนแบ่งก้อนโต พวกเขาก็พลอยได้เศษเงินคนละสองสามตำลึง
เพียงพอให้กินดื่มอิ่มหนำ แล้วไปหาผู้หญิงระบายตัณหาได้สักรอบ......
ทหารแก่หน้าย่นคนเดิมพูดจาเหน็บแนมขึ้นว่า :
“หัวหน้า ดาบของไอ้หนูนั่นไม่เลวเลยนะ!”
“ดาบ?”
สายตาของหัวหน้าหมู่จางตกกระทบลงบนดาบในมือหลินชวน ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์
“เอามาให้ข้าดูหน่อยซิ!”
เขายื่นมือไปทางหลินชวน
หลินชวนมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโลภของคนกลุ่มนี้ แล้วพลันรู้สึกขบขันขึ้นมา
พวกเขาหารู้ไม่ว่า ตนเองกำลังยื่นคอไปพาดบนแท่นประหารแท้ ๆ
“ท่านทหาร นี่เป็นความชอบจากการรบของพวกข้า คืนมาเถอะขอรับ”
หลินชวนขมวดคิ้ว “รอให้หัวหน้าหมู่หูมาถึง พวกเราจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
หัวหน้าหมู่จางราวกับได้ฟังเรื่องตลกที่สุดในสามโลก เขาแหงนหน้าหัวเราะลั่น :
“ฮ่า ๆ ๆ พวกเจ้าได้ยินไหม? ไอ้บ้านนอกนี่กล้าขู่ข้าด้วย!”
เสียงหัวเราะขาดห้วงไปกะทันหัน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมลงอย่างรวดเร็ว
“จับไอ้พวกไส้ศึกนี่ไปตัดหัวซะ!”
“หา? พวกเราไม่ใช่ไส้ศึกนะ——”
หวังเถี่ยจู้หน้าถอดสีด้วยความตกใจ แต่ทหารตรงหน้าหลายนายได้ชักดาบพุ่งเข้ามาแล้ว
นัยน์ตาของหลินชวนฉายประกายอำมหิต เขาตวัดมือดึงดาบยาวออกจากฝัก คมดาบวาดเป็นวงโค้งสีเงินยวงสว่างวาบ
“ฉึบ!”
เลือดสด ๆ พุ่งกระฉูดออกจากลำคอของทหารแก่หน้าย่น เขาเอามือกุมคอแล้วล้มคว่ำลง
ทหารอีกสี่คนที่เหลือชะงักฝีเท้ากึก
เห็นได้ชัดว่าถูกคมดาบที่รวดเร็วและโหดเหี้ยมนี้สยบจนขวัญผวา
“ช่างบังอาจนัก!”
หัวหน้าหมู่จางบันดาลโทสะชักดาบออกมา ปลายดาบชี้ตรงไปที่ตำแหน่งหัวใจของหลินชวน
“เจ้าคิดจะก่อกบฏหรือ!”
“ท่านจงดูให้ชัด ๆ ก่อนว่านี่คืออะไร!”
หลินชวนคำรามลั่น ชูแผ่นป้ายเหล็กในมือขึ้นตรงหน้าหัวหน้าหมู่จางอย่างฉับพลัน
ภายใต้แสงตะวัน ตัวอักษร “หน่วยองครักษ์ซีหลง” คำใหญ่ ๆ บาดตาจนรูม่านตาของหัวหน้าหมู่จางหดวูบ
มือที่ถือดาบแข็งค้างไปในทันที ริมฝีปากสั่นระริก :
“นะ... นี่มัน...”
“ยักยอกความชอบ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ข้าอยากรู้นักว่าท่านมีหัวให้ตัดกี่หัว!”
ใบหน้าของหัวหน้าหมู่จางเปลี่ยนจากขาวซีดเป็นเขียวคล้ำ จู่ ๆ ก็ตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่ง :
“ของปลอม! ต้องเป็นของปลอมแน่ ๆ! ฆ่ามันซะ——”
ดาบคาดเอวในมือฟาดฟันใส่หลินชวนอย่างดุดัน
“แกร๊ง!”
ดาบหัวตัดสันหนาเล่มหนึ่งลอยขวางกลางอากาศ ปัดป้องการโจมตีถึงตายนั้นได้อย่างแม่นยำ
ร่างสูงใหญ่ดุจหอคอยเหล็กของหัวหน้าหมู่หูมายืนขวางอยู่เบื้องหน้าหลินชวน บนหนวดเครารุงรังยังเปียกชื้นไปด้วยน้ำค้างยามเช้า :
“จางหน้ากระ เจ้าลองแตะต้องคนของข้าดูสิ?”
หัวหน้าหมู่จางถูกแรงปะทะจนเซถอยหลัง เมื่อมองเห็นชัดว่าผู้มาเป็นใคร ก็ตะโกนลั่น :
“หูต้าโถว! เจ้าสมคบคิดกับไส้ศึกหรือ? !!”
หัวหน้าหมู่หูหัวเราะในลำคอ ปลายดาบนิ่งสนิทไม่ไหวติง
“ไส้ศึก? นี่คือคนที่ข้ารับสมัครมาเมื่อวาน จะกลายเป็นไส้ศึกไปได้อย่างไร?”
ใบหน้าของหัวหน้าหมู่จางเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว ชี้ไปที่ศพของเหล่าซานบนพื้น น้ำเสียงสั่นเครือ :
“เขาฆ่าเหล่าซาน!!”
สายตาของหัวหน้าหมู่หูขรึมลง หางตากระตุกเล็กน้อย
เขาปรายตามองศพบนพื้น ลำคอของเหล่าซานถูกปาดขาดสะบั้นในดาบเดียว กองเลือดไหลนองซึมลงสู่ผืนดินสีเหลือง
“เรื่องนี้ต้องส่งให้หน่วยคุมกฎกองทัพจัดการ ข้าคงจัดการเองไม่ได้...”
เขาค่อย ๆ เก็บดาบ ทว่าน้ำเสียงกลับเย็นเยียบลงกะทันหัน
“แต่ว่านะ จางหน้ากระ โทษฐานที่เจ้ายักยอกความชอบและสังหารผู้มาสมัครทหารโดยพละการ เรื่องนี้หน่วยคุมกฎกองทัพจัดการเจ้าได้แน่!”
สิ้นเสียง ทหารเก่าห้านายด้านหลังเขา ก็ก้าวออกมาพร้อมเพรียงกัน
ดาบคาดเอวถูกชักออกจากฝัก ประกายคมดาบเย็นเยียบ
ทหารอีกสี่คนที่เหลือเห็นท่าไม่ดี ก็พากันถอยกรูไปจนชิดมุมกำแพง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
หัวหน้าหมู่จางถูกคนของหัวหน้าหมู่หูล้อมไว้รอบทิศ ใบหน้าซีดเผือด แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
เขาจ้องเขม็งไปที่ของกลางบนรถลาก แล้วแสยะยิ้มชั่วร้าย :
“หูต้าโถว เจ้าบอกว่าเขาฆ่าหน่วยลาดตระเวนไปหกคน? ลำพังแค่เขาเนี่ยนะ? !”
เขาชี้หน้าหลินชวนอย่างแรง พร้อมขึ้นเสียงสูง :
“ไอ้เด็กนี่แม้แต่ทะเบียนทหารก็ยังไม่มี มันจะเอาปัญญาที่ไหนไปฆ่าหน่วยลาดตระเวนของชาวตาดได้?”
หัวหน้าหมู่หูขมวดคิ้วมุ่น
ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก หัวหน้าหมู่จางก็หันขวับไปทางทหารเดนตายทั้งสี่ของตน ตวาดถามเสียงกร้าว :
“พวกเจ้าพูดมา! เมื่อวานเห็นหน่วยลาดตระเวนชาวตาดบ้างหรือไม่? !”
ทหารสี่นายมองหน้ากันเลิ่กลั่ก หนึ่งในนั้นตอบตะกุกตะกักอย่างหวาดกลัว :
“ระ เรียนหัวหน้า......เมื่อคืนมีกองทหารม้าหลางหรงป้วนเปี้ยนอยู่แถวร่องน้ำหลิวซู่จริง ๆ ขอรับ......”
แววตาของหัวหน้าหมู่จางฉายแววลำพองใจวูบหนึ่ง ก่อนจะเค้นถามต่อ
“แล้วพวกเจ้าเห็นไอ้เด็กนี่ฆ่าศัตรูหรือไม่? !”
ทหารทั้งสี่เงียบกริบราวกับเป่าสาก ไม่มีใครกล้าตอบ
หัวหน้าหมู่จางหัวเราะเยาะ หันไปทางหัวหน้าหมู่หู :
“หูต้าโถว ได้ยินแล้วใช่ไหม? ไม่มีพยานบุคคล อาศัยแค่หัวไม่กี่หัว ใครจะไปรู้ว่าเขาไปไล่ฟันพวกลี้ภัยที่ไหนมาสวมรอยเอาหน้า? !”
แววตาของหลินชวนเย็นยะเยือก ดาบยาวในมือยกขึ้นเล็กน้อย
แต่หัวหน้าหมู่หูยกมือขึ้นห้ามเขาไว้ แล้วหรี่ตามองหัวหน้าหมู่จาง :
“จางหน้ากระ เจ้าเห็นข้าเป็นคนปัญญาอ่อนหรือ?”
เขาสาวยาว ๆ ไปที่รถลาก คว้าหัวคนขึ้นมาหัวหนึ่ง แล้วชี้ไปที่รอยสักหลังใบหู :
“รอยสักรูปจันทร์เสี้ยวของเผ่าเฮยหลาง เจ้าลองบอกข้าซิ ว่าพวกลี้ภัยที่ไหนมันจะสักไอ้นี่ไว้หลังหู? !”
หัวหน้าหมู่จางจุกจนพูดไม่ออก ใบหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว
หัวหน้าหมู่หูส่งเสียงฟึดฟัด แล้วชี้ไปที่เกราะหนัง :
“ยังมีนี่อีก เจ้าคงไม่ได้จะบอกว่าดูไม่ออกหรอกนะ? !”
เหงื่อกาฬผุดซึมเต็มหน้าผากของหัวหน้าหมู่จาง ริมฝีปากสั่นระริก แต่ก็ยังแข็งใจเถียงข้างๆ คูๆ :
“กะ......ก็อาจจะเป็นของที่มันเก็บได้! เกราะที่ตกหล่นในสนามรบมีถมไป!”
หัวหน้าหมู่หูโกรธจนหลุดขำ :
“ไร้สาระสิ้นดี! เกราะเก็บได้ แล้วหัวคนมันเก็บได้ด้วยหรือ? ! เจ้าเห็นพวกชาวตาดเป็นดินปั้นหรือไร ถึงยอมให้ใครมาตัดหัวเล่นง่ายๆ? !”
เขาส่งเสียงฟึดฟัด
“จางหน้ากระ วันนี้ข้าขอยื่นคำขาดไว้ตรงนี้เลย ความดีความชอบของหลินชวน เจ้าไม่มีฮุบมันไปได้แน่!”
หัวหน้าหมู่จางถูกบีบจนถอยร่นไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็จนมุม แผ่นหลังชนกับกำแพงป้อมอันเย็นเยียบ
ใบหน้าของเขาซีดเผือด ในแววตาปรากฏความหวาดกลัวขึ้นแวบหนึ่ง
หลินชวนก้าวเข้าไปช้า ๆ ปลายดาบชี้เฉียงลงพื้น น้ำเสียงเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ :
“หัวหน้าหมู่จาง ตอนนี้ ท่านยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“บัดซบ...”
ประกายอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหัวหน้าหมู่จาง
