บทย่อ
ปลายรัชศกแห่งต้าเฉียน บ้านเมืองสั่นคลอน ดุจถูกศัตรูโอบล้อมสี่ทิศดั่งเสียงเพลงของรัฐฉู่โหมกระหน่ำราวลางหายนะ เหนือมีทัพม้าศึกหลางหรง ตีโถมลงใต้ปล้นชิงไม่เว้นวัน ใต้มีราษฎรพเนจรลุกฮือเป็นกลุ่มกอง โจรภัยอาละวาดทั่วแผ่นดิน ราชสำนักทรุดโทรมด้วยความฉ้อฉล องค์ราชวงศ์ข่มเหงเหล่าขุนนางแห่งราชสำนัก เพียรคิดช่วงชิงราชบัลลังก์ไว้ในกำมือ ภายใต้บัญชาของแม่ทัพผู้บัญชาการกองทหารหน่วยองครักษ์ซีหลง ประจำการพิทักษ์ชายแดนเหนือ ทว่ากำลังเพียงหยิบมือ ดุจต้นไม้เดียวดายยากจะต้านพายุใหญ่ เมื่อครานั้น หลินชวนกลับบังเอิญข้ามภพมาเข้าร่างบัณฑิตยากจนผู้หนึ่งแห่งหมู่บ้านหลิ่วชู่ ครั้นรุ่งขึ้น เขาจึงตัดใจละทิ้งหนทางบัณฑิต หันเข้าสู่หนทางยุทธ์ ตัดสินใจสมัครเข้ากองทัพชายแดน…
บทที่ 1
“พี่อะชวน......”
“คืนนี้ ให้ข้าเป็นของท่านเถอะนะ......”
“ถ้าทำให้ร่างกายข้าเสื่อมเสียแล้ว จะได้ไม่ปล่อยให้ไอ้แก่ชั่วแซ่จางนั่นเอาเปรียบได้......”
แสงจันทร์ส่องผ่านเข้ามาทางช่องกระเบื้องแตก ๆ
กระทบลงบนร่างที่เย้ายวนของหญิงสาว นางค่อย ๆ ปลดผ้าคาดอกสีแดงออก
จากนั้น ร่างกายอ่อนนุ่มของนางก็แนบชิดเข้ามา
แผ่นไม้กระดานของเตียงส่งเสียงดัง “เอี๊ยดอ๊าด”
……
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร
หลินชวนลืมตาขึ้น
เบื้องหน้าไม่ใช่โรงพยาบาลทหาร แต่เป็นกระท่อมมุงจากที่ทรุดโทรม
ผ้าห่มเนื้อหยาบส่งกลิ่นอับชื้น บนผนังดินแตกร้าวมีเสื้อฟางแขวนอยู่ ตรงมุมห้องมีของใช้เบ็ดเตล็ดวางกองอยู่
ที่นี่คือที่ไหน?
แล้วก็......เมื่อคืนมันเรื่องอะไรกันแน่?
ผู้หญิงคนนั้น
ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งสติ จู่ ๆพลันเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นในสมอง
ภาพความทรงจำมากมายระเบิดออกมาในห้วงความคิด
“นี่ฉันทะลุมิติมาแล้วเหรอ?”
ที่นี่คือหมู่บ้านหลิ่วชู่ หมู่บ้านเล็ก ๆ ตรงชายแดนของราชวงศ์ต้าเฉียน
ร่างเดิมเป็นบัณฑิตตกอับที่มุ่งมั่นสอบจอหงวน แต่กลับสอบตกครั้งแล้วครั้งเล่า
อีกทั้งร่างเดิมยังเป็นเพื่อนเล่นที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กของหลิ่วหยุนเหนียง เด็กสาวที่อยู่บ้านติดกัน อีกทั้งยังหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็กอีกด้วย
เดิมทีคิดว่าทั้งสองจะได้ลงเอยกันในที่สุด......
แต่จู่ ๆ นายท่านจางที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของเมืองก็พาสมุนมาที่บ้าน บอกว่าก่อนที่พ่อของหยุนเหนียงจะตาย ได้กู้เงินไปยี่สิบตำลึงและยังไม่คืน
ตอนนี้ดอกทบต้น รวมแล้วต้องคืนหนึ่งร้อยสี่สิบตำลึง
หากไม่สามารถคืนได้ ก็รอให้ช่วงไว้ทุกข์จบลง แล้วเอาหยุนเหนียงมาขัดดอก
หนึ่งร้อยสี่สิบตำลึง!
ครอบครัวของคนธรรมดาทั่วไป ต่อให้ทำงานเป็นสิบปีก็ยังหาไม่ได้มากขนาดนั้น!
คนในหมู่บ้านต่างรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล พ่อของหยุนเหนียงผู้นี้เป็นคนซื่อสัตย์มาแต่กำเนิด แล้วจะไปกู้เงินนายท่านจางยี่สิบตำลึงได้อย่างไรกัน?
เป็นคุณชายรองจางที่ป่วยออด ๆ แอด ๆ มาหลายปีชัด ๆ
ไม่รู้ว่าคหบดีจาง ไปเชื่อฟังคำพูดของนักพรตพเนจรได้อย่างไร
ที่บอกว่ามีเพียงหญิงพรหมจรรย์ที่มี “ดวงชะตา” สมพงษ์กันเท่านั้น ถึงจะทำให้โรคของเขาหายเป็นปกติได้
ดังนั้นคหบดีจางจึงปลอมแปลงเอกสารกู้เงินขึ้นมา ก็เพื่อชิงตัวหยุนเหนียงมา “สะเดาะเคราะห์” ให้ลูกชายที่กำลังป่วยของตนเอง
เขาคว้ามือของหยุนเหนียงไว้
“หยุนเหนียง! ทำไมเจ้าถึงได้โง่เช่นนี้?”
หยุนเหนียงใบหน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า ก้มหน้าก้มตา
ในโลกที่พรหมจรรย์ของสตรีสำคัญยิ่งกว่าชีวิต หยุนเหนรยงกลับเลือกที่จะสละความบริสุทธิ์อันล้ำค้าของตนเอง
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ต่อให้ต้องตายก็ไม่มีทางปล่อยให้ตระกูลจางทำสำเร็จ
ต่อให้นางต้องทำลายตนเอง ก็ต้องปกป้องความรักอันหนักแน่นมั่นคงที่มีต่อร่างเดิมไว้ให้ได้
แต่หากทำเช่นนี้ รอให้ถึงวันที่ตระกูลจางมาที่บ้าน ก็จะเป็นวันตายของหยุนเหนียง......
“ไม่ได้!”
หลินชวนส่ายหัวอย่างแรง
“ข้าไม่มีทางปล่อยให้ตระกูลจางแย่งเจ้าไปได้!”
ไม่ว่าเจ้าของเดิมของร่างนี้จะเป็นใคร ตอนนี้ เขาก็คือหลินชวน!
หากแม้แต่ผู้หญิงของตนเองก็ปกป้องไม่ได้ ต้องยืนมองนางถูกบีบจนมุมโดยท่ำอะไรไม่ได้ แล้วยังจะถือว่าเขาเป็นผู้ชายอยู่อีกหรือ?
หยุนเหนียงตกตะลึงกับความเด็ดขาดที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหันขอเขา น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในเบ้าตา
หลินชวนฝืนสงบสติอารมณ์
ราชวงศ์ต้าเฉียนนี่......
เป็นยุคแห่งความโกลาหลที่ไม่เคยถูกบันทึกอยู่ในพงศาวดาร
นับตั้งแต่เปิดประเทศ เหล่าขุนนางต่าง ๆ ก็ยึดครองพื้นที่ ต่อสู้กันทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ราชสำนักพยายามปลอบขวัญด้วยการแต่งตั้งเจ้าเมือง แต่กลับคิดไม่สิ่งนี้จะยิ่งเร่งเร้าให้เกิดความแตกแยกภายใน
ในราชสำนักมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก กำจัดฝ่ายตรงข้าม แม้แต่ฮ่องเต้เองก็เกือบถูกขุนนางผู้มีอำนาจปลดออกจากตำแหน่ง
ทางใต้ประศพอุทกภัย ผู้คนอดตายมีศพนอนเกลื่อนกลาด ทางเหนือเองก็มีไฟสงครามโหมกระหน่ำไม่เว้น
พวกจูร์เชนที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือก็ลับมีดรอ ส่วนพวกหลางหรงที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือก็จับจ้องอย่างเหือดกระหาย เผ่าเกี๋ยงหลงซีเองก็กำลังเตรียมการเคลื่อนไหว
และหมู่บ้านหลิ่วชู่ ก็ตั้งอยู่ในแนวหน้าก็สถานการณ์ผันผวนนี้พอดี
กองทหารม้าลาดตระเวนของพวกหลางหรงมักข้ามเขตแดนมาบ่อย ๆ ทั้งเผาทำลาย เข่นฆ่า ปล้นสะดม ทำเรื่องชั่วทุกชนิด
“นี่คือยุค “ห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร” ไม่ใช่หรืออย่างไร.......”
หลินชวนค่อย ๆ คิดแผนการในใจ
ในยุคกินชนเช่นนี้ มีเพียงผู้ที่ในมือถือดาบเท่านั้นจึงจะอยู่รอด
ส่วนการสอบจอหงวนที่เจ้าของร่างเดิมใฝ่ฝันถึง?
เหอะ ในยามที่บ้านเมืองกำลังจะพังทลายลงเช่นนี้ พู่กันที่อยู่ในมือบัณฑิตคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุด
ดังนั้น......
ละทิ้งการศึกษา เข้าร่วมกองทัพ จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้
ช่วงนี้มีการรุกรานจากพวกหลางหรงบ่อยครั้ง กองทัพชายแดนจึงประกาศรับสมัครทหารแล้ว
“สังหารชาวตาดได้หนึ่งคน จะได้รับเงินรางวัลสิบตำลึง หากตัดศีรษะศัตรูได้สามหัว จะได้เป็นนายกองธงเล็กทันที”
ด้วยพื้นฐานความรู้ด้านการทหารของเขาในชาติก่อน การสังหารชาวตาด ไม่ใช่เรื่องยากเลย!
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ หากกลายเป็น “นายกองธงเล็ก” ได้ นั่นก็เท่ากับมีตำแหน่งทางราชการ!
เมื่อเห็นขุนนางก็ไม่ต้องคุกเข่า สามารถเรียกใช้ทหารกำลังเสริมได้......
แม้แต่คหบดีจางเอง เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสาน!
เพราะในยุคแห่งความโกลาหลตอนนี้ ทหาร ก็คือผู้ที่มีอำนาจสูงสุด!
โชคดีที่ช่วงไว้ทุกข์ของหยุนเหนียงยังเหลือเวลาอีกสองเดือน
สองเดือนนี้ เพียงพอที่จะทำให้เขาเติบโตกลายเป็นคนที่แม้แต่คหบดีจางยังต้องก้มหน้าเมื่อพบเจอ!
หลินชวนค่อย ๆ พ่นลมหายใจออกมา
ยุคแห่งความโกลาหลกินคน คือยุคที่ถือกำเนิดวีรบุรุษขึ้นมากมายไม่ใช่หรือ?
ในเมื่อสวรรค์ส่งให้เขาข้ามมิติมายังสถานที่บ้า ๆ นี่
ก็ขอให้ “บัณฑิตสอบตกที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์” เช่นเขา ได้สอนบทเรียนให้กับโลกใบนี้!
เปลี่ยนโชคชะตาฟ้าลิขิต?
ไม่สิ สิ่งที่เขาต้องการจะเปลี่ยน ก็คือโชคชะตาของยุตสมัยนี้!
หลินชวนค่อย ๆ โอบกอดหยุนเหนียงไว้ แล้วตบลงที่ไหล่ของนางเบา ๆ
“เชื่อมั่นในตัวข้านะ”
“ตั้งแต่นี้ไป เจ้ากับป้าหลิ่วจะไม่ต้องถูกรังแกอีกแม้แต่น้อย”
ป้าหลิ่วก็คือมารดาของหยุนเหนียง
เรื่องไม่คาดฝันเมื่อสามปีก่อน ได้พรากเสาหลักสองคนของครอบครัวไป เหลือเพียงแม่ม่ายสองคนกับหยุนเหนียง ที่ต้องพึ่งพาอาสัยซึ่งกันและกัน
ตอนนี้ปัญหากำลังโหมกระหน่ำเข้าใส่ทั้งสองตระกูล ทั้งหมดต้องพึ่งผู้ชายเพียงคนเดียวอย่างเขาเป้นคนแบกรับไว้
“ข้าจะไปเข้าร่วมกองทัพ” หลินชวนเอ่ยปาก
“อะไรนะ?” หยุนเหนียงตกตะลึงไป
พี่อะชวนเป็นบัณฑิต ไม่เคยออกไปทำไร่ไถนาด้วยซ้ำ
ตอนนี้เพื่อนางแล้ว กลับจะไปเข้าร่วมกองทัพงั้นหรือ?
“พี่อะชวน......”
น้ำตาเม็ดใหญ่หลั่งรินออกจากดวงตา
นางอ้าปาก คิดจะเอ่ยห้ามปราม
แต่กลับเห็นนัยน์ตาของหลินชวน ที่ฉายแววเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นางจ้องมองไปที่พี่อะชวน
จู่ ๆ ก็ตระหนักได้ว่าบุรุษที่อยู่ตรงหน้า……
ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะทุบหม้อข้าวแล้ว

