บท
ตั้งค่า

บทที่ 10

ไม่มีใครคาดคิดว่า

ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หัวหน้าหมู่จางยังจะกล้าขัดขืน!

หลินชวนยืนอยู่ใกล้เขาที่สุด ห่างกันเพียงสามก้าวเท่านั้น

ร่างของหัวหน้าหมู่จางพุ่งทะยานขึ้นอย่างกะทันหัน!

มือขวากระชากมีดสั้นออกจากรองเท้าทหาร แทงเข้าใส่ลิ้นปี่ของหลินชวน!

“ระวัง!”

หัวหน้าหมู่หูคำรามก้อง ถลันกายพุ่งเข้าไปขวาง ทว่า——

สายเกินไปเสียแล้ว!

เพียงชั่วประกายไฟแลบ ปลายมีดจ่อประชิดอกของหลินชวน

รูม่านตาของหลินชวนหดวูบ

สัญชาตญาณการต่อสู้จากชาติภพเดิมถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในฉับพลัน

ฝ่ามือซ้ายสับเข้าใส่ข้อมือข้างที่ถือมีดของหัวหน้าหมู่จางอย่างแรง

ข้อมือขวาพลิกกลับ ดาบยาวสามไม้บรรทัดถูกตวัดขึ้นในท่าจับดาบแบบย้อนเกล็ด

นี่คือยุทธวิธีป้องกันตัวด้วยมีดสั้นจากชาติก่อน

ยามนี้เมื่อใช้ดาบยาว จึงแฝงไว้ด้วยรังสีอำมหิตอันกราดเกรี้ยว

“เช้ง!”

มีดสั้นถูกกระแทกจนดีดกระดอนขึ้นฟ้า ช่วงตัวของหัวหน้าหมู่จางเปิดโล่ง

ไม่รอให้อีกฝ่ายทันตั้งตัว หลินชวนสืบเท้าซ้ายรุกคืบเข้าประชิด

ดาบยาวในมือที่จับแบบย้อนเกล็ด วาดเป็นเส้นโค้งอันซับซ้อนจากล่างขึ้นบน

กระบวนท่านี้ถอดแบบมาจากหน่วยรบพิเศษ เดิมทีต้องใช้มีดสั้นเสยปลายคางศัตรู

บัดนี้ดาบยาวกลับกลายเป็นสายรุ้งสีเงิน พุ่งตรงเข้าเชือดเฉือนลำคอของหัวหน้าหมู่จาง!

“ฉึบ!”

เสียงคมดาบกรีดผ่านเกราะหนังดังจนรู้สึกเสียวฟัน

คมอาวุธเฉี่ยวลำคอของหัวหน้าหมู่จางไป ตัดเอาผ้าพันคอของชุดเกราะขาดกระจุย

หัวหน้าหมู่จางโซซัดโซเซถอยร่น เกราะหนังช่วงอกปริแยกเป็นรอยเฉียงเรียบกริบ

ผ้าป่านด้านในชุ่มโชกไปด้วยเลือด

เขาได้แต่ก้มมองเลือดที่อกตนเองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

หัวหน้าหมู่หูเห็นเหตุการณ์ถึงกับคิ้วเข้มขมวดตั้งชัน

เขาเห็นชัดเจนว่าเมื่อครู่ข้อมือของหลินชวนมีการบิดหมุนเข้าด้านในอย่างประหลาด

คล้ายกำลังควงอาวุธสั้น ทว่าสิ่งที่ใช้อยู่นั้นคือดาบยาวชัด ๆ

ที่พิลึกพิลั่นยิ่งกว่าคือ การปัดป้องด้วยมือซ้ายนั่น

ฝ่ามือที่สับลงราวกับคมมีดใส่เส้นชีพจรข้อมือศัตรู เป็นวิชาที่เขาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในชีวิต!

หัวหน้าหมู่จางใบหน้าซีดเผือด เข่าทรุดลงกระแทกพื้นดัง “ตุ้บ”

สองมือที่สั่นเทากดปิดปากแผลไว้อย่างไร้ผล

โลหิตยังคงพุ่งกระฉูดราวเขื่อนแตก ย้อมเกราะหนังจนชุ่มโชกในพริบตา

“อื้อ......อา......”

เขาพยายามจะเอ่ยปาก แต่กลับสำลักลิ่มเลือดออกมาคำโต

หัวหน้าหมู่หูเผลอถอยหลังไปครึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ

ทหารผ่านศึกที่เจนจัดสนามรบผู้นี้ ตอนนี้ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้

ดาบเมื่อครู่ของหลินชวนโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก ถึงขั้นฟันทะลุไปถึงปอด

“ชะ......ช่วยข้าด้วย......”

ร่างของหัวหน้าหมู่จางโอนเอน ก่อนจะล้มคว่ำลงไปกองกับพื้น

นิ้วมือตะกุยดินอย่างสิ้นหวัง

ร่างกายกระตุกเกร็งอยู่สองสามครั้ง แล้วก็แน่นิ่งไป

ทหารเก่าคนหนึ่งเดินเข้าไปอังนิ้วที่จมูก แล้วหันกลับมารายงาน : “หัวหน้า ตายแล้ว”

หัวหน้าหมู่หูพยักหน้า เก็บดาบเข้าฝัก

“แล้วจะเอาอย่างไรกับพวกเขาล่ะ?”

ทหารเก่าอีกนายใช้ปลายดาบชี้ไปทางลูกน้องของหัวหน้าหมู่จาง ที่กำลังตัวสั่นงันงกอยู่ริมกำแพง

“จับมัดให้หมด ส่งไปหน่วยคุมกฎกองทัพ” หัวหน้าหมู่หูส่งเสียงฟึดฟัด

“หัวหน้าหมู่หู ไว้ชีวิตด้วยเถิดขอรับ——”

ลูกน้องทั้งสี่ทรุดฮวบลงกับพื้น โขกศีรษะโป๊ก ๆ อย่างไม่คิดชีวิต

“เพราะหัวหน้าจาง... จางหน้ากระเป็นคนสั่งพวกข้าน้อย......”

หัวหน้าหมู่หูมองดูทหารสี่คนที่โขกศีรษะราวกับตำกระเทียมด้วยสายตาเย็นชา

“ตอนนี้เพิ่งจะรู้จักร้องขอชีวิตหรือ? เมื่อครู่ตอนชักดาบจะฆ่าคน ทำไมไม่เห็นพวกเจ้ามือไม้อ่อนบ้างเล่า?”

เหล่าทหารเก่ารีบปลดเข็มขัด มัดข้อมือทั้งสี่คนโยงกันเป็นพวงอย่างคล่องแคล่ว

ทหารนายหนึ่งพุ่งเข้ามากอดขาหลินชวน :

“ท่านผู้กล้าไว้ชีวิตด้วย! ขะ... ข้าน้อยเพิ่งย้ายมาปราสาทเถี่ยหลินเมื่อวาน ไม่ได้ทำอะไรเลยนะขอรับ!”

หลินชวนเบี่ยงตัวหลบ ดาบยาวในมือสะท้อนแสงตะวันเป็นประกายเย็นวาบ

“หน่วยคุมกฎกองทัพจะตรวจสอบเอง”

เขาหันไปทางหัวหน้าหมู่หู “หัวหน้าหมู่หู ของกลางพวกนี้......”

หัวหน้าหมู่หูโบกมือ “เป็นความชอบของเจ้าทั้งหมด!”

เขาใช้เท้าเขี่ยศพของหัวหน้าหมู่จาง

“ไอ้เศษสวะนี่ทำเรื่องบัดซบอะไรไว้ ข้าจะรายงานขึ้นไปอย่างละเอียด”

เขาหรี่ตามองกองของกลางโชกเลือดบนรถลาก

หัวคนหน้าตาดุร้ายหกหัวถูกหมักด้วยปูนขาว

ข้าง ๆ มีดาบโค้งและเกราะหนังวางกองอยู่

เขาเกาผมยุ่งเหยิง หันไปตะโกนเรียกด้านหลัง “เอ้อโก่ว!”

เอ้อโก่วที่กำลังเคี้ยวเสบียงแห้งตุ้ย ๆ ถึงกับสะดุ้งโหยง

รีบขานรับเสียงอู้อี้ : “หือ? หัวหน้า?”

หัวหน้าหมู่หูตบหัวเขาดังผัวะ : “บัดซบเอ๊ย เมื่อวานเจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

เอ้อโก่วโดนตบโดยไร้เหตุผล ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก “อะ......อะไรหรือ?”

“ยังจะแกล้งโง่อีกใช่ไหม!”

หัวหน้าหมู่หูยกเท้าถีบเข้าที่ก้นเอ้อโก่วเต็มแรก

“ก็ที่เจ้าบอกว่า ถ้าเขาตัดหัวชาวตาดได้สามคน พวกเราต้องเรียกเขาว่าปู่ไงเล่า!”

“ให้ตายเถอะ!”

เอ้อโก่วกุมก้นกระโดดโหยง

“หัวหน้าเบา ๆ หน่อยสิ! ข้าก็แค่......ก็แค่......”

เขาลอบมองหัวคนบนรถลาก จู่ ๆ ก็ตาถลน “หกคน? !”

“หกคนต้องเรียกว่าอะไร? หือ? เจ้าบอกมาซิ?”

หัวหน้าหมู่หูบิดหูเอ้อโก่วหมุนไปรอบหนึ่ง เอ้อโก่วเจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน

“โอ๊ย! หัวหน้า! หกคน หกคนต้องเรียกโคตรเหง้าบรรพชนแล้ว!” เอ้อโก้วชูคอตะโกน

เหล่าทหารเก่าระเบิดเสียงหัวเราะครืน

“ได้ยินไหม? เอ้อโก่วจะรับบรรพบุรุษแล้ว!”

จางเสี่ยวเนียนและหวังเถี่ยจู้หดตัวอยู่หลังรถลาก ขาสองข้างสั่นพั่บ ๆ

เดิมทีทั้งสองคิดจะตามเฮียหลินมาเปิดหูเปิดตา ใครจะไปคิดว่าสิ่งที่ได้เห็น......

เริ่มแรกเกือบโดนรุมฟัน ต่อมาเฮียหลินฟันฉับเดียวตายไปหนึ่ง ยังไม่ทันหายตกใจ หัวหน้าหมู่จางก็ลอบกัด สุดท้ายโดนเฮียหลินสวนกลับจนตายไปอีกคน......เช้าวันนี้ ในกางเกงเปียกแฉะไปหมด แยกไม่ออกแล้วว่าเป็นเหงื่อหรือฉี่

“หัวหน้าหมู่หู!” หลินชวนประสานมือ “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตเมื่อครู่ ส่วนเรื่องสมัครทหารวันนี้......”

“เฮ้ย!” หัวหน้าหมู่หูโบกมือใหญ่ แสยะยิ้มกว้าง “ไม่ต้องมาทำพิธีรีตองกับข้า! ความดีความชอบระดับนี้แจ้งขึ้นไป อย่างน้อย ๆ ต้องได้เป็นนายกองธงเล็ก!” เขาชะงักไปเล็กน้อย ลดเสียงต่ำ “แต่ว่า......มีคนตายตั้งสองคน อย่างไรพวกเราก็ต้องไปที่ค่ายทหารหลักเมืองเว่ย เพื่อให้คำอธิบายกันหน่อย”

“เป็นเรื่องสมควรขอรับ” หลินชวนพยักหน้า

หัวหน้าหมู่หูหันไปถีบก้นเอ้อโก่วอีกที : “เอ้อโก่ว! เจ้าอยู่เฝ้าป้อม!”

“หา? ข้าอีกแล้ว?” เอ้อโก่วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “หัวหน้า ข้าก็อยาก......”

“อยากกับผีน่ะสิ!” หัวหน้าหมู่หูถลึงตา “ขืนพูดมาก คืนนี้เจ้าจ่ายค่าเหล้า!”

เอ้อโก่วหุบปากฉับพลัน หดหัวกลับไปอย่างว่าง่าย

หัวหน้าหมู่หูโบกมือ :

“มังกรตาเดียว พวกเจ้าคุมตัวไอ้พวกขี้ขลาดสี่คนนี้ ตามข้าไปค่ายทหารหลักเมืองเว่ย!”

ทหารเก่ารีบมัดลูกน้องของหัวหน้าหมู่จางร้อยกันเป็นพรวนอย่างคล่องแคล่ว

จางเสี่ยวเนียนกับหวังเถี่ยจู้มองหลินชวนด้วยสายตาหวาดผวา แววตาฟ้องชัดเจนว่า “พวกข้าไม่ไปได้ไหม”

หลินชวนตบไหล่ทั้งสองเบา ๆ กระซิบว่า “ไม่เป็นไรหรอก”

“สหาย ไปกันเถอะ!”

หัวหน้าหมู่หูหันมาฉีกยิ้มให้หลินชวน : “ไปให้พวกผู้เฒ่าในค่ายเมืองเว่ยได้เปิดหูเปิดตากันหน่อย!”

......

ออกจากปราสาทเถี่ยหลิน

คณะเดินทางมุ่งหน้าไปตามทางหลวงสู่ค่ายทหารหลักเมืองเว่ย

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งวัน

เค้าโครงของค่ายทหารหลักเมืองเว่ย ก็ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้นในระยะไกล

ค่ายทหารสีดำทะมึนสูงเสียดฟ้า ธงทิวบนหอสังเกตการณ์โบกสะบัดตามแรงลม

มองเห็นทหารยามถือทวนเดินลาดตระเวนไปมาอยู่ลาง ๆ

“เฮีย......เฮียหลิน…...” จางเสี่ยวเนียนลากรถพลางกลืนน้ำลายเฮือก เอ่ยเสียงเบา

“ค่ายทหารหลักเมืองวะ วะ เว่ย ๆ.....”

หัวหน้าหมู่หูที่เดินนำอยู่หันมาฉีกยิ้ม

“ใหญ่ใช่ไหมล่ะ? นี่คือค่ายเมืองเว่ย อันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือเราเชียวนะ!”

มังกรตาเดียวเอ่ยสมทบขึ้นมาจากด้านหลัง :

“ส้วมข้างในยังกว้างกว่าปราสาทเถี่ยหลินเสียอีก”

“หา?” หวังเถี่ยจู้อุทานด้วยความประหลาดใจ

“อย่าไปฟังเขาพูดไร้สาระ!”

หัวหน้าหมู่หูด่าสวน “ถ้ากว้างขนาดนั้น ทำไมเจ้าไม่ไปนอนในส้วมซะเลยล่ะ?”

“ข้าไม่นอนหรอก!” มังกรตาเดียวเถียงคอเป็นเอ็น “กลัวหลงทาง!”

“......คะ...คะ...ค่ายหลัก......ช่างใหญ่โตจริงๆ!”

ในที่สุดจางเสี่ยวเนียนก็พูดจบประโยคจนได้

หัวหน้าหมู่หูเหลือบมองเขา แล้วหันไปถามหลินชวน :

“ไอ้หนูนี่พูดจาแบบนี้ตลอดเลยหรือ?”

“ใช่ขอรับ เป็นมาแต่เล็ก” หลินชวนพยักหน้า

“งั้นเจ้าหุบปากไปเลยนะ!”

หัวหน้าหมู่หูชี้หน้าจางเสี่ยวเนียน

“ท่านแม่ทัพเกลียดคนอืดอาดที่สุด ขืนเจ้าพูดติดอ่างต่อหน้าท่าน โดนฟันหัวหลุดแน่!”

หน้าของจางเสี่ยวเนียนซีดเผือดเป็นกระดาษทันที

ท่ามกลางเสียงหัวเราะครื้นเครงของคนอื่น พวกเขาก็มาถึงหน้าประตูค่าย

ทหารยามมองเห็นพวกเขาแต่ไกล

ทหารยามร่างผอมสูงนายหนึ่งวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามา ประสานมือถาม “หัวหน้าหมู่หู! นี่คือ...”

“กิจทหาร!”

หัวหน้าหมู่หูล้วงป้ายเหล็กของหลินชวนออกมาแกว่งให้ดู

“จะพาพวกสวะพวกนี้ไปพบท่านแม่ทัพ!”

ทหารยามเหลือบมองเชลยที่ถูกมัดเป็นพวง แล้วกวาดตามองหัวคนบนรถลาก สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เขารีบเบี่ยงตัวหลีกทางให้ : “ท่านแม่ทัพกำลังตรวจพลอยู่ที่ลานฝึก......”

หัวหน้าหมู่หูพยักหน้า หันไปส่งสายตากับหลินชวน “ไป!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel