ตอนที่ 3 เริ่มงาน
เช้าวันจันทร์...
ฉันมาถึงบริษัทแต่เช้า คุณชุลียังไม่มา ฉันเลยนั่งสัปหงกรอที่เก้าอี้รับแขก เมื่อคืนตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เข้านี้ก็ตื่นแต่เช้าอีก...ตอนนี้เลยง่วงมาก ง่วงจนทนไม่ไหวจริง ๆ
"นี่...เธอๆๆ"
ฉันลืมตาตื่นเพราะถูกสะกิด
"คุณชุลีมาแล้ว"
ฉันพูดขอบคุณ...แล้วเดินไปตามห้องที่เขาชี้บอก มาถึงก็เคาะประตูเบา ๆ
"เข้ามา"
ฉันเปิดประตูเข้าไป เห็นคุณชุลีนั่งอยู่กับผู้หญิงอีกคน อายุประมาณ 40 กว่า ๆ แต่งตัวภูมิฐานมาก หน้าตาสะสวย รูปร่างก็ดี
"นี่คือท่านประธาน...คุณนายรัชนีกร รู้จักไว้เสียสิ"
ฉันยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
"นั่งสิ...ชื่อดุจดาวเหรอ แล้วมีชื่อเล่นไหม ปีนี้อายุเท่าไหร่"
"ชื่อเล่นชื่อดาวค่ะ ปีนี้อายุ 23 ปี"
"ไม่มากไม่น้อย...ใช้ได้ หน้าที่ของเธอคือคอยดูแลลูกชายฉัน"
"ห๊า...ให้ดิฉันคอยดูแลคุณหนูหรือคะ แล้ว...คุณหนูอายุเท่าไหร่คะ เป็นหญิงหรือชาย"
ตกลงจะให้มาเป็นเลขา หรือเป็นพี่เลี้ยงเด็กวะเนี่ย
"เป็นผู้ชายชื่อ รามิล ติรเสถียร ปีนี้อายุ 27 ปี"
"เฮ้ย...หมายความว่าไง ผู้หญิงคนนี้มีลูกชายอายุ 27งั้นเหรอ??? มันใช่เหรอวะ"
ฉันคิดอย่างแปลกใจ
"...โอ๊ย...ไม่ไหวมังคะ"
"ทำไม...จะไม่ทำเหรอ"
ฉันพูดไม่ออกเลย...ได้แต่คิดว่า
"อะไรวะ...จะให้มาดูแลคนอายุตั้ง 27 เอ๊ะ!...หรือว่าเขาจะปัญญาอ่อนหว่า"
ฉันเริ่มลังเลเสียแล้วสิ
"ต้องให้ดิฉันดูแลอะไรบ้างคะ"
คุณรัชนีกรดึงบุหรี่ออกมาจุดสูบ กลิ่นบุหรี่คลุ้งไปทั้งห้อง
"หน้าที่ของเธอก็คือ...คอยสอดส่องเขาทุกเรื่อง แล้วมารายงานฉัน ไม่ว่าเขาจะทำอะไร กับใคร ที่ไหน เธอต้องมารายงานฉันอย่างละเอียด...เข้าใจไหม แล้วฉันจะมีรางวัลให้เธออย่างงามตามผลงานของเธอ"
เฮ้อ...คิดหนักเลยสิ แบบนี้ก็เท่ากับฉันต้องเป็นนกสองหัวงั้นเหรอ ไม่ดีม๊าง!!
"ทำได้ไหม...ถ้าไม่ได้ก็ไปซะ อย่ามาเสียเวลาฉัน"
"แล้วถ้าเขาจับได้ล่ะคะ"
"นั่นก็อยู่ที่ไหวพริบเธอละ ว่าจะเอาตัวรอดยังไง สะอางทำงานให้ฉันมาตั้งหลายปี...ยังไม่มีปัญหาเลย"
"มันไม่มีอะไรซับซ้อนหรอกน่า"
คุณชุลีช่วยเสริม ฉันถอนใจ...เอาวะ ไหน ๆ เขาก็รับแล้ว ขอลองดูสักที เงินเดือนดีขนาดนี้...ไม่เอาก็บ้าแล้ว
"ตกลงค่ะ..."
ฉันเห็นสองคนนั้นยิ้มให้กันแปลก ๆ ฉันว่า...ยายคุณนายนี่คงไม่ใช่แม่ของนายรามิลหรอก แต่ช่างมันเถอะ ใครจะอะไรยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่ให้ดีก็พอ
คุณชุลีพาฉันมาให้รู้จักกับพี่สะอาง เลขาที่ฉันต้องมาฝึกงานด้วย พี่สะอางอายุมากกว่าฉัน 2-3ปี เป็นคนคล่องแคล่วช่างพูด
"งานไม่ยากหรอกค่ะน้อง แค่ต้องเป็นคนช่างสังเกต ต้องเอาตัวรอดให้เก่ง แค่นี้แหละค่ะ"
"เจ้านายเป็นคนยังไงคะพี่"
พี่สะอางทำท่ากระซิบกระซาบ
"น้องต้องเรียกท่านว่าบอสนะคะ อย่าว่าพี่นินทานายเลยนะ บอสน่ะเรื่องมาก จู้จี้ขี้บ่น เจ้าระเบียบ อารมณ์ร้าย ปากจัด น้องก็ทน ๆ เอาหน่อยนะคะ แต่บทจะใจดี..ก็เทพบุตรดี ๆ นี่เองค่ะ"
ฟังแล้วอยากจะเป็นลม นี่ฉันต้องทำงานกับคนแบบไหนกันเนี่ย
"แล้ว...วันนี้ท่านเข้าไหมคะ"
"วันนี้วันพุธ ท่านไม่เข้าค่ะ อาทิตย์นึงท่านจะเข้า 3 วัน แต่จะวันไหนนี่...ไม่แน่นอน ยกเว้นทุกวันพุธ ท่านจะไม่เข้าค่ะ ห้ามรับนัดใครวันพุธนะคะ"
ฉันพยักหน้ารับรู้ ก็ยังดี...อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่ต้องเจอ...จะได้มีเวลาทำใจอีกวัน วันแรกก็ไม่มีอะไรมาก เรียนรู้งานที่จะทำทั่ว ๆ ไป พี่สะอางเป็นกันเองดี สอนอะไรก็เข้าใจง่าย เธอชมว่าฉันฉลาด...เรียนรู้งานได้เร็ว
ตอนพักเที่ยง...ฉันกับพี่สะอางไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน
"พี่คะ...คุณรัชนีกรกับบอสนี่...ไม่ใช่แม่ลูกกันใช่ไหมคะ"
"ดูออกด้วยเหรอ...เก่งนะเรา"
ฉันคงดูไม่ออกมั๊ง สาวซะขนาดนั้น พี่สะอางยกแก้วน้ำขึ้นดูด
"พูดแล้วอย่าไปบอกต่อนะ คุณรัชนีกรเป็นแม่เลี้ยง แต่เธอเป็นห่วงบอสเรามากนะ ดูแลให้ทู้กอย่าง แต่บอสไม่เคยสนใจ ออกจะเกลียด ๆ ด้วยซ้ำไป"
"ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ"
ฉันเห็นเธอมองจานเกี๊ยวกุ้งทอดของฉันนานละ ฉันเลยเลื่อนจานให้ เธอจิ้มกินโดยไม่ต้องพูดเยอะ
"พี่ก็ไม่ค่อยรู้หรอก แต่เขาลือกันว่า คุณรัชนีกรทำให้คุณแม่ของบอสเสียชีวิต เขาก็ลือ ๆ กันน่ะนะ เรื่องจริงเป็นไงก็ไม่มีใครรู้หรอก"
ฉันพยักหน้า...พี่สะอางยังมากระซิบบอกอีกว่า
"พูดแล้วเหยียบไว้นะ พี่ว่า...คุณรัชนีกรต้องคิดอะไร ๆ กับลูกเลี้ยงแน่เลย รู้สึกว่าจะสนใจบอสเราเป็นพิเศษล่ะ"
ฉันเลิกคิ้วทำตาโต
"ห๊ะ!!...”
ฉันร้องเสียงดัง จนพี่สะอางเอานิ้วแตะปาก
"อย่าเสียงดังสิ...ถ้าใครมาได้ยินเข้า พี่ตายเลยนะ"
ฉันรีบเอามือปิดปาก...มองซ้ายมองขวา ก็ไม่รู้จะมองทำไม ฉันไม่ได้รู้จักใครสักคนเลยนี่ กินข้าวเสร็จ...เราก็กลับเข้าออฟฟิศ มื้อนี้ฉันเสียตังไป 300 กว่าบาท เพื่อเลี้ยงพี่สะอางเป็นการผูกมิตร และเชื่อได้ว่า...ฉันคงต้องผูกมิตรกับพี่เขาไปจนกว่าเธอจะไป เฮ้อ!!... แต่เอาน่า คิดเสียว่าเป็นค่าวิชาก็ละกัน
