บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 คนสำคัญที่บังเอิญได้เจอ (1)

น้ำค้างสีใสบนใบไม้เขียวขจีสาดประกายดุจอัญมณีเปล่งประกายท่ามกลางแสงแห่งอรุณรุ่งส่องสะท้อนลอดบานหน้าต่างทรงกลม พลางตกกระทบลงบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาดุจบุปผา

ริมฝีปากสีกุหลาบยกโค้งเล็กน้อยเผยให้เห็นเขี้ยวเล็กจากรอยยิ้มซุกซนซึ่งสลักอยู่บนคันฉ่องสีอำพัน

“ท่านหญิงตื่นหรือยังเจ้าคะ” หลิวอี้เคาะประตูเบา ๆ พลางเอ่ยถาม

“เรียบร้อยแล้ว”

เสียงบานประตูแง้มออกแช่มช้า ร่างระหงในชุดชมพูเปล่งประกายขับผิวให้ดูโดดเด่นสะท้อนเข้าม่านตา สองสาวใช้ตาเบิกค้างตกตะลึง จดจ้องหญิงสาวตรงหน้าตาไม่กะพริบ

หลี่เสวี่ยซินเอียงคอถาม “เป็นอะไรกัน ใบหน้าของข้าหน้ามีสิ่งใดเปื้อนอยู่หรือ”

หม่าเซียวส่ายหน้าระรัว “เปล่าเจ้าค่ะ วันนี้ท่านหญิงดูแปลกตาไปนะเจ้าคะ ปกติท่านหญิงจะแต่งกายงดงามสูงส่งประหนึ่งหงส์ อีกอย่างนี่ท่านลุกผัดหน้าแต่งตัวเองเลยหรือเจ้าคะ”

หลี่เสวี่ยซินพยักหน้า “อือ จะได้ไปตรงเวลากันข้าแต่งตัวเองได้ แล้วข้าสวมเสื้อผ้าผัดหน้าเช่นนี้ไม่งามหรอกหรือ”

“งามสิเจ้าคะ งามมากทีเดียวเจ้าค่ะ สวมอาภรณ์และเครื่องแต่งกายแบบนี้แล้วดูสดใสสมวัยทีเดียวเจ้าค่ะ” หม่าเซียวตอบกลับทันควัน

“อ้อ เช่นนั้นเจ้าจะบอกว่าเมื่อก่อนข้าแต่งตัวแก่แดดเกินวัยใช่หรือไม่” หลี่เสวี่ยซินแสร้งเย้า

หม่าเซียวโบกมือพัลวัน “เปล่านะเจ้าคะ บ่าวไม่ได้หมายความเช่นนั้นเจ้าค่ะ ที่จริงท่านหญิงแต่งกายแบบใดก็งามทั้งสิ้น”

เสียงใสหัวเราะคิกคัก “ดูทำหน้าเข้าสิ ข้ามิได้จะลงโทษเสียหน่อย”

เดิมทีหนิงเสวี่ยซินมักประโคมแต่งกายด้วยเครื่องเงินหรือเครื่องทอง เสื้อผ้าส่วนใหญ่สวมแล้วโตกว่าวัยอยู่บ้าง กว่าหลี่เสวี่ยซินจะหาที่ถูกใจได้ก็เล่นเอาหอบ เพราะหนิงเสวี่ยซินเป็นคนประเภทยึดติดกับหน้าตาฐานะ ยามที่นางย่างกรายไปที่ใดจะต้องงดงามอย่างไร้ที่ติ

หลี่เสวี่ยซินมองว่าอุปนิสัยของหนิงเสวี่ยซินชวนอึดอัดไม่น้อย นี่คงเป็นเหตุให้นางแทบหาสหายที่จริงใจไม่มี คนที่เข้าหาหนิงเสวี่ยซินส่วนใหญ่ล้วนเพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้น ดังนั้นหนิงเสวี่ยซินจึงต้องเผยแต่ด้านที่น่าเกรงขามออกมา ทำให้ดูขึงขังจนดูโตเกินวัยอย่างที่หลายคนคุ้นชิน

จะว่าไปแล้วยามนี้หลี่เสวี่ยซินก็ประหนึ่งได้ย้อนวัย เพราะหากว่ากันตามจริงปีนี้หลี่เสวี่ยซินอายุได้สิบแปดหนาวแล้ว ขณะที่หนิงเสวี่ยซินย่างเข้าปีที่สิบหก

‘หนิงเสวี่ยซินนะหนิงเสวี่ยซิน เจ้าไม่อยากใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเองก็ช่างเถิด ไยต้องลากข้ามาจมปลักด้วยกันเล่า ข้าจะไม่ยอมทำตัวน่าเบื่อเช่นเจ้าเป็นอันขาด’

หม่าเซียวเห็นหลี่เสวี่ยซินยืนนิ่งไม่พูดต่อ จึงคิดว่าตนอาจพูดบางอย่างพลาดไป นางจึงอยากแก้ตัวอีกหน “ท่านหญิงไม่เชื่อบ่าวหรือเจ้าคะ ท่านหญิงแต่งกายเช่นนี้งามมากจริง ๆ นะเจ้าคะ เพราะบ่าวเห็นแล้วรู้สึกสบายใจและไม่อึดอัดเจ้าค่ะ”

หลิวอี้กระทุ้งข้อศอกใส่หม่าเซียวจนหน้ายับยู่ หม่าเซียวได้สติรีบแก้ตัวละล้าละลัง “มะ… ไม่ใช่อย่างนั้นนะเจ้าคะ บ่าวไม่ได้หมายความว่าเมื่อก่อนท่านหญิงเข้มงวดแต่อย่างใด บ่าวก็แค่รู้สึกว่าท่านหญิงแต่งกายเช่นนี้ก็ยังงดงามอย่างไร้ที่ติ และดูน่าคบหา เอ๊ย... ดูเป็นกันเองเท่านั้นเจ้าค่ะ”

หลี่เสวี่ยซินยิ้มตาปิด “พอแล้ว เลิกยกยอปอปั้นข้าเสียที ข้ารู้แล้วน่าว่าพวกเจ้ารู้สึกอย่างไร ต่อไปก็เลิกทำตัวแข็งหน้าเกร็งได้แล้ว ข้าเห็นท่าทางพวกเจ้าอึกอักไปมา น่าปวดหัวนัก”

หม่าเซียวและหลิวอี้ก้มหน้างุด “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

“เอาล่ะ สายมากแล้วเรารีบไปกันเถิด”

ร่างระหงเดินตรงไปยังรถม้าพลางฮัมเพลงผ่านลำคอแผ่วเบา หลี่เสวี่ยซินเคยใช้ชีวิตภายใต้ความมืดมนมาก่อน ตอนนี้ดวงตากลับมามองเห็นอีกครั้ง นางจึงอยากเก็บเกี่ยวความสุข และบรรยากาศอันสดใสเอาไว้ให้นานที่สุด

สำหรับหลี่เสวี่ยซินแล้ว ได้ก้าวผ่านทั้งความเป็นและความตาย ข้ามผ่านความสุขและทะเลทุกข์มาหลายรูปแบบ นางจึงตระหนักได้ว่า ชีวิตคนเราไม่จีรังนัก อยากทำสิ่งใด อยากเป็นอะไร ก็ต้องรีบทำ เพราะไม่รู้เลยว่าชีวิตคนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน

หนิงเสวี่ยซินเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา หากนางโตขึ้นอีกสักปีสองปีต้องงดงามดุจโฉมสะคราญไม่เป็นสองรองใคร สำหรับหลี่เสวี่ยซินในเมื่อก่อน เป็นสตรีที่มีใบหน้าสวยสะกดชวนมอง ด้วยเหตุนี้นางจึงมักถูกลั่วเหมิงมารดาของลั่วเทียนเฉินกล่าวหาว่าเป็นปีศาจจิ้งจอกกลับชาติมาเกิด กล้าใช้รูปโฉมล่อหลอกบุตรชายของตน

ครั้นหลี่เสวี่ยซินแต่งเข้าไปเป็นสะใภ้ตระกูลลั่ว นางจึงผัดแป้งแต่งหน้าน้อยมาก ยิ่งเวลาที่ต้องออกไปข้างนอก หลี่เสวี่ยซินจะเลี่ยงการพบปะผู้คนให้มากที่สุด เพราะการมีหน้าตางดงามก็ดุจดั่งอาวุธร้าย

ทุกครั้งที่นางปรากฏกาย ก็ไม่ต่างจากเป้าล่อสายตาเหล่าเสือร้ายฝูงหมาป่า เมื่อใดที่ลั่วเหมิงรู้ว่านางถูกชายฉกรรจ์เหล่านั้นลวนลามทางสายตา หลี่เสวี่ยซินก็จะถูกลั่วเหมิงค่อนขอดจนหูชา ไม่วายยกเอาเรื่องที่นางมีมารดาเป็นนางสังคีตมาดูถูกสารพัด

หลี่เสวี่ยซินถอนหายใจด้วยความปลดปลง นางสลัดเรื่องราวเมื่อเก่าก่อนทิ้ง ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มสดใสต่อไป

หลิวอี้ยืนทึ่มทื่อจดจ้องใบหน้าและท่าทางเริงร่าของเจ้านายอย่างไม่อยากเชื่อ หนิงเสวี่ยซินไม่เคยสดใสและเผยกิริยาม้าดีดกะโหลกให้เห็นมาก่อน หนำซ้ำยังเป็นคนเจ้าระเบียบมาตรฐานสูงส่ง ก่อนเผยโฉมไปที่ใดจะต้องเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้ว

“ยืนเป็นเบื้อใบ้อันใดของเจ้า ท่านหญิงขึ้นรถม้าแล้วเร็วเข้า” หม่าเซียวสะกิด

“อ้อ ไปแล้ว ๆ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel