เร้นรักสลับดวงชะตา

105.0K · อัพเดทล่าสุด
เทียนสื่อ
56
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ในวันที่นางสูญเสียดวงตา เขาก็พาสตรีอีกนางมาหยามหน้า ในเมื่อฟ้าไม่ยุติธรรมสวรรค์ไร้เมตตาเช่นนั้นนางจะขอคืนชีวิตด้วยการยอมเขียนหนังสือหย่า พร้อมดื่มสุราพิษจากไปกลายเป็นเถ้าธุลีเพื่อคืนอิสรภาพให้แก่เขา!

นิยายจีนโบราณนิยายรักโรแมนติกแม่ทัพคนในใจพระเอกเก่งเกิดใหม่แฮปปี้เอนดิ้งจีนโบราณโรแมนติกรักแท้

บทนำ สุราพิษแห่งโชคชะตา

ว่ากันว่าระฆังแห่งโชคชะตา คือระฆังศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้ผู้ขอพรสมหวังดั่งปรารถนา ทว่าบรรดาผู้คนกลับเล่าลือกันว่าสิ่งที่ต้องตอบแทนต่อคำอธิษฐานล้วนน่าพรั่นพรึงจนยากจะหยั่ง

ดังนั้นจึงมิเคยมีใครหาญกล้าเฉียดกรายขึ้นมาบนหุบเขาซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของหอระฆังเนิ่นนานนับหลายร้อยปี กระทั่งพื้นที่แห่งนี้ถูกลืมไปตามกาลเวลา จนเรียกได้ว่ารกร้างเสื่อมโทรม

บรรยากาศวิเวกวังเวงค่อย ๆ กลืนกินสรรพชีวิต มีเพียงสายลมเย็นยะเยือกที่ยังพัดเอื่อยจนไผ่ต้นสูงเอนไหวกระทบกัน พวกมันส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเสียจนบาดหู ขณะเดียวกันความน่ากลัวที่จิตปรุงแต่งไหนเลยจะเทียมเทียบสิ่งต่ำช้าในใจผู้คน

ท่ามกลางบรรยากาศชวนผวากลับมีสตรีใจกล้ากำลังนั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่ตามลำพังบนหอคอยระฆังเปลี่ยวร้าง ใบหน้าซึ่งเคยงดงามเจือไปด้วยความโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง สายลมที่พัดโกรกตีกระทบกายหยาบเป็นเหตุให้หญิงสาวหนาวสะท้าน ไหล่แคบทั้งสองด้านกระเพื่อมสั่น ฟันสวยเรียงกันขบแน่นจนเกิดเสียงกึก ๆ กระโปรงผ้าป่านบนหน้าตักอันเปียกชุ่มถูกมือเรียวขย้ำจนเผยรอยยับย่น

บัดนี้ผิวหนังที่เคยขาวเนียนผุดผาดดั่งหยกพิสุทธิ์กลับถูกบดบังด้วยผดผื่นสีแดงก่ำมันลุกลามไปทั่ว กำลังทำร้ายเรือนกายอย่างสุดสาหัส หญิงสาวรู้สึกคันคะเยอไปทั่วทั้งร่าง กระนั้นแววตาของนางกลับไร้ประกายราวกับชินชาต่อความทรมานโดยสิ้นเชิง

มือที่กำแน่นอยู่บนตักคลายออกเนิบช้า พลางควานไปเบื้องหน้าเปะปะ ที่ตรงนี้คือโต๊ะซึ่งเต็มไปด้วยไรฝุ่นจับหนา ไม่นานก็สามารถสัมผัสต้องบางสิ่ง ปลายนิ้วเรียวลูบไล้แผ่วเบาจึงรู้ได้ว่าของสิ่งนี้คือพู่กันที่ทำจากไม้ทั้งยังมีสภาพเก่าคร่ำคร่า เคียงข้างกันเป็นแท่นฝนหมึกซึ่งแห้งกรังจนไม่อาจใช้งานได้แล้ว

กลีบปากซีดขาวเผยยิ้มขมขื่น นางถอนหายใจตัดพ้อต่อโชคชะตา เพียงต้องการสลักสิ่งที่ปรารถนาออกมาเป็นตัวอักษรไฉนจึงดูลำเข็ญนัก

นี่สินะถึงเรียกว่าฟ้าไม่ยุติธรรม สวรรค์ไร้เมตตาอย่างแท้จริง!

พร่ำโทษโชคชะตาด่าทอสวรรค์ก็ไม่ช่วยอันใด ดังนั้นนางจึงตัดสินใจใช้ฟันแหลมคมกัดลงตรงปลายนิ้วตน โลหิตสีแดงฉานผุดออกมาเป็นสายจนปลายนิ้วเรียวเปียกชุ่ม กลิ่นคาวคลุ้งพุ่งปะทะโพรงจมูก กระดาษเนื้อหยาบที่ถูกวางทิ้งไว้จนกลายเป็นสีเหลืองถูกหยิบมาวางตรงหน้า จากนั้นนางจึงใช้ปลายนิ้วของตนตวัดเขียนแทนพู่กัน

ดวงตาของนางมองไม่เห็นครบหนึ่งปีแล้ว หนึ่งปีเต็ม ๆ ที่นางต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความมืดสนิท หญิงสาวเรียนรู้จะอยู่กับมันจนเกิดชินชา ดังนั้นแค่ละเลงขีดเขียนให้เป็นประโยคย่อมไม่เหลือบ่ากว่าแรง

‘ข้าปรารถนาเพียง…ชีวิตใหม่ที่รุ่งโรจน์’

หลังจบประโยค คิ้วสวยก็ขยับเข้าชิดกันเล็กน้อย

“นั่นใคร?”

ถึงแม้ตาบอดทว่าใบหูกลับใช้งานได้อย่างดียิ่ง เสียงสวบสาบมุ่งตรงเข้ามาไม่ช้าไม่เร็ว เสียงนั้นดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กระทั่งหยุดลงเมื่ออีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้านาง ลมหายใจอุ่นระอุเป่าปะทะใบหู ขนอ่อนบนกายพร้อมใจกันลุกเกรียว

“เจ้าปรารถนาชีวิตใหม่ที่รุ่งโรจน์มิใช่หรือ” เสียงเล็กกระซิบแผ่ว

คิ้วสวยขมวดแน่น “เจ้าเป็นปีศาจหรือ?”

“สุดแล้วแต่เจ้านั้นอยากให้ข้าเป็น” เสียงเล็กเอ่ยกลั้วหัวเราะ

“เช่นนั้นคงไม่มีใครอยากเป็นปีศาจ”

“ช่างไร้เดียงสาเสียจริง”

หญิงสาวถามต่อ “เจ้าเป็นมนุษย์เช่นข้าใช่หรือไม่”

“ข้าบอกแล้วมิใช่หรือ เจ้าอยากให้ข้าเป็นอะไรข้าก็จะเป็นสิ่งนั้น”

ริมฝีปากซีดขาวขยับยกเป็นรอยยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นข้าอยากให้เจ้าเป็นดวงชะตาของข้า ดวงชะตาที่จะพาชีวิตของข้ารุ่งโรจน์”

เสียงแหลมเล็กหัวเราะร่วนบาดหู “นอกจากไม่กลัวข้าแล้วยังกล้าร้องขอเรื่องแปลกประหลาด เห็นแก่ความมานะของเจ้าที่อุตส่าห์ปีนขึ้นเขาทั้งที่ตาบอด ขอเพียงเจ้ากล้าแลกกับการดื่มของสิ่งนี้ ข้าก็จะยอมเป็นดวงชะตาให้แก่เจ้า”

หญิงสาวกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงไปจนคอขยับ กลิ่นของมันรุนแรงและฉุนจนแสบจมูก “สุรางั้นหรือ?”

“ไม่ผิด ทว่ามันคือสุราพิษ…”

มือเรียวกำหมัดแน่นจนเส้นโลหิตปูดโปน หลังใคร่ครวญอยู่นานอาการประหม่าก็คลายลงเนิบช้า ลมหายใจร้อนผ่าวถูกพ่นขึ้นจมูก “หากเป็นสุราพิษข้าดื่มเข้าไปก็ต้องตาย เจ้าอยากให้ข้าตายหรือ หากตายแล้วชีวิตของข้าก็ต้องดับสิ้น นับว่าเป็นเส้นทางอันรุ่งโรจน์ตรงไหนกัน”

“เช่นนั้นเจ้าชอบชีวิตในตอนนี้หรือ”

หญิงสาวเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นส่ายหน้าพร้อมตอบกลับ “ข้าเกลียดชีวิตตอนนี้ยิ่งนัก”

“เช่นนั้นเจ้าลังเลอะไร ตายเพื่อเกิดใหม่ ถอยเพื่อรุกเคยได้ยินหรือไม่”

“หากข้าตายไป เกิดใหม่ก็คงไร้ความทรงจำ เดิมทีนั่นควรเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ข้ายังมีเรื่องที่ต้องสะสาง ดังนั้นข้าไม่อาจปล่อยวางความเจ็บปวดที่หยั่งลงจิตใจข้าได้”

“นี่มิใช่น้ำแกงยายเมิ่งเสียหน่อย สะพานไน่เหอเจ้าก็ไม่ต้องข้าม หากเจ้าไม่เชื่อจะปฏิเสธก็ย่อมได้” เสียงปลายเท้าถอยห่างออกไปจนเริ่มเบาบาง

หญิงสาวพยายามทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ผสานกับคำพูดของสตรีแปลกหน้าสลับไปมา ถึงอย่างไรชีวิตยามนี้ก็ช่างต่ำต้อยด้อยค่า คนผู้นี้จะเป็นผีก็ดีหรือปีศาจก็ช่าง ขอเพียงสามารถทำให้นางสมปรารถนาก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ

“ช้าก่อน!”

เสียงฝีเท้าหยุดลงเดี๋ยวนั้น ไม่นานก็แปรผันเป็นลมสายหนึ่ง

“เปลี่ยนใจแล้วหรือ หากเจ้ากลัวข้าก็ไม่บังคับ”

หญิงสาวผงะเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายประชิดกายนางได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอให้ถูกถามซ้ำ มือเรียวพลันคว้าหมับแย่งสุราจอกนั้นมาไว้ที่ตน “ชะตาข้าชาตินี้แสนอาภัพ ต่อให้ตายไปแล้วอย่างไร มีชีวิตแล้วอย่างไร ก็คงไม่มีผู้ใดแยแสอยู่ดี เช่นนั้นสุราพิษจอกนี้ข้าขอคืนอิสรภาพให้แก่คนไม่รักษาสัจจะ นับจากนี้ข้าและเขาไม่ข้องเกี่ยวกันอีก!”

อึก!

สุราในมือถูกกระดกขึ้นกรอกปากทันควัน ราวกับว่าลมหายใจเมื่อครู่เลือนหายไปชั่วขณะ

“ใจกล้าไม่เบา ถือว่าข้าให้โอกาสคนไม่ผิด”

เพียงชั่วพริบตาร่างระหงก็ทรุดฮวบลงบนพื้น ลมหายใจของหญิงสาวค่อย ๆ แผ่วโหยรวยริน

ฝ่ามืออันเย็นเยียบยื่นลูบเส้นผมสีดำขลับอย่างทะนุถนอม ราวกับต้องการปลอบประโลม “ต่อไปนี้ใครก็มิอาจรังแกเจ้าได้ เจ้าจะไม่รู้สึกเจ็บไม่รู้สึกปวด จงหลับตาลง แล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเจ้าเสีย”

เปลือกตาบางปิดลงเนิบนาบ ประหนึ่งว่าจิตวิญญาณกำลังถูกยมบาลมาดึงออกไป ลมหายใจที่เคยมีอยู่ดับสิ้นลงพร้อมกับเรือนกายที่นิ่งสนิทดั่งไม่เคยมีชีวิตมาก่อน...

เชิงอรรถ

^

น้ำแกงยายเมิ่ง เป็นความเชื่อของชาวจีน หากดื่มแล้วจะลบความทรงจำในชาติก่อน

^

สะพานไน่เหอในความเชื่อจีนคือ สะพานข้ามแม่น้ำแห่งความลืมเลือน ( แม่น้ำวั่งชวน) ที่ดวงวิญญาณต้องข้ามก่อนไปสู่การเกิดใหม่ โดยมี ยายเมิ่ง (Meng Po) คอยแจกน้ำลืมอดีต