บท
ตั้งค่า

#8

ครั้นหมิ่นหรานเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ร่างกายของซ่งเจียจิ่นพลันเครียดขึ้งขึ้นมาทันใด ใบหน้าเซื่องซึมเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นชิงชัง “ใช่! ข้ายังตายไม่ได้ คนใจร้ายพวกนั้นฆ่าหรานเอ๋อของข้า! ว่านเจียเซิ่ง! คนสารเลว! ข้าต้องแก้แค้น!”

เมื่อเห็นว่าซ่งเจียจิ่นกลับมาเข้มแข็งดังเดิม หมิ่นหรานถึงได้ลอบถอนหายใจออกมา “ท่านคิดถูกแล้ว จากนี้ท่านต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี เพื่อบุตรสาวของท่าน”

หลังจากที่พูดคุยกันจนเป็นที่กระจ่าง ทั้งสองจึงแยกกันไปพักผ่อน

ทางด้านเถ้าแก่เฉา ต้องตอบคำถามมากมายกับบุตรธิดาของตน ทั้งเรื่องพบปะสองแม่ลูกได้อย่างไร ไฉนหย่าโถวน้อยคนหนึ่งถึงกลายมาเป็นผู้มีพระคุณของเขาได้ เฉาลู่เซียนตอบคำถามบุตรชายบุตรสาวโดยไม่คิดปิดบัง

หลังฟังจบ ใบหน้าหล่อเหลาของเฉาลู่ปิน กลับไม่คลายความสงสัยลงเลยแม้แต่น้อย “หากไม่ได้ยินจากปากของท่านพ่อ เรื่องนี้คงยากที่ลูกจะเชื่อขอรับ”

ลู่หยาพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ชาย “หากเป็นลูก คงทำเช่นนั้นไม่ได้แน่เจ้าค่ะ”

เฉาลู่เซียนมองไปยังบุตรธิดาทั้งสอง พลางเอ่ยอย่างใจเย็น “พ่อเข้าใจ ว่าเรื่องนี้มันเชื่อยาก แต่เรื่องที่พวกเจ้าควรใส่ใจ คือดูแลสองแม่ลูกคู่นั้นให้ดีไม่ใช่หรือ ส่วนที่ว่าเด็กคนนั้นมีภูมิหลังอย่างไร พวกเราไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ขอเพียงพวกนางเป็นคนดีก็พอแล้ว”

สองพี่น้องหันมาสบตากัน ก่อนที่เฉาลู่ปินจะหันไปกล่าวกับบิดา “ทุกอย่างล้วนเชื่อฟังท่านพ่อ”

เถ้าแก่เฉายังสั่งให้บุตรชายจัดหางานในตำแหน่งไม่ต่ำต้อยให้สองแม่ลูก ตามที่พวกนางประสงค์

อีกทั้งมื้อเย็นก็ไม่ได้เชื้อเชิญทั้งสองมาทานข้าวร่วมโต๊ะ เพราะเห็นว่าทุกคนพึ่งจะเดินทางมาเหนื่อยๆ ตั้งใจว่าจะปล่อยให้คนทั้งสองได้พักผ่อนให้เต็มที่ เย็นนี้ หมิ่นหรานกับหญิงแซ่ซ่งจึงได้ทานข้าวร่วมโต๊ะเป็นครั้งแรก

ครั้นเห็นว่าหญิงแซ่ซ่งยังตกอยู่ในอาการเซื่องซึม ไม่มีทีท่าว่าจะจับตะเกียบ หมิ่นหรานจึงคีบผัดผักวางใส่ชามให้ พลางเอ่ยเตือนสติ “ท่านควรทานอะไรเสียหน่อย อาการบาดเจ็บภายในของท่านยังไม่หายดี หากปล่อยให้จิตใจท้อถอย ร่างกายจะยิ่งย่ำแย่”

นัยน์ตาของซ่งเจียจิ่นที่เหลือบมองมานั้น มองเห็นเส้นเลือดฝอยปรากฏขึ้นจางๆ บ่งบอกว่าธาตุในร่างกำลังอยู่ในภาวะแปรปรวน “ข้า” นางเปล่งเสียงออกมาได้คำหนึ่ง แต่ไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อ สุดท้ายจำต้องคีบอาหารเข้าปากอย่างไร้รสชาติ

มื้อเย็นของสองแม่ลูกที่ไม่ใช่แม่ลูกผ่านไปอย่างเงียบสงบ

หมิ่นหรานไม่ได้บอกกับหญิงแซ่ซ่งว่านางคิดจะกลับร่างตัวเอง ด้วยไม่อยากทำให้อีกฝ่ายสะเทือนใจ เช้าขึ้นนางจึงออกจากจวนไปอย่างเงียบเชียบ โดยไม่คิดจะบอกกล่าวผู้ใด

ลานหน้าพระราชวัง ยามนี้มีราษฎรต่อแถวกันจนแน่นขนัด ขนาดว่ามีอยู่หกแถว แต่ละแถวยังยาวไปเกือบสองลี้

หมิ่นหรานยืนอยู่ในแถวราวคนที่สี่ร้อยเอาแต่จ้องมองไปบนป้อมกำแพงวังที่เห็นได้จากไกลๆ ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีเรื่องใด ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นเท่านี้มาก่อน ฝ่ามือเล็กชื้นไปด้วยเหงื่อเดี๋ยวกำเดี๋ยวคลายพยายามควบคุมตัวเองอย่างสุดกำลัง

ราวยามซวีเสียงประกาศก้องดังมาเป็นทอดๆ บ่งบอกให้รู้ว่าโรงทานเริ่มทำการแจกจ่าย ยิ่งขยับเข้าไปใกล้เท่าไหร่ หัวใจของหมิ่นหรานยิ่งเต้นแรงขึ้น เวลาผ่านไปไม่เร็วไม่ช้า ในที่สุดนางก็มาอยู่ในลำดับที่สองร้อย

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตาหรืออย่างไร เวลาเดียวกันนั้นบนป้อมกำแพงวังถึงได้มีเสียงประกาศของขันทีดังขึ้นพอดิบพอดี

“ฝ่าบาทกับฮองเฮาเสด็จ”

ราษฎรเบื้องล่างพากันคุกเข่าตามกันมาเป็นระลอกประหนึ่งลูกคลื่น รอจนกระทั่งร่างในชุดสีเหลืองทองปรากฏ เสียงถ้อยคำถวายพระพรพลันดังกระหึ่ม

“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

“ถวายพระพรฮองเฮา ขอจงทรงพระเจริญ พันปี พันปี พันพันปี”

เสียงเหล่านี้ดังสะท้อนเข้าไปในจิตวิญญาณของเซี่ยหมิ่นหราน ทำให้ร่างของนางสั่นสะท้าน

ฮ่องเต้หยวนจ้าวจง ผายมือให้ฮองเฮาอันเป็นที่รัก รอให้นางวางฝ่ามือลงมาแล้ว ถึงได้จับจูงนางมายืนคู่กัน พระเนตรอ่อนโยนของผู้ครองแผ่นดินกวาดมองไปยังราษฎรเบื้องล่าง ก่อนจะผินพระพักตร์มาทอดพระเนตรฮองเฮาด้วยแววเนตรรักใคร่

“ร่างของข้า! ไม่! ฝ่าบาท หม่อมฉันอยู่ตรงนี้!” เสียงเล็กตระโกนแข่งกับเสียงถวายพระพรไม่แม้แต่จะดังเข้าไปในโสตของคนบนป้อมกำแพงวัง

หมิ่นหรานคิดว่าตนอยู่ไม่ใกล้พอ พลันตัดสินใจวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป นางไม่รู้ว่าตนเองวิ่งนานเท่าใด วิ่งมาไกลแค่ไหน ในหูของนางอื้ออึงไปด้วยเสียงระเบงเซ็งแซ่ ในที่สุด ก็มาถึงหน้าประตู

บุรุษหล่อเหลาหญิงสาวงดงามบนกำแพงวังนั้น หากมิใช่ฮ่องเต้หยวนจ้าวจงกับฮองเฮาเซี่ยหมิ่นหรานแล้วยังจะเป็นใครไปได้อีก

‘ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้!’ หมิ่นหรานมองปราดเดียวก็รู้ว่าร่างนั้นเป็นของนาง แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือวิญญาณที่ครอบครองร่างนั้นอยู่มิใช่วิญญาณเด็กสิบสองขวบ

แววตาลึกซึ้งที่คนบนกำแพงใช้มองกัน ไม่ได้ต่างอันใดกับคู่รัก หากเป็นวิญญาณของว่านหมิ่นหรานสลับกับนาง ไหนเลยจะแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมาได้ นั่นยังไม่นับรอยยิ้มมีเมตตาที่มองมายังประชาชนเบื้องล่าง ราวกับว่าผู้ที่มองคือฮองเฮาโดยกำเนิด นี่มันอะไรกัน!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel