ตอนที่ 3 [เสียงจากวิญญาณ]
เรือนหอผีสิง
ตอนที่ 3
[เสียงจากวิญญาณ]
ไอ้เอ็มเห็นอย่างนั้นก็รีบลุกขึ้นวิ่งตามไปทันที
“เฮ้ย! ไอ้แมนรอกูด้วย”
“เห็นไหมพี่พงษ์ พูดถึงเรื่องกินเหล้าไม่ได้เลย รีบหนีกันไปแล้ว”
“เอ็งก็อย่าไปว่ามันเลย ถึงมันจะกินเหล้า แต่มันก็มีความรับผิดชอบ กินแล้วไม่เสียงานก็ปล่อยมันไปเถอะ”
“ก็เพราะไม่เคยเสียงานนี่แหละ ฉันถึงไม่อยากว่าอะไรมาก”
“ดีแล้ว…พี่ไปก่อนนะ สายแล้ว เดี๋ยวจะแวะไปรับไอ้เล็กอีก”
“จ้ะพี่…ขับรถดี ๆ นะ”
ไอ้พงษ์ลุกขึ้นเดินออกไปขึ้นรถ ก่อนจะขับนำหน้ารถไอ้แมนออกจากบ้านไป
ไอ้พงษ์ขับรถมาเรื่อย ๆ ไม่นานก็มาถึงบ้านไอ้เล็ก
หลังจากแวะไปรับไอ้เล็กแล้ว ไอ้พงษ์ก็ขับรถกลับบ้าน ไม่นานรถก็แล่นมาถึงบ้าน
ทั้งสามรีบพากันก้าวลงมาจากรถ ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในบ้าน
ทางด้านลุงพันธ์ุที่กำลังนั่งรอลูกชายอยู่ ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ก็รีบลุกขึ้นเดินออกไปดู
พวกเขาสามคนเดินมาถึงก็พากันยกมือไหว้ลุงพันธ์ุพร้อมกัน
“สวัสดีพ่อ”
“เออ ๆ หวัดดีลูก มากันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะ วันนี้พ่อขอแรงไปช่วยไอ้พงษ์มันหน่อยนะ พวกเอ็งไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ได้ทำอะไรหรอกพ่อ พวกผมกำลังว่าจะมาหาไอ้พงษ์มันอยู่พอดี”
“เออ…ถ้างั้นก็ไปช่วยมันขนของขึ้นรถเลยจะได้ไปกัน สายมากแล้ว”
“ครับพ่อ”
ทั้งสี่คนต่างช่วยกันยกของขึ้นรถอย่างเร่งรีบ เพราะเห็นว่าสายมากแล้ว
ขณะที่พวกเขากำลังยกของกันอยู่ น้ำทิพย์ก็เดินถือขวดน้ำเย็นออกมาจากบ้าน
“กินน้ำเย็นก่อนพี่ เดี๋ยวค่อยทำต่อ”
“ขอบใจมากทิพย์” ทั้งสามพากันหยิบขวดน้ำมาเปิดยกขึ้นดื่มด้วยความกระหาย
หลังจากกินน้ำเสร็จก็พากันไปยกของต่อ
สองชั่วโมงผ่านไป
พวกเขาก็ยกของขึ้นรถกันเสร็จเรียบร้อย
“เสร็จแล้วก็ไปกันเถอะ” ลุงพันธ์ุเอ่ยกับพวกเขา ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ
หลังจากขึ้นรถกันหมดแล้ว ไอ้พงษ์จึงขับรถนำหน้ารถไอ้แมนออกไปทันที
ไอ้พงษ์ขับรถไปเรื่อย ๆ ไม่นานรถก็แล่นมาถึงบ้านกลางสวน ทุกคนพากันลงจากรถเดินเข้าไปในบ้าน
“พ่อผมจะขึ้นไปดูห้องนอนชั้นบนก่อนนะ จะได้ยกของขึ้นไป”
“เออ ๆ ไปเถอะ”
“พ่อจะขึ้นไปกับผมรึเปล่า”
“ไม่ไปหรอก…พ่อจะเดินดูชั้นล่างก่อน เดี๋ยวพ่อตามไป”
“ฟ้าจะไปกับพี่มั้ย”
“ไม่ไปหรอกพี่ เดี๋ยวฉันจะเดินดูชั้นล่างเป็นเพื่อนพ่อ”
“ปะ พวกเรายกของขึ้นไปชั้นบนกันเถอะ” พูดจบพวกเขาก็ช่วยกันยกตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นไปชั้นบน ก่อนจะลงมาขนของที่เหลือขึ้นไปอีก
หนึ่งชัวโมงผ่านไป
พวกเขาก็ช่วยกันยกของใช้ทั้งหมดขึ้นไปจนหมด
“เหนื่อยเหมือนกันว่ะ นี่ขนาดของไม่เยอะ เท่าไหร่นะ เล่นซะกูหมดแรงเลย” ไอ้แมนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหอบ
“กินน้ำกันก่อนพี่” น้ำทิพย์เอ่ยพลางส่งขวดน้ำให้
ทั้งสามคนหยิบขวดน้ำจากหญิงสาวมายกขึ้นดื่มอย่างหิวกระหาย เสียงน้ำไหลลงคอดังอั่ก ๆ ก่อนจะดึงขวดน้ำออกจากปากแล้วเอ่ยถามไอ้พงษ์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“ตกลงมึงจะนอนห้องไหนวะ พวกกูจะได้ยกของเข้าไปให้เลย”
“เดี๋ยวขอกูเดินดูก่อนว่าจะเอาห้องไหนดี”
“เออ…มึงไปเดินดูเถอะ เดี๋ยวพวกกูจะนั่งพักรอตรงนี้แหละ เอาห้องไหนกลับมาบอกก็แล้วกัน” สิ้นคำไอ้แมน ไอ้พงษ์กับน้ำทิพย์ก็พากันลุกขึ้นเดินไปดูห้องนอน
ทั้งสองคนพากันเดินสำรวจดูห้องนอนไปเรื่อย ๆ จนมาถึงห้องนอนที่ใหญ่กว่าห้องอื่น ๆ
ไอ้พงษ์รีบเดินไปเปิดประตู ก่อนจะพากันเดินเข้าไปดูข้างใน
“พี่พงษ์ชั้นบนมีห้องนอนตั้งสามห้อง แต่ฉันว่าห้องนี้ดูกว้างใหญ่กว่าห้องอื่น เรานอนห้องนี้ดีกว่าพี่”
“อืม…ก็ดีเหมือนกัน ดูกว้างขวางดี จะได้วางตู้เสื้อผ้า วางของใช้ได้เยอะด้วย”
“ตกลงพี่จะนอนห้องนี้ใช่มั้ย ฉันจะได้ไปบอกพวกพี่ ๆ เขามาช่วยยกตู้เข้าไปเลย”
“เออ ๆ เอาห้องนี้แหละ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นััน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงประตูห้องนอนห้องสุดท้ายดังขึ้นมาราวกับว่ามีใครกำลังเปิดมันออกมา
แอ๊ดด!!!
ทั้งสองหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะพากันรีบเดินออกจากห้องไปดู
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน้าห้อง ก็ต้องรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว
“เฮ้ย! อะไรวะ ประตูมันเปิดเองได้ไง” ไอ้พงษ์อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ
ไอ้พงษ์ยืนตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินไปชะโงกดูในห้อง ทั้ง ๆ ที่ใจนึกกลัวอยู่
“มีคนไหมพี่” น้ำทิพย์เอ่ยถามเสียงสั่น
“ไม่เห็นมีใครเลยทิพย์”
“ลองเข้าไปดูสิ”
สิ้นคำผู้เป็นเมียไอ้พงษ์ก็รีบเดินเข้าไปดูในห้อง
เมื่อเดินเข้าไปในห้อง ก็เห็นว่าภายในห้องนั้นว่างเปล่า ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว
‘ไม่เห็นมีใครเลยวะ แล้วประตูมันเปิดได้ไง หรือว่าลมมันแรงพัดประตูเปิดเอง’ ไอ้พงษ์นึกอยู่ในใจ ก่อนจะเหลียวมองไปรอบ ๆ ห้องแต่ก็ไม่พบอะไร ความกลัวเริ่มผุดขึ้นมาทันที
“ไม่มีใครเลย หรือว่าพวกไอ้แมนมันมาเปิดประตู แล้วเดินกลับไป”
“ถ้าอยากรู้ก็ไปถามดูสิพี่”
“แต่ถ้าไม่มีคนเปิด ก็น่าจะลมพัด เลยทำให้ประตูเปิดออกมาเองก็ได้”
“ก็อาจเป็นไปได้นะพี่ ฉันว่าเราลองไปถามพวกเขาดูก่อนดีกว่า”
“ปะ ไปถามดูสิ” พูดจบทั้งสองก็เดินไปหาไอ้แมนกับเพื่อนที่กำลังนั่งพักอยู่
“ไอ้แมนเมื่อกี้ มีใครเดินไปเปิดประตูห้องนอนห้องสุดท้ายโน่นหรือเปล่าวะ”
“ใครจะเดินไปเปิดวะ พวกกูนั่งอยู่ตรงนี้ยังไม่ได้ลุกไปไหนเลย”
“อ้าว! แล้วประตูห้องมันปิดได้ไงวะ”
“ลมมันพัดรึเปล่า วันนี้ลมแรงด้วย”
“เออ…สงสัยลมพัดมั้ง”
“แล้วได้ห้องนอนกันรึยัง พวกกูจะได้ยกตู้เข้าไปให้”
“ได้แล้ว ห้องใหญ่ห้องที่สองนั่นแหละ”
“งั้นก็ช่วยกันยกตู้เข้าไปเลย”
พวกเขาช่วยกันยกตู้กับโต๊ะเครื่องแป้ง และของใช้เข้าไปในห้องจนหมด
“เอาละเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอบใจมากเพื่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้กูสองคนมาจัดเอง”
“เสร็จแล้วกลับกันดีกว่าพี่” น้ำทิพย์เอ่ยกับผู้เป็นผัว ก่อนจะเดินนำหน้าลงไปข้างล่าง
พวกเขารีบพากันเดินตามน้ำทิพย์ลงไป
ขณะที่พวกเขากำลังเดินลงไป จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเปิดประตูห้อง พร้อมกับมีเสียงปิดประตูอย่างแรง
แอ๊ดดด!! ตึ้ง!
เฮ้ย! เสียงอะไรวะ!ไอ้พงษ์อุทานขึ้นมาอย่างตกใจ
เสียงนั้นทำให้ทุกคนถึงกับสะดุ้งตกใจ ก่อนจะแหงนมองขึ้นไปยังห้องนอนพร้อมกันราวกับนัดกันไว้
“เสียงใครเปิดปิดประตูวะ” ไอ้แมนเอ่ยขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“ไม่รู้ว่ะ สงสัยลมมันพัดมััง ลงไปเถอะ” ไอ้พงษ์พูดจบ ก็รีบก้าวเดินลงไปข้างล่างทันที
“พวกมึงไม่แปลกใจกันเหรอวะ ว่าลมที่ไหนมันจะพัดประตูจนเปิดปิดเองได้” ไอ้เล็กก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“มึงจะแปลกใจอะไรนักหนาวะไอ้เล็ก มึงเห็นไหม วันนี้ลมมันแรง” ไอ้แมนเอ่ยเสียงขุ่นกับเพื่อนหนุ่ม
“เออ ๆ ลมแรงก็ลมแรง” ไอ้เล็กเห็นเพื่อนเอ่ยมาอย่างนั้น ก็เลยไม่อยากพูดอะไรต่อ
ขณะที่พวกเขากำลังยืนคุยกันอยู่ ลุงพันธ์ุกับแพรฟ้าก็พากันเดินมาหา
“อ้าว! เสร็จแล้วเหรอ พ่อกำลังว่าจะขึ้นไปดูอยู่พอดี” ลุงพันธ์เอ่ยกับลูกชาย
“เสร็จแล้วพ่อ ผมเลือกเอาห้องนอนใหญ่สุด จะได้นอนกันสบาย ๆ หน่อย”
“เออ…เสร็จแล้วก็กลับกันเถอะ พรุ่งนี้ก็เข้ามาอยู่ได้เลย”
“ครับพ่อ”
พวกเขาพากันเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไป
รุ่งเช้าวันต่อมา
วันนี้ไอ้พงษ์กับน้ำทิพย์รีบตื่นกันแต่เช้า เพราะต้องไปจัดของที่บ้านสวนกันต่อ
หลังจากกินข้าวกินปลากันเรียบร้อย ไอ้พงษ์กับน้ำทิพย์ก็พากันขับรถออกจากบ้านไป
วันนี้ลุงพันธ์ไม่ได้ไปด้วย เพราะเหนื่อยล้ามาหลายวันแล้ว
วันนี้เป็นวันจันทร์ แพรฟ้าก็ต้องไปสอนนักเรียนตามปกติ จึงไม่ได้ไปกับพี่ชาย
ไอ้พงษ์ขับรถไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็มาถึงบ้านกลางสวนที่เป็นเรือนหอของเขา
ทั้งสองลงจากรถได้ก็พากันเดินเข้าไปในบ้าน ก่อนจะพากันเดินขึ้นไปชั้นบน
เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้อง ต่างก็ช่วยกันจัดของที่วางระเกะระกะอยู่เต็มห้องไปหมด
สองคนพากันจัดของไปคุยกันไปเรื่อยตามประสาผัวหนุ่มเมียสาว จนลืมดูเวลา
น้ำทิพย์นึกขึ้นมาได้จึงหลือบดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเอ่ยกับผู้เป็นผัว
“พี่พงษ์…เรามัวแต่จัดของกันเพลิน ลืมดูเวลา นี่มันเที่ยงแล้วนะพี่ ฉันว่าหยุดพักกินข้าวกันก่อนดีกว่า ฉันหิวแล้ว”
“อ้าว! เที่ยงแล้วเหรอ จัดของกันเพลินจนลืมดูเวลาเลย ปะ ออกไปกินข้าวก่อน”
“พี่ออกไปซื้อคนเดียวเถอะ ฉันขี้เกียจไป ด้วย จะนอนพักเอาแรงสักงีบ”
“เออ ๆ งั้นพี่ไปคนเดียวก็ได้ ถ้าเหนื่อยก็นอนพักไปเถอะ” พูดจบไอ้พงษ์ก็ลุกขึ้นเดินลงจากบ้านไป
หลังจากที่ไอ้พงษ์ขับรถออกไปแล้ว น้ำทิพย์ก็ขึ้นไปนอนบนเตียง กะว่าจะขอหลับสักงีบเอาแรง ก่อนผู้เป็นผัวจะกลับมา
หญิงสาวล้มตัวลงนอนได้ครู่หนึ่งก็ผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
ขณะที่เธอกำลังนอนหลับอยู่นั้น จู่ ๆ ก็ต้องตกใจสะดุ้งตื่นขึันมา เมื่อหูของเธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากห้องข้าง ๆ
ครืด!!! ครืด!!! ครืด!!!
หญิงสาวลุกขึ้นนั่งเอียงหูฟังด้วยความแปลกใจ เสียงนั้นมันเหมือนเสียงคนกำลังลากอะไรหนัก ๆ บางอย่างไปตามพื้นบ้าน
‘มันเสียงอะไรกันแน่ หรือว่าพี่พงษ์จะกลับมาแล้ว’ หญิงสาวนึกอยู่ในใจก่อนจะลงจากเตียงแล้วเดินเข้าไปเอาหูแนบกับข้างฝาฟังดู
เสียงปริศนานั้นยังคงดังต่อเนื่อง เหมือนกำลังลากอะไรบางอย่างเดินวนไปรอบ ๆ ห้อง
ด้วยความที่อยากรู้ หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินออกไปดู
เมื่อเดินออกไปถึงหน้าห้อง ก็เห็นว่าประตูห้องยังคงปิดสนิทอยู่
หญิงสาวเริ่มมีอาการหวาดกลัวขึ้นมาทันที แต่ด้วยความอยากรู้ จึงพยายามรวบรวมความกล้ายกมือขึ้นไปเปิดประตูออกมา
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกมา ก็พบว่าในห้องนั้นมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
เพื่อความแน่ใจหญิงสาวกวาดสายตามองดูภายในห้องอีกครั้ง ทันใดนั้นสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นโซ่ตรวนวางอยู่ที่มุมห้อง
‘หรือว่าจะมีโขมยเข้ามาลักโซ่เส้นนี้ แล้วมันหนีไปไหนไวจัง’ หญิงสาวนึกอยู่ในใจ เมื่อคิดได้อย่างนั้น เธอจึงรีบปิดประตู ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องด้วยอาการหวาดกลัว
