ตอนที่ 2 [ซื้อเรือนหอ]
เรือนหอผีสิง
ตอนที่ 2
[ ซื้อเรือนหอ ]
หลังจากสอบได้แล้ว ธนชาติก็ตั้งใจเรียน จนแทบไม่มีเวลาไปไหนเลย จะกลับบ้านก็แค่ช่วงที่โรงเรียนหยุดหลาย ๆ วันเท่านั้น
อีกด้านหนึ่งที่บ้านลุงพันธ์ุ
ลุงพันธ์ุ เป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเนินตะเคียน อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ลุงพันธ์แต่งงานอยู่กินกับป้า “พลอย” มา นาน 20 ปีกว่าแล้ว ลุงพันธ์กับป้าพลอยมีบุตรด้วยกันสองคน คนโตเป็นชายชื่อ ‘สมพงษ์’ คนเล็กเป็นหญิงชื่อ ‘แพรฟ้า’
ป้าพลอยจากลุงพันธ์และลูกทั้งสองคนไปด้วยโรคชราได้สามปีแล้ว ทิ้งให้ลุงพันธ์ต้องรับภาระเลี้ยงดูบุตรทั้งสองคนแต่เพียงลำพัง
แพรฟ้า ลูกสาวคนเล็กนั้นเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยและได้มาเป็นครูสอนนักเรียนอยู่ใกล้ ๆ บ้าน
สมพงษ์ ผู้เป็นพี่ชาย หลังจากเรียนจบมัธยมปลายแล้วก็ไม่ได้เรียนต่อ เพราะต้องมาอยู่ดูแลผู้เป็นพ่อที่แก่มากแล้ว
ปีนี้ไอ้พงษ์อายุ 26 ปีแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงอยากให้เขาแต่งงานมีครอบครัวจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาและหมดห่วงเสียที
ลุงพันธ์ุรู้ว่าลูกชายนั้นรักใคร่ชอบพออยู่กับ “น้ำทิพย์” สาวในหมู่บ้านเดียวกัน
วันนี้จึงเรียกลูกชายมาบอกเรื่องที่จะไปสู่ขอน้ำทิพย์ให้
“พงษ์เอ้ย! มาหาพ่อหน่อย”
ไอ้พงษ์ที่กำลังอยู่ในครัว ได้ยินผู้เป็นพ่อเรียกก็รีบเดินออกมาหา
“พ่อเรียกผมเหรอ มีอะไรรึเปล่า”
“พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไรเหรอพ่อ”
“พ่อเห็นว่าตอนนี้เอ็งรักใคร่ชอบพอกับน้ำทิพย์มันอยู่ใช่มั้ย”
“ใช่พ่อ…ทำไมเหรอครับ” สมพงษ์เอ่ยถามผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าแปลกใจ
“พ่อเห็นว่าลูกก็บวชเรียนมาหมดแล้ว เป็นผู้ใหญ่พอที่จะแต่งงานและมีครอบครัวได้แล้ว”
“พ่อพูดแบบนี้ อย่าบอกนะว่าจะให้ผมแต่งงาน”
“เออใช่…พ่อจะไปสู่ขอน้ำทิพย์ให้ เอ็งจะว่ายังไง”
“แล้วแต่พ่อก็แล้วกัน ผมไม่ขัดข้องอะไรหรอก ถ้าทางพ่อแม่ของทิพย์เขาไม่รังเกียจและไม่มีอะไรขัดข้อง ผมก็พร้อมที่จะแต่ง”
“แต่ก่อนแต่งพ่ออยากจะหาเรือนหอให้สักหลัง พอลูกแต่งงานเสร็จ ก็จะได้ออกเรือนไปอยู่กันสองคน”
“พ่อจะปลูกเรือนหอให้ผมเหรอ ผมว่ากว่าเรือนหอจะเสร็จ คงอีกนานเลยนะพ่อ”
“ถ้าจะสร้างเรือนหอ มันก็คงต้องใช้เวลาอีกนานถึงจะเสร็จ”
“ไม่ต้องหรอกพ่อ มันต้องใช้เงินสร้างอีกเยอะ ผมเสียดายเงิน แต่งงานเสร็จผมก็อยู่บ้านหลังนี้กับพ่อก็ได้”
“แต่ต่อไปยัยฟ้าก็ต้องแต่งงานแต่งการมีครอบครัวเหมือนกัน จะมาอยู่รวมกันได้ไง”
“แล้วพ่อจะเอายังไง ผมไม่รู้หรอกแล้วแต่พ่อก็แล้วกัน”
ลุงพันธ์ุได้ยินลูกชายเอ่ยมาอย่างนั้น ก็ขมวดคิ้วจนหน้าผากย่น นิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างดีใจ
“พ่อนึกได้แล้ว! วันนั้นไปตลาดพ่อเห็นเสี่ยดำรงค์เขาประกาศขายบ้านพร้อมสวน”
“บ้านสองชั้นที่อยู่กลางสวนผลไม้หลังนัันใช่ไหมพ่อ”
“เออ…บ้านสองชั้นหลังใหญ่นั่นแหละ”
“อ๋อ…นั่นมันบ้านของเสี่ยดำรงค์ แกเป็นคนกรุงเทพฯ แกรวยมาก แถมมีอิทธิพลด้วย คนแถวนี้รู้จักกันดี”
“เออใช่…แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว เดี๋ยวพ่อจะถามเขาดู ว่าเขาจะขายเท่าไหร่”
“แต่ตอนนี้เขาย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพฯ ตั้งปีกว่าแล้วนะพ่อ”
“ที่ป้ายประกาศขายเขามีเบอร์โทรอยู่ เราก็โทรติดต่อกับเขาก็ได้ ”
“ถ้างั้น…เดี๋ยวผมขับรถไปจดเบอร์โทรมาให้พ่อเอง งั้นผมไปเลยนะ”
“เออ ๆ แหมเอ็งนี่ใจรัอนจริง ๆ รีบไปรีบมาละ พ่อจะไดัโทรไปคุยกับเขา”
สิ้นคำผู้เป็นพ่อ ไอ้พงษ์ก็ลุกขึ้นเดินไปขึันรถกระบะ 4 ประตู ก่อนจะขับออกจากบ้านไป
หลังจากไอ้พงษ์ขับรถออกไปแล้ว ลุงพันธ์ุก็หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบพ่นควันโขมงรอลูกชาย
ลุงพันธ์นั่งรอเกือบชั่วโมง ก็ได้ยินเสียงรถแล่นกลับมา
ไอ้พงษ์ลงจากรถได้ ก็รีบเดินไปหาผู้เป็นพ่อ ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้
“อะพ่อ…ผมเมมเบอร์ไว้ให้แล้ว พ่อคุยกับเสี่ยดำรงค์ได้เลย”
ลุงพันธ์ุหยิบโทรศัพท์มาจากลูกชาย ก่อนจะกดโทรหาเสี่ยดำรงค์
เสี่ยดำรงค์นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็หยิบขึ้นมากดรับสาย
‘ฮะโหล…ผมเสี่ยดำรงค์พูด ลุงมีธุระอะไรรึเปล่าครับ’
‘ผมลุงพันธ์นะ จำผมได้มั้ย’
‘อ๋อ…ลุงพันธ์ จำได้ ที่บ้านหลังใหญ่ ๆ อยู่ข้างทางใช่มั้ย’
‘ใช่ ๆ คือผมจะสอบถามเรื่องบ้านกลางสวนที่เสี่ยประกาศขาย เสี่ยจะขายราคาเท่าไหร่ครับ’ ลุงพันธ์ุเอ่ยถามไปตามสาย
‘อ๋อ…ที่ทั้งหมดมันสามไร่กับหนึ่งงาน ผมขายทัังบ้านทัังสวนผลไม้ห้าล้านครับ’
‘ห้าล้านเลยเหรอเสี่ย ลดให้ผมหน่อยได้ไหมเสี่ย บ้านมันเก่าแล้ว ผมซื้อไปก็ต้องไปจ้างช่างตกแต่งทาสีใหม่อีก’ ลุงพันธ์เห็นว่าราคามันสูงไปหน่อย จึงต่อรองราคาลงมา
เสี่ยดำรงค์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังคิดตัดสินใจอยู่
‘งั้น…ผมลดให้สี่ล้านห้าก็แล้วกัน ลุงจะได้มีเงินไปจ้างช่างตกแต่งบ้าน เฉพาะบ้านหลังนั้นผมปลูกหมดไปสองล้านแล้วนะ ผมขายเอาแค่ทุนคืน’
‘ตกลงผมเอานะ แล้วเสี่ยจะมาโอนให้ผมวันไหนล่ะ’
‘พรุ่งนี้เช้าผมจะไปหาลุงเลย แต่กว่าผมจะถึงก็น่าจะประมาณบ่าย ๆ นั่นแหละ’
‘ได้ครับเสี่ย ผมจะรอ’
หลังจากเสี่ยดำรงค์วางสายแล้ว ลุงพันธ์ก็หันไปเอ่ยกับลูกชายอย่างดีใจ
“พ่อตกลงซื้อเรียบร้อยแล้ว เสี่ยดำรงค์มันขายตั้งสี่ล้านห้า”
“ราคานี้ผมว่าไม่แพงหรอกพ่อ ทั้งบ้านทั้งสวน ผมก็อยากได้สวนผลไม้เหมือนกัน อย่างน้อยเราก็ได้กำไรจากการขายผลไม้ทุกปี”
“เออ…ที่พ่อตัดสินใจซื้อก็เพราะเห็นว่ามันมีสวนผลไม้นี่แหละ”
“นี่ถ้ายัยฟ้ารู้ คงจะดีใจมากเลย เพราะมันอยากได้สวนผลไม้มานานแล้ว”
“เออใช่…นี่โรงเรียนใกล้จะเลิกแล้ว เดี๋ยวก็กลับมาแล้วละ”
สองพ่อลูกนั่งคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นรถเก๋งของแพรฟ้าแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
“โน่นไง! ยัยฟ้ามาแล้วพ่อ”
หญิงสาวก้าวลงมาจากรถแล้วเดินเข้ามาในบ้าน ก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นพี่ชายกำลังนั่งยิ้มหน้าบานอยู่
“นั่งยิ้มอะไรเหรอพี่พงษ์ มีเรื่องอะไรเหรอ ดูท่าทางดีใจเหมือนคนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งยังงั้นแหละ”
ไอ้พงษ์ผู้เป็นพี่ชายได้ยินน้องสาวถามอย่างนั้นก็รีบเอ่ยขึ้นมาอย่างดีใจ
“ยัยฟ้า…พี่มีข่าวดีจะบอก”
“ข่าวดีอะไรเหรอพี่”
“จะเอาเรื่องไหนก่อนล่ะ”
“โอ้ย! ไม่ต้องลีลาหรอก บอกมาเลยเรื่องไหนก่อนก็ได้”
“พ่อจะไปสู่ขอทิพย์ให้พี่แล้วนะ”
“ห่ะ! จริงเหรอพี่ แสดงว่าพี่จะได้แต่งงานแล้วสิ มิน่าถึงนั่งยิ้มหน้าบานเลย”
“ก็คนมันดีใจนี่หว่า”
“แล้วอีกเรื่องล่ะ รีบบอกมาเร็ว ๆ เลย”
“พ่อเขาซื้อบ้านพร้อมสวนของเสี่ยดำรงค์ให้เป็นเรือนหอพี่ด้วย”
“โห! แบบนี้ยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่อีกนะพี่”
ลุงพันธ์ุที่กำลังนั่งฟังลูกสองคนคุยกัน จึงเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“แล้วลูกดีใจไหมล่ะ เห็นว่าอยากได้สวนผลไม้ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะพ่อ…ฟ้าอยากได้สวนผลไม้มานานแล้ว บ้านกลางสวนที่อยู่ข้างทางใช่ไหมพ่อ”
“เออใช่…ก็บ้านเสี่ยดำรงค์หลังนั้นแหละเขาเพิ่งย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้วนี่เอง”
“บ้านหลังใหญ่แถมมีสวนผลไม้ด้วย ต่อไปนี้ฟ้าคงไม่ต้องซื้อผลไม้กินอีกแล้ว”
พวกเขาต่างพากันดีใจที่จะได้บ้านพร้อมสวนผลไม้
รุ่งเช้าวันต่อมา
เสี่ยดำรงค์กับสมุนคู่ใจสองคนคือไอ้เข้มกับไอ้เหินก็เดินทางมาหาลุงพันธ์ุแต่เช้า
เมื่อทำสัญญาจ่ายเงินกันเรียบร้อย เสี่ยดำรงค์ก็พาลุงพันธ์ุไปโอนบ้านและที่ดินที่ตัวอำเภอ
หลังจากซื้อบ้านได้แล้ว ลุงพันธ์ุก็จ้างช่างรับเหมาให้มาตกแต่งบ้านเพื่อทำเป็นเรือนหอให้กับลูกชาย
หนึ่งเดือนผ่านไป
บ้านที่ถูกทิ้งร้างมาปีกว่า ก็ถูกตกแต่งใหม่จนสวยงามราวกับบ้านที่เพิ่งปลูกใหม่
เมื่อไอ้พงษ์กับน้ำทิพย์ได้เห็นเรือนหอที่ผู้เป็นพ่อซื้อให้ต่างก็พากันดีใจเป็นอย่างมาก
รุ่งเช้าวันต่อมา
วันนี้ลุงพันธ์ุรีบตื่นแต่เช้าเพราะจะพากันออกไปสู่ขอน้ำทิพย์ให้กับลูกชาย
เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ลุงพันธ์ุก็พาลูกชายและบรรดาญาติพี่น้องเดินทางไปสู่ขอน้ำทิพย์
หลังจากไปสู่ขอเสร็จเรียบร้อย ก็พาลูกชายไปวัดเพื่อดูฤกษ์ดูยาม วันเวลาที่จะจัดงานแต่งงานให้
สามวันต่อมา
ลุงพันธ์ก็จัดงานแต่งงานให้กับไอ้พงษ์ผู้เป็นลูกชาย
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ในงานมีแขกเหรื่อและบรรดาญาติพี่น้องและชาวบ้านหมู่บ้านใกล้เคียงต่างพากันมาร่วมงานกันอย่างมากมาย
หลังจากงานแต่งงานผ่านไป ไอ้พงษ์กับน้ำทิพย์ก็บอกกับผู้เป็นพ่อว่าจะย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนหอที่พ่อซื้อให้
วันนี้เป็นวันเสาร์ แพรฟ้าไม่ได้ไปสอนนักเรียน ลุงพันธ์ุจึงถือโอกาสขนของไปให้
“พงษ์เอ้ย! วันนี้วันเสาร์ ยัยฟ้าไม่ได้ไปสอนนักเรียน พ่อว่าขนของไปกันวันนี้เลยดีกว่า ขนเสร็จเอ็งจะได้เข้าไปอยู่กันเลย”
“ก็ดีเหมือนกันพ่อ พาคนไปช่วยสักสองสามคนจะได้ช่วยกันยกตู้ยกของหนัก ๆ เข้าไปในห้องนอนด้วย”
“ถ้างั้น…เอ็งก็ไปบอกเพื่อน ๆ ให้มันไปช่วยสิ วันนี้เป็นวันเสาร์พวกไอ้แมนไอ้เอ็มมันไม่ได้ไปทำงาน”
“ก็ดีเหมือนกันพ่อ ให้พวกมันสองคนมาช่วย เดี๋ยวผมจะแวะไปรับไอ้เล็กอีกคน”
“เออ ๆ ไปเถอะ รีบไปรีบมา สายแล้ว”
“ครับพ่อ” พูดจบไอ้พงษ์ก็ลุกขึ้นเดินไปขึ้นรถก่อนจะขับออกจากบ้านไป
ไอ้พงษ์ขับรถมาถึงบ้านไอ้แมน ก็ลงจากรถเดินเข้าไปในบ้าน
เมื่อเดินเข้าไปถึงก็เห็นไอ้แมนกับไอ้เอ็มสองคนกำลังนั่งอยู่ในบ้านพอดี
“อ้าว! เฮ้ยไอ้พงษ์ มายังไงวะ พวกกูกำลังว่าจะไปหามึงอยู่พอดี” ไอ้แมนเอ่ยถามออกมาอย่างแปลกใจ
“พอดีวันนี้กูเห็นว่าพวกมึงไม่ได้ไปทำงาน เลยจะมาขอแรงไปช่วยขนของไปบ้านหลังใหม่หน่อย”
“อ๋อ…เรือนหอหลังนั้นเหรอ แหม…พอแต่งงานเสร็จก็จะย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหญ่เลยนะ”
“เออ…พ่อกูอุตส่าห์ซื้อให้แล้ว ก็ต้องย้ายไปอยู่สิวะ กูอยากได้บ้านสวนแบบนี้มานานแล้ว มันดูร่มรื่นเย็นสบายดีว่ะ”
“เออ…กูก็ชอบเหมือนกัน แต่พวกกูคงไม่มีปัญญาซื้อหรอกว่ะ แม่งโครตแพงเลย”
“แล้วมีใครไปบ้างวะ” ไอ้เอ็มที่นั่งฟังอยู่นาน จึงเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
“กูว่าจะไปบอกให้ไอ้เล็กไปช่วยอีกคน ของกูมีไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ไปอยู่กันแค่สองคนผัวเมียเอง”
“งั้นเดี๋ยวเอารถกูไปช่วยขนอีกคัน จะได้ไม่ต้องเทียวกลับไปกลับมาหลายรอบ”
“เออ…ดีเหมือนกัน คนละเที่ยวก็น่าจะหมดแล้วละ”
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ ‘ราตรี’ เมียไอ้แมนก็เดินออกมาจากครัวพอดี
“จะชวนกันไปไหนเหรอพี่พงษ์”
“อ๋อ…พี่จะมาขอแรงไอ้แมน มันไปช่วยขนของไปบ้านหลังใหม่หน่อย”
“จะเข้าไปอยู่แล้วเหรอพี่”
“วันนี้ถ้าขนของเสร็จ พรุ่งนี้กะว่าจะเข้าไปอยู่เลย”
“ดีแล้วพี่ วันนี้วันหยุด ถ้าพี่ไม่มาชวนไปขนของ เดี๋ยวก็พากันตั้งวงกินเหล้าอีก”
“ให้มันกินบ้างเถอะราตรี ไอ้แมนมันกินเหล้าไม่เคยเสียงานหรอก”
“ลองกินแล้วไม่ไปทำงานสิพี่ ฉันจะให้เลิกกินไปตลอดชีวิตเลย”
“ดุจังเลยว่ะ เมียใครวะ” ไอ้พงษ์เอ่ยก่อนจะหัวเราะลั่นออกมาอย่างชอบใจ
“กูว่าบรรยากาศเริ่มไม่เค่อยดีแล้วว่ะ ปะ ไอ้พงษ์ไปขนของกันดีกว่า” ไอ้แมนเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกจากบ้านไปยังรถกระบะคู่ใจที่จอดอยู่หน้าบ้าน
