บท
ตั้งค่า

บทที่6.

หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อชายหนุ่มในชุดสูทสุดหรูก้าวออกไปแล้ว อาการปวดหนึบที่ศีรษะทำให้เธอล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ดวงตากลมโตจ้องมองเพดานห้องก่อนไล่ไต่ลงมาที่ผ้าม่านเนื้อดีเข้ากับโซฟากำมะหยี่สีดำรวมถึงเตียงนอนกว้างและนุ่มกำลังดี

“เตียงใหญ่ขนาดนี้ใครจะนอนคนเดียว”

หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง อยากจะหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่แล้วรีบออกไปให้เร็วที่สุด แต่อาการเมาค้างทำให้เธอปิดเปลือกตาอีกครั้งการพยายามฝืนจะลุกขึ้นทำให้เธอยิ่งทรมานกับอาการปวดหัว เมื่อได้อยู่คนเดียวบนเตียงกว้าง สมองก็เริ่มกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม

“ฝันเหรอ...คงฝันไปซินะ”

เปรมวดีบอกกับตัวเองเมื่อหวนคิดถึงภาพในความฝันก่อนลืมตาตื่น มันเป็นภาพเหตุการณ์ครั้งที่สองที่ได้ไปเยือนบาฮาเนียดินแดนแห่งฟ้าจรดทราย และเป็นครั้งแรกที่เธอถูกต้อนรับราวกับเจ้าหญิงจะพูดว่าไงดีนะ! มีเพื่อนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง! หรือคบเพื่อนดีเพื่อนพาไปหาผล! แต่ถึงยังไงเธอก็ไม่เคยมีความคิดจะฉกฉวยเอาความโชคดีของเพื่อนมาใช้ นอกจากคนที่สนิทกันมากๆ แล้วเธอไม่ได้บอกใครเลยที่อารยากลายเป็นพระชายา แต่เรื่องเดียวที่เธอยังพึ่งพาเพื่อนรักอยู่ก็คือเธอจะฝากอารยาซื้อผ้าพื้นเมืองส่งมาให้

ช่วยไม่ได้นี่นะ! เธอติดใจลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์แถมสีสันสดใส โดยเฉพาะเนื้อผ้าที่พลิ้วไหวใส่แล้วไม่ร้อนนี่แหละที่เธอโปรดปรานและยิ่งนำมาตัดเย็บสไตล์สาวโบฮีเมียนแล้วยิ่งสวยเก๋กว่าใครเสริมความเลิศด้วยเครื่องประดับจำพวกเครื่องเงินยิ่งเป็นของชาวเขายิ่งเข้ากัน

“ตายแล้ว วันนี้ฉันก็มีนัดนี่นะ”

เปรมวดีลุกพรวดขึ้นจากเตียงนอนพาร่างกายที่เปลือยเปล่าเข้าไปอาบน้ำชำระความเหนื่อยล้า น้ำฝุ่นผ่านฝักบัวทำให้รู้สึกสดชื่นจนอาการเมาค้างละลายไปกับสายน้ำ เมื่อออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อคลุมสีขาวท้องไส้เธอก็ร้องปั่นป่วนมือเรียวจึงเร่งใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เธอยกหูโทรศัพท์ของโรงแรมให้ช่วยเรียกแท็กซี่ให้ เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะทิ้งโน้ตถึงเจ้าของห้องดีหรือเปล่า ถ้าเขียนเบอร์โทรของเธอทิ้งไว้เขาจะเข้าใจว่ายังไง? ก็เขาเป็นคนพูดออกมาเองว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร? แล้วถ้าเขียนแค่ว่าขอบคุณค่ะ เขาจะคิดว่าเธอปลื้มเรื่องเมื่อคืนที่เธอจำอะไรไม่ได้เลยนะเหรอ? ยิ่งคิดอาการปวดหนึบก็จะกลับมาเล่นงานอีก เปรมวดีเหลือบมองนาฬิกาบนหัวเตียง ช่างเถอะ! รีบไปดีกว่า อยู่นานไปก็ยิ่งคิดมาก ทำงานซะจะได้ลืมๆ เรื่องที่ไม่อยากจำ

มีแต่เรื่องงานเท่านั้นที่ช่วยให้เธอลืมเรื่องยุ่งยากใจทั้งหมดได้

หญิงสาวบอกกับตัวเองขณะที่นั่งอยู่บนแท็กซี่มุ่งหน้ามาที่ ‘รุ้งงามสปา’ ซึ่งเป็นทั้งบ้านและที่ทำงานในรั้วเดียวกัน เปรมวดีรีบจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองออกเธอเหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมงแขกของเธอก็จะมาเยือน เธอหยิบผ้านุ่งผืนสวยที่เย็บชายเรียบร้อยมานุ่งคาดทับด้วยเข็มขัดเงิน ท่อนบนเป็นเสื้อกล้ามสีขาวที่เธอปักลายเองกับมือ แม้ว่างานจะยุ่งแค่ไหนเธอก็ชอบเย็บตบแต่งเสื้อผ้าใส่เองมากกว่าให้ใครทำให้ ผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่สีเดียวกับผ้านุ่ง ผมยาวรวบเป็นมวยด้วยปิ่นที่ทำมาจากขนเม่น และประดับคอด้วยสร้อยเงินเข้ากับเข็มขัด ใบหน้าได้รูปแต้มสีสันเพียงบางเบาเน้นเคลือบสีชมพูอมส้มที่ริมฝีปาก เมื่อรู้สึกว่าตัวเองสวยพอแล้วความมั่นใจก็เต็มเปี่ยม

“น้องแป๋มแขกมาแล้วจ๊ะ”

“ขอบคุณค่ะพี่น้อย พี่น้อยช่วยหาน้ำหาท่าไปบริการแขกหน่อยนะคะ” พี่น้อยเป็นมือขวาคนสำคัญของเปรมวดีถึงจะไม่ใช่ญาติพี่น้องกันแท้ๆ แต่เปรมวดีก็นับถือราวกับพี่สาวคนหนึ่งเลยทีเดียว

“เรื่องนั้นรู้แล้วจ๊ะ” พี่น้อยหลิวตามองหญิงสาวที่เป็นเจ้าของกิจการรุ้งงามสปา “เมื่อคืนไปนอนไหนมาจ๊ะ”

“พี่น้อยบอกแม่หรือเปล่า!”

“เปล่า...แม่เราก็รู้ดีอยู่แล้วว่าแป๋มชอบไหนมาไหนคนเดียวแบบนี้เสมอ”

“ขอบคุณค่ะพี่น้อย แป๋มออกไปรับแขกก่อนนะคะ” เปรมวดีไม่อยากบอกเลยว่าเมื่อคืนเธอทำตัวแย่มากแค่ไหน บางที...ถ้าคนที่ไปพบเธอไม่ใช่คานัน เธออาจจะยังไม่กล้าเข้าบ้านมาทำงานก็เป็นได้

หญิงสาวลืมเรื่องกลุ้มใจแล้วเดินมาที่มุมสวนที่จัดไว้รับรองแขก วันนี้มีคนในกองบรรณาธิการนิตยสารเกี่ยวกับสุขภาพมาขอสัมภาษณ์เธอลงคอลัมน์และแนะนำร้านสปาที่น่าสนใจนั่นก็คือร้านของเธอ

เมื่อเอาสมาธิมุ่งมาให้กับการตอบคำถามต่างๆ เธอก็ลืมเรื่องขุ่นใจไปเสียหมด การสัมภาษณ์ใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิดเมื่อจบการสัมภาษณ์เธอก็พาช่างภาพไปถ่ายภาพมุมต่างๆ ในร้านสปา

“ตบแต่งได้สวยมากถ้าจะขอยืมสถานที่ถ่ายแบบบ้างจะได้ไหมครับคุณแป๋ม”

“ถ่ายแบบอะไรคะ” เปรมวดีออกจะแปลกใจที่ช่างภาพหนุ่มเรียกชื่อเล่นของเธอซึ่งเธอแนะนำตัวด้วยชื่อจริงแต่พอเห็นรอยยิ้มทะเล้นที่คุ้นตาเธอก็อ้าปากกว้างอยากตกใจ

“ชินใช่มั๊ยชินที่เรียนโฆษณา”

“นึกว่าแป๋มจะจำเพื่อนไม่ได้ซะแล้ว” ชินหัวเราะออกมา “ไม่เจอกันนานแป๋มสวยขึ้นเยอะเลยนี่”

“พูดไปเถอะ” หญิงสาวหัวเราะรู้สึกผ่อนคลายลงมาก “เดี๋ยวนี้กลายเป็นช่างภาพแล้วเหรอ จะว่าไปชินก็ชอบทางนี้อยู่แล้วนี่”

“ก็เพราะแป๋มนั้นแหละที่ให้กำลังใจเราในตอนนั้นเราถึงไม่ท้อ คิดถึงแป๋มเหมือนกันนะแต่ได้ยินว่าแป๋มทำร้านสปาลูกค้าเยอะมาก”

ชินอดคิดถึงวันที่เขารู้ผลการประกวดภาพถ่ายไม่ได้

คราวนั้นเขาตกรอบและท้อแท้ขนาดไม่อยากถ่ายรูปอีก แต่เพื่อนสาวคนนี้ให้กำลังใจจนเขาไม่ยอมแพ้ยังมุ่งมั่นพัฒนาฝีมือการถ่ายรูปอย่างต่อเนื่องจนวันนี้เป็นที่ยอมรับ

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เอ่อว่าแต่ถ่ายแบบอะไรเหรอ”

“ก็ไม่อะไรหรอก เราว่าร้านของแป๋มตบแต่งสวยดีอยากยืมสถานที่ถ่ายแฟชั่นลงนิตยสารนะ”

“ได้ซิจะมาเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกได้เลย”

“ขอบใจนะ แป๋มนี่...ยังใจดีเหมือนเดิม”

เปรมวดียิ้มกว้างก่อนยกมือขึ้นตบไหล่เพื่อนเบาๆ เธอชวนคุยเรื่องอื่นอยู่ครู่หนึ่งเมื่อช่างภาพถ่ายภาพตามต้องการเสร็จก็ต้องยกทีมไปทำงานที่อื่นต่อ

“อย่าลืมโทรมาละ”

“ฮืม”

ชินรู้สึกแปลกๆ ในใจทั้งที่เคยเจอเปรมวดีมาตั้งแต่เรียนปีสอง ถึงแม้ว่าเขาและเธอจะอยู่คนละคณะ แต่มีบางวิชาที่เขาและเธอลงเรียนเหมือนกันทำให้ได้เรียนวิชาเดียวกันอยู่หนึ่งเทอม

ทว่าเวลาเพียงสั้นๆ เขากับเปรมวดีกลับสนิทสนมราวกับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน แต่เมื่อเขาใช้เวลาทุ่มเทให้กับการฝึกถ่ายรูปจึงไม่ค่อยได้ติดต่อกับเปรมวดีอีก ไม่คิดว่าการพบกันอีกครั้งจะทำให้เขามองเธอเปลี่ยนไป มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดกับคนที่เขาเรียกว่าเพื่อนเลยด้วยซ้ำ.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel