บทที่5. ดีใจที่จำกันได้
เปรมวดีลืมตาตื่นพร้อมอาการเวียนศีรษะราวกับจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ และเพราะอาการแบบนี้ทำให้เธอได้แต่นอนลืมตาอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มสีขาวสะอาดตา พยายามคิดอยู่ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต?
“ฉันจะไม่กินเหล้าอีกแล้ว” เปรมวดีงึมงำกับตัวเองรู้สึกลำคอแห้งผากราวกับเป็นกระดาษทราย นึกโทษอดีตคนรักรายที่สิบสองที่เธอทำให้กลายเป็นนางเมรีขี้เมาไปเสียนี่
“ดื่มได้แต่อย่าให้มันหนักนัก”
“!?!”
เปรมวดีลุกพรวดขึ้นจากเตียงอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงผู้ชายอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อลุกขึ้นนั่งเธอจึงรู้ว่าร่างกายของตนเองไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น! มือเรียวต้องรีบคว้าผ้าห่มขึ้นคลุมอกอิ่มทันทีและเมื่อเหลียวมองรอบข้างจึงรู้ว่าห้องที่นอนอยู่นี่ไม่ใช่ที่บ้านของเธอ
แต่มันเป็นที่ไหนก็ไม่รู้!!!
“โอ๊ย!ปวดหัว” หญิงสาวยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมขมับ อาการปวดหนึบๆ ที่ศีรษะทำให้เธอต้องซบหน้าลงกับเข่า ‘วันนี้มันศุกร์ 13 หรือไงนะ’
“จิบชามะนาวหน่อยไหม หรือดื่มอะไรร้อนๆ ช่วยแก้อาการเมาค้างได้ดี”
น้ำเสียงที่คุ้นหูผสมสำเนียงการพูดภาษาไทยแปร่งๆ ทำให้หญิงสาวกล้าเงยหน้าขึ้นมา แล้วดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มของชายอาหรับอยู่ใกล้ๆ ชายที่เธอไม่คิดว่าเขาจะมาถึงเมืองไทย
“คานัน”
“ดีใจที่ยังจำกันได้”
ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก เขาอยากเข้าไปประคองร่างเนียนนุ่มให้นั่งสบายๆ แต่รู้ดีว่าไม่เหมาะนักจึงได้แต่ว่างถ้วยชามะนาวไว้ที่โต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงนอน เขาก้าวถอยหลังออกมาอีกสองสามก้าวไปนั่งอยู่ที่โซฟาไม่ไกลนัก แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกหงุดหงิดกับตนเองกับอารมณ์ที่ยังระอุอยู่ภายใน ก็การที่มีหญิงสาวและสวยหลับใหลอยู่ในห้องนอนเดียวกันมันไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลย บางที...นี่อาจเป็นเรื่องที่เขาคิดผิดพลาดมากที่สุดก็เป็นได้ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเขาไม่รู้จักบ้านของเธอ
“คุณมาเมืองไทยเมื่อไหร่กัน”
เปรมวดีพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตนเอง เธอควรจะอ้าปากถามเขาไหมว่าทำไมเธอถึงได้อยู่ในชุดแรกเกิดอย่างนี้! แต่ท่าทางสบายๆ นิ่งๆ ของเขาทำให้เธอไม่กล้าขยับปากถามเรื่องที่สงสัย หรือที่จริง! เธออาจจะหวาดกลัวคำตอบก็เป็นได้
“สัปดาห์หนึ่งได้แล้วครับ” เขาเอ่ยตอบพลางเสมองไปทางอื่น ไม่อยากมองเนินอกที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนนั้นเลย “ผมมาดูงานแทนท่านราเฟย์”
“เหรอคะ” เปรมวดียกถ้วยชาขึ้นจิบ ความร้อนที่ไหลผ่านลำคอทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง
“เสื้อผ้าของคุณเพิ่งมาส่งเมื่อครู่ เมื่อคืนคุณเมาหนักมากแล้วก็อาเจียนใส่เสื้อผ้าตัวเอง ผมก็เลยต้องถอดออกให้พนักงานไปซักแห้งมาให้”
“หา!” ‘ถอด’ เมื่อกี้เขาพูดว่าเขาถอดเสื้อผ้าเธอใช่ไหม!!!
“เอ่อ...” เขาทำหน้าอึกอัก “ไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องนี้ผมจะไม่พูดกับใครเป็นอันขาด”
เคล้ง!!!
มือเรียวที่จับถ้วยชาอยู่ถึงกับไร้เรียวแรงจนเผลอปล่อยถ้วยชาตกพื้น ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วกลับซีดหนักลงกว่าเดิม ชายหนุ่มเจ้าของห้องพักรีบลุกขึ้นมาเพื่อดูอาการของหญิงสาวทว่าเมื่อเห็นมืออีกข้างที่เคยจับชายผ้าห่มขึ้นคลุมอกปล่อยมันร่วงลงมาจนเกือบจะเห็นปานสีเบจบนยอดอกเขาต้องชะงักเท้าทันที
กริ๊งงงงงงง
เสียงโทรศัพท์ในห้องพักดังขึ้นราวกับเป็นเสียงไซเรนช่วยชีวิต
คานันสบถเป็นภาษาบาฮาเนียนก่อนหมุนตัวเดินไปรับสาย เช้านี้เขามีประชุมกับตัวแทนการค้าสาขาในเมืองไทย เขาเกือบลืมไปแล้วถ้าไม่สั่งให้พนักงานของโรงแรมโทรมาเตือนเขา
‘ไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องนี้ผมจะไม่พูดกับใครเป็นอันขาด’
มันหมายความว่าไงนะ!!! เปรมวดีนึกอยากกระโดดตึกให้มันรู้แล้วรู้รอด เมื่อคืนมันต้องเป็นเรื่องเลวร้ายระดับแปดริกเตอร์ก็ได้ โอเค! ผู้ชายอาจไม่คิดอะไรกับเซ็กส์ข้ามคืน โดยเฉพาะผู้หญิงก๋ากั๋นที่ไปเมาหัวราน้ำในผับตามลำพัง แต่ต้องไม่ใช่เธอ!!! และที่สำคัญ เขาคือ ‘คานัน’ องครักษ์ของราเฟย์-สามีของอารยา-เพื่อนรักของเธอ และที่สำคัญที่สุดเขาคือ ‘ผู้ชาย’ สิ่งมีชีวิตที่เธอตั้งใจจะไม่เข้าใกล้อีก!
ขอโทษนะครับ” คานันเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง “ผมมีประชุมด่วนต้องรีบไป ถ้ายังไงจะให้รูมเซอร์วิชขึ้นมาดูแลคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะเชิญตามสบาย” เปรมวดีฝืนยิ้มหวานออกมา
“ครับ”
คานันนึกแปลกใจที่เห็นหญิงสาวยิ้มเป็นปกติราวกับไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใจอะไรเลย หรือว่าเธอจะเคยชินกับการตื่นขึ้นมาด้วยร่างกายเปลือยเปล่าในสถานที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องนอนของตนเอง?!? แล้วไอ้ที่เขากังวลมาตลอดคืนว่าจะอธิบายให้เธอเข้าใจยังไงดีถึงเหตุผลที่ต้องพาเธอมาพักในห้องเขาแบบนี้มันคือความคิดมากของเขาคนเดียวหรือไงนะ
