บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 คนป่วย

เสียงพัดลมเพดานหมุนเอื่อยๆ ในห้องตรวจเล็กๆ ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเล็กๆในจังหวัด ที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่าอนามัย กรวิชญ์นั่งบนเตียงคนไข้ ใบหน้าคมนิ่งเฉยแต่สายตากวาดมองรอบห้องอย่างประเมินสถานการณ์ พยาบาลวัยกลางคนกำลังใช้สำลีเช็ดเลือดที่ขมับเขา ก่อนจะก้มเย็บแผลอย่างใจเย็น

“แผลไม่ลึกมากนะคะ เย็บไม่กี่เข็ม เดี๋ยวก็หาย” พยาบาลประจำสถานพยาบาลพูดเสียงเรียบ พลางหยิบผ้าก๊อซปิดแผลอย่างคล่องแคล่ว

“ศีรษะแตกเล็กน้อย แต่ว่าที่แขนเหมือนจะมีรอยฟกช้ำจากการกระแทก แต่แนะนำให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลนะคะ วันนี้คุณหมอไม่ได้เข้าค่ะฉันคงวินิจฉัยอาการไม่ได้ ทางโรงพยาบาลของจังหวัดเครื่องมือก็น่าจะพร้อมกว่าด้วย” พยาบาลสาวเงยหน้าขึ้นบอก เธอค่อนข้างหนักใจเพราะคนไข้ไม่มีเอกสารติดตัวมา เพราะก่อนทำการรักษาจะต้องลงทะเบียนประวัติ แต่เพราะจรรยาบรรณที่เห็นคนไข้บาดเจ็บ เธอจึงต้องทำแผลให้เขาก่อน

ตุลยาที่ยืนกอดอกอยู่ข้างเตียงเหลือบมองชายหนุ่มอย่างระวัง ไม่วางใจนัก “ส่งตัวไปได้ไหมคะ”

“ปกติถ้ามีเอกสารจะทำเรื่องส่งตัวไปโรงพยาบาลอำเภอให้ตรวจละเอียด แต่กรณีนี้ไม่มีประวัติ ไม่มีชื่อ ไม่มีบัตร ก็ส่งตัวไม่ได้ค่ะ”

“แล้วแบบนี้ เขาจะเป็นโจรหรือเปล่าคะพี่มายด์”คนงานหญิงที่ตามมาด้วยกระซิบเบาๆ

ตุลยาเลิกคิ้ว โจรบ้าอะไรแต่งตัวดีขนาดนี้ เธอเผลอคิดในใจแล้วรีบเบือนหน้าหนี ขณะเดียวกัน กรวิชญ์ที่นั่งฟังอยู่ก็ยกมือแตะขมับตัวเองเบาๆ ทำหน้าครุ่นคิดแบบคนจำอะไรได้เลือนราง

“เมื่อกี้ผมจำได้ลางๆ แล้วครับ เหมือนผมชื่อ วิ… อะไรสักอย่าง” เขาพูดเสียงเหมือนกำลังสับสน ตุลยามองเขาอีกครั้ง แววตาลดความระแวงลงนิดหน่อย แต่ยังไม่ไว้ใจเต็มที่

“ถ้าไม่มีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน หรือเบลอซ้ำ ก็กลับไปพักที่บ้านได้ค่ะ แต่ควรมีคนดูแล ถ้าอาการแปลกๆ ต้องรีบพามา”

กรวิชญ์ยิ้มบางๆ แล้วตอบเสียงนิ่ง “ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ ผมแค่รู้สึกมึนๆ นิดหน่อย”

เจ้าหน้าที่เอาประวัติของตุลยามาเพื่อระบุว่าคนที่เธอพามาเป็นคนของบ้านเลขที่เธอ เพื่อทำประวัติเอาไว้ชั่วคราว เขาชะโงกมองดูชื่อและประวัติของเธอ ก่อนจะนิ่งไปเล็กน้อย เมื่อพบว่าหญิงสาวที่ดูทะมัดทะแมงตรงหน้าอายุมากกว่าตนหนึ่งปี

หลังจากที่เธอจ่ายค่ารักษาก็พาเขากลับ ตุลยานั่งหน้าคู่กับนรี เบาะหลังคือไก่โต้งที่นั่งข้างกรวิชญ์

“ขอบคุณนะครับ พี่สาว” เขาพูดกับตุลยา

“อย่ามาเรียกพี่สาว ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้น” เธอถอนหายใจแรง พูดเสียงห้วน

“ผมเห็นในประวัติ พี่สาวอายุมากกว่าผมหนึ่งปีนะ ไม่ให้เรียกพี่แล้วให้ผมเรียกอะไรล่ะครับ พี่สาว” เขาเลิกคิ้ว ทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจอย่างตั้งใจ

“อย่ามาย้ำอีกนะ” เธอตวาดใส่เขา สีหน้าเริ่มแดงด้วยความหงุดหงิด ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่และเขากำลังป่วยจะตีปากเขาเข้าให้

รถกระบะสี่ประตูสีขาวมุกจอดที่หน้าบ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ท้ายสวน เป็นบ้านชั้นเดียวที่สร้างโดดเด่นในทรงโมเดิร์น หน้าต่างมีกรงอัลลอยด์ติดแน่นหนา

“นี่บ้านฉัน” เสียงเรียบๆ ของตุลยาดังขึ้นข้างหลัง

เขาหันไปมองเธอที่ยืนเท้าเอวมองเขาอยู่ ดวงตาคมของเขากวาดมองตัวบ้านอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มติดอ้อน

“อยู่หลังนี้ก็ดีสิครับ ให้ผมอยู่ห้องไหนดี”

ตุลยาขมวดคิ้ว “ฝันไปเถอะนาย” นี่บ้านฉัน

“ก็ผมเพิ่งหัวแตกมา ต้องมีคนดูแล” เขายื่นเหตุผลเสียงนุ่มอย่างคนพยายามต่อรอง

เธอปรายตามองเขาแบบไม่เชื่อสักคำ

“ไม่ต้องมาอ้าง เจ็บหัวใช่ว่าจะมาหลอกให้ฉันดูแลได้นะ” จากนั้นเธอชี้ไปทางอีกด้าน เป็นห้องแถวไม้เรียงรายกันประมาณห้าห้อง ยังดูใหม่และดูสะอาดพอใช้ได้

“นั่น บ้านพักคนงานของฉัน นายไปอยู่ตรงนั้น ไก่โต้งให้นายคนนี้นอนกับนายนะ รับหน้าที่ดูแลชั่วคราว แผลหายเมื่อไหร่ก็ค่อยไปส่งเขาที่สถานีตำรวจ”

“ครับพี่มายด์” ชายหนุ่มวัยสิบเก้าที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาคนงานรับปากเสียงดัง

ทันทีที่เขาหันไปเห็นภาพตรงหน้า มุมปากที่เคยยิ้มค่อยๆ ตกลง สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนเหมือนคนเพิ่งถูกตัดสินจำคุก

“พี่สาวให้ผมไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ เหรอครับ”

“ใช่สิ” เธอตอบ พลางถอนใจที่เขายังเรียกเธอแบบนี้

“มันเล็กจัง”

“ก็บ้านของคนงาน มันไม่ใช่รีสอร์ตห้าดาวนะคุณ หรืออยากกลับไปนอนข้างทาง” เธอพูดห้วนๆ แล้วตวัดตามองเขา

“งั้นผมไปอยู่กับไก่โต้งก็ได้ครับ” กรวิชญ์กลั้นเสียงหัวเราะขื่นๆ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ น้ำเสียงเหมือนยอมจำนนแต่สายตายังไม่ยอมแพ้

ตุลยาหันไปเรียกคนงานชายวัยกลางคนที่เป็นพ่อแท้ๆของไก่โต้งกับนรี

“น้าดำ ฝากดูแลด้วยนะคะ”

“ได้เลยครับคุณมายด์” ดำเกิงรับปาก แล้วพยักหน้าให้ไก่โต้งพาเขากลับไปพักผ่อนในห้อง

กรวิชญ์เข้าไปในห้องไม้แคบๆ ที่มีเตียงเก่าๆ ตู้เสื้อผ้าและพัดลมตัวหนึ่ง เขาเดินสำรวจไปรอบๆ แล้วถอนหายใจยาว ห้องนี้มีขนาดเท่าห้องแต่งตัวของเขาห้องหนึ่งเท่านั้น

“ที่นี่มีคนงานในสวนหกคน สามคนพักอยู่ที่นี่ คือผม กับพ่อ น้าดำที่พี่มายด์เรียกนั่นแหละ แล้วก็พี่โขง แต่ถ้านับแม่กับน้องสาวผมก็ห้าคน แม่พักห้องข้างๆกับพ่อ ส่วนนรีพักอยู่ในบ้านกับพี่มายด์”

“อ้าว งั้นก็มีห้องว่างน่ะสิ” เขาถามเพราะถ้าจะให้อยู่แบบนี้ก็อยากนอนคนเดียวมากกว่า

“จริงๆมีห้องว่างอยู่นะ แต่พี่มายด์อยากให้พี่มีคนดูแลน่ะเลยให้อยู่กับผม ห้องน้ำรวมอยู่นู่นมีสองห้อง ห้องครัวด้านนอกใช้ส่วนรวม” ไก่โต้งอธิบายต่อ

กรวิชญ์หันมองทางห้องน้ำรวมที่มีประตูไม้ แล้วคิ้วกระตุกเบาๆ แม้จะทำหน้าเซ็ง แต่สายตาคมก็ยังเหลือบมองไปทางบ้านหลังเล็กของตุลยาอยู่ดี เหมือนนักล่าที่เล็งเป้าหมายไว้แล้ว

“อายุมากกว่าไม่ใช่สเปก แต่ว่าทำไมนะผมถึงรู้สึกสนใจคุณจังเลย พี่สาว” เขากระซิบเบาๆ กับตัวเอง

//////////

เสียงจิ้งหรีดร้องระงมใต้พุ่มมะพร้าวดังแทรกบรรยากาศยามเย็น ลมพัดมาเบาๆ ช่วยให้ความร้อนของวันจางหายไปบ้าง

ลานกว้างหน้าห้องพักคนงานมีโต๊ะไม้เตี้ยๆ ตัวหนึ่งตั้งอยู่ ตรงกลางโต๊ะวางถ้วยจานเรียบง่าย แกงจืดหมูสับ ผัดผักบุ้งจานใหญ่ ปลาทูทอดสองตัว และน้ำพริกกะปิ กลิ่นหอมแบบบ้านๆ ลอยอบอวล

“พี่ชายมานั่งกินข้าวด้วยกันสิ” เสียงของไก่โต้ง หนุ่มคนงานผิวแทน รูปร่างล่ำ ตะโกนเรียกเสียงดังอย่างกันเอง

กรวิชญ์ ก้าวออกมาจากห้องเล็กๆ เสื้อยืดธรรมดาที่เขาใส่แทบไม่ช่วยกลบความหล่อของใบหน้า เขาเดินมาถึงแล้วยกคิ้วมองโต๊ะไม้แบบงงๆ

“จะยืนหล่ออยู่นั่นอีกนานไหม มานั่งสิ” ดำเกิงหัวเราะแล้วตบพื้นข้างตัวเป็นเชิงให้เขานั่ง

กรวิชญ์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้เสียงดังเอี๊ยด มองอาหารตรงหน้าเงียบๆ

“กินได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ” ละไมแม่ของไก่โต้งพูดพลางตักข้าวให้

ชายหนุ่มหยิบช้อนขึ้นมา มองอาหารตรงหน้าราวกับกำลังพิจารณาเมนูในภัตตาคารหรูในใจ เขาไม่ได้คิดว่าอาหารแย่ แค่บรรยากาศและสถานที่ไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยชิน

‘อย่างน้อยก็อาหารกลางๆ ไม่ใช่อาหารใต้เผ็ดๆ เราน่าจะกินได้’ เขาคิดในใจพลางตักข้าวเข้าปากคำแรก แกงจืดรสชาติกลางๆ ถือว่าดีเลยทีเดียว ส่วนน้ำพริกกะปิรสเค็มนิด เผ็ดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้แย่เลย

“อร่อยใช่ไหมล่ะ แกงจืดของพี่มายด์นั่นแหละ ส่วนปลาทูกับน้ำพริกแม่ผมตำเอง หรอยแรง” ไก่โต้งพูดอย่างภาคภูมิใจ

“แกงจืดนี่ทำให้ฉันเหรอ” กรวิชญ์ชะงักช้อนนิดๆ

“ใช่ พี่มายด์ลงครัวเองเลยนะ ปกติแม่ชอบทำอาหารรสจัดน่ะ เธอกลัวว่าพี่จะกินอาหารใต้ไม่เป็นน่ะเลยทำมาให้” ไก่โต้งยิ้มจนฟันขาว

กรวิชญ์หลุบตาลงมองข้าวในจาน สายตาเผลอเหลือบไปทางบ้านหลังเล็ก พร้อมมองอย่างครุ่นคิด ความท้าทายในใจเริ่มวิ่งวุ่น อยากเอาชนะใจเธอเหลือเกิน

“ทำหน้าอะไรของพี่น่ะ” ไก่โต้งถามเสียงดัง

“เปล่า” เขาตอบเสียงเรียบ แต่ดวงตาคมเป็นประกายวาววับจนน่าสงสัย

“อย่าคิดฝันนะ บ้านนั้นไม่มีผู้ชายคนไหนได้เข้าไปง่ายๆ หรอก พี่มายด์เขาไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปหรอกนะ”

“ยังโสดเหรอ พี่มายด์ของนายน่ะ” กรวิชญ์เลิกคิ้วขึ้น

“กินเถอะ อย่าถามในสิ่งที่เกินเอื้อมเลย” ดำเกิงพูดแทรกขึ้นมา กรวิชญ์จึงไม่ได้พูดหรือถามอะไรต่อ เขาตักข้าวเข้าปากอีกคำอย่างใจเย็น พลางยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าของเธอ

************************
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel