บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 เสียงหัวเราะที่ไร้ซึ่งเขาอีกแล้ว

ตอนที่ 3

เสียงหัวเราะที่ไร้ซึ่งเขาอีกแล้ว

เจ็ดวันเต็ม ๆ ได้ผ่านพ้นไปแล้วนับตั้งแต่ ธีร์วัต ปิดประตูบ้านและหายลับไปจากชีวิตของเธออย่างไม่มีแม้แต่คำร่ำลา

อัญพัชร์ ยังคงไม่รู้ว่าเธอควรจะเรียกผู้ชายคนนั้นว่าสามีเก่าที่เพิ่งเซ็นใบหย่ากันหรือผู้ชายที่เธอยังคงรักหมดหัวใจกันแน่ เพราะหัวใจของเธอมันสับสนปนเปไปหมด

แต่สิ่งเดียวที่เธอแน่ใจและเจ็บปวดเหลือเกิน... คือเขาได้ทิ้งเธอและลูกสาวตัวน้อยไว้เบื้องหลังอย่างเลือดเย็น

บ้านสองชั้นสีครีมหลังงามที่เคยอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นและเสียงหัวเราะสดใสของคนสองคนกับอีกหนึ่งชีวิตเล็ก ๆ ที่กำลังจะเกิดมา บัดนี้กลับตกอยู่ในความเงียบงันจนน่าประหลาดใจ เงียบเสียจนแม้แต่เสียงเข็มนาฬิกาที่ตกกระทบพื้นก็ยังดังชัดเจนก้องอยู่ในโสตประสาทของเธอ

โต๊ะกินข้าวไม้สักตัวใหญ่ที่เคยนั่งกันสามคนอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ตอนนี้กลับเหลือเพียงแม่ลูกสองคนที่นั่งเงียบงัน

เตียงคิงไซส์กว้างขวางที่เคยมีอ้อมกอดอบอุ่นของสามีคอยห่อหุ้มเธอไว้ทุกค่ำคืน ตอนนี้กลับอ้างว้างและว่างเปล่า ทำให้เธอต้องขดตัวกลมทุกครั้งที่ล้มตัวลงนอน ราวกับต้องการหาไออุ่นมาปลอบประโลมหัวใจที่เดียวดาย

เธอไม่รู้เลยว่าควรจะบอกกับลูกสาวตัวน้อยอย่างไรดี… เมื่อ น้องอาโป เริ่มส่งเสียงอ้อแอ้ พยายามเปล่งคำคำหนึ่งที่ดังก้องอยู่ในใจของเธอราวกับฟ้าผ่ากลางอก

“ปะป๊า…”

แม้เจ้าตัวเล็กจะยังพูดไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่หัวใจของคนเป็นแม่กลับได้ยินมันดังก้องราวกับเสียงระเบิดที่ดังกัมปนาทอยู่ภายใน

ทุกครั้งที่น้องอาโปเอื้อมมือเล็ก ๆ ป้อม ๆ ออกไปคว้าอากาศอย่างไร้ทิศทาง ราวกับกำลังมองหาใครบางคน อัญพัชร์ก็จะพยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ในดวงตา ก่อนจะก้มลงหอมแก้มนิ่ม ๆ ของลูก พร้อมกับกระซิบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“ปะป๊าไปทำงานไกลจ้ะลูก เดี๋ยวก็กลับมานะคนดี”

ทั้งที่เธอเอง... ก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะกลับมาหรือไม่ หรือคำว่ากลับมาของเธอจะมีความหมายอีกครั้งเมื่อไหร่

ในยามค่ำคืนที่เงียบเหงา อัญพัชร์ใช้เวลาว่างหลังกล่อมลูกสาวให้หลับปุ๋ยไปแล้ว นั่งคำนวณค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในแต่ละวันอย่างละเอียด ใบเสร็จค่าผ้าอ้อมสำเร็จรูป นมผงสำหรับเด็ก และค่ายารักษาอาการแพ้ผิวหนังของลูกเรียงเป็นตับอยู่บนโต๊ะตัวเล็ก ข้างเตียง บัญชีในสมุดฝากเงินของเธอลดลงเรื่อย ๆ อย่างน่าใจหาย เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะปิดไฟลง ล้มตัวลงนอนข้าง ลูกสาวที่หลับพริ้ม และกระซิบเบา ๆ กับตัวเองว่า...

“แม่จะไม่ร้องไห้อีกแล้วนะลูก… แม่สัญญา”

แต่ก็อย่างที่รู้กันดี… คำว่า “จะไม่ร้องไห้” นั้น มักใช้ไม่ได้ผลกับหัวใจที่บอบช้ำและแตกสลายจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

ชีวิตอีกด้านหนึ่ง

ท่ามกลางแสงแดดร้อนแรงเจิดจ้าที่สาดส่องลงมาเหนือไซต์งานก่อสร้างขนาดใหญ่กลางแจ้ง กลิ่นปูนและฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดเก่า ๆ สีซีดจางเปื้อนคราบฝุ่นและเหงื่อไคล กางเกงยีนส์ตัวเก่งมีรอยขาดตรงหัวเข่า กำลังแบกถุงปูนซีเมนต์หนักอึ้งไว้บนบ่า ร่างกายของเขาสั่นไหวเล็กน้อยจากการออกแรง เหงื่อกาฬไหลเป็นสายลงมาจากหน้าผากเปรอะเปื้อน ฝุ่นจับเต็มใบหน้า ผิวพรรณที่เคยเนียนสะอาดเกลี้ยงเกลา บัดนี้กลับหยาบกร้านและคล้ำแดดจากแดดจัดและลมฝนนั่นคือ ธีร์วัต

…อดีตผู้บริหารหนุ่มรูปหล่อที่เคยสวมสูทสั่งการลูกน้องอยู่หลังโต๊ะทำงานในห้องแอร์เย็นฉ่ำของบริษัทใหญ่ ตอนนี้เขาเปลี่ยนชื่อปลอมเป็น “พี่ธีร์” ในหมู่คนงานก่อสร้าง รับงานรายวัน ทำงานแบกหาม ก่ออิฐ ล้างห้องน้ำ ซ่อมฝ้าเพดาน รับจ้างทุกอย่างที่สามารถทำให้เขามีเงินสดติดมือได้ในทันที เขาไม่เคยเกี่ยงงานหนัก งานสกปรก หรือค่าแรงอันน้อยนิด

เขาไม่เหลืออะไรให้ต้องรักษาไว้อีกแล้ว… นอกจากชื่อเสียงของครอบครัวภรรยาเก่าที่เขารักสุดหัวใจ และบ้านหลังเล็กหลังนั้นที่เขาทุ่มเทสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงทั้งหมด

ค่ำวันนั้น ธีร์วัตนั่งอยู่มุมเงามืดของแคมป์พักคนงาน ท่ามกลางความวุ่นวายและเสียงจอแจรอบตัว เขากลับรู้สึกโดดเดี่ยวจนเจ็บปวด เขาเปิดมือถือเครื่องเก่า ๆ ที่หน้าจอมีรอยร้าวขึ้นมาดูภาพพื้นหลังที่เป็นรูปถ่ายของอัญพัชร์กับลูกสาวในวันถ่ายพรีเวดดิ้งเมื่อหลายเดือนก่อน น้องอาโปยังคงอยู่ในท้องของ อัญพัชร์ในตอนนั้น ภาพถ่ายที่อัญพัชร์ยิ้มอ่อนโยนขณะลูบหน้าท้องของตัวเองอย่างทะนุถนอมนั้นช่างเป็นภาพที่สวยงามและแสนอบอุ่น

ธีร์วัตแตะหน้าจอเบา ๆ ราวกับต้องการสัมผัสเธอผ่านรูปภาพ สายตาของเขามืดมัวไปด้วย ความคิดถึงที่ถาโถมเข้ามาจนไม่กล้าแม้แต่จะแสดงออก

“ขอโทษนะอัญ ผมมันไร้ค่าขนาดที่ไม่ควรได้อยู่ข้างคุณ…”

น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นลงพื้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เขาจะกลั้นเอาไว้ได้ เขากัดริมฝีปากแน่นเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึก

เขาไม่ใช่ผู้ชายปากหวาน เขาไม่ใช่คน โรแมนติกที่ชอบแสดงออก แต่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา เขาเก็บทุกหยาดเหงื่อแรงงานและความรักทั้งหมดไว้ในหัวใจเสมอมาอย่างเงียบ ๆ

และตอนนี้… เขาแค่หวังว่าความเงียบงันและการจากไปของเขา จะทำให้อัญพัชร์มีชีวิตที่ดีกว่า มีความสุขกว่า และปลอดภัยจากความล้มเหลวของเขา

อัญพัชร์อุ้มลูกเดินผ่านหน้าบ้านตามปกติ เพื่อนบ้านสองสามคนแอบมองเธอแล้วซุบซิบกัน เบา ๆ แต่คำพูดของพวกเขาชัดเจนแจ่มแจ้งในโสตประสาทของเธอ

“สามีหายไปตั้งแต่คลอดลูก… สงสารแม่ลูกอ่อนนะ”

“นี่เธอว่า เขาอาจจะมีคนอื่นหรือเปล่า?”

คำพูดเหล่านั้นเจ็บปวดราวกับเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจ แต่เธอไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มอ่อน ๆ ให้กับตัวเอง และเดินผ่านพวกเขาไปอย่างเข้มแข็ง

เธอไม่สนใจว่าโลกภายนอกจะพูดถึงเธออย่างไร เธอไม่สนสายตาของใครก็ตามเธอแค่รู้ว่า... เธอต้องเข้มแข็งให้ลูกดูแม้จะไม่มีเขาอีกแล้วในบ้านหลังนี้

แต่เธอจะไม่ยอมให้ลูกขาดความรัก... ความรักจากแม่ที่พร้อมจะมอบให้ลูกสาวตัวน้อยอย่างไม่มีเงื่อนไข

เธอจะลุกขึ้นยืนหยัดอีกครั้ง... ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อ น้องอาโป และเพื่อหัวใจของเธอเองที่จะต้องเข้มแข็งต่อไป

ในยามค่ำคืนอันเงียบสงัด อัญพัชร์เขียนบันทึกเล็ก ๆ ไว้ในสมุดประจำตัวที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง

“วันนี้อาโปยิ้มให้แม่ทั้งวัน...หนูไม่รู้หรอกว่าแม่เหนื่อยแค่ไหนแต่แค่เห็นหนูยิ้ม แม่ก็ลืมความเจ็บปวดทั้งหมดไปแล้ว”

เสียงลูกสาวหายใจแผ่วเบาข้างหมอน เป็นสิ่งเดียวที่ย้ำเตือนเธอว่าแม้เขาจะไม่อยู่...

แต่เธอก็ยังมีใครบางคนให้ลุกขึ้นมารักใน ทุกเช้า ให้เธอมีกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไปในชีวิตที่ปราศจากเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel