ตอนที่ 4 จากลาทั้งที่ยังรัก
รุ่งเช้าอันสดใสช่างต่างจากใจที่หมองหม่น เรือนร่างเล็กผิวพรรณขาวใสหันหน้าเรียวจิ้มลิ้มมองโทรศัพท์ข้างหัวนอนแล้วหยิบมาเปิดหน้าจอลุ้นว่าจะได้เห็นข้อความมอนิ่งในยามเช้าส่งมาให้ ทว่าในช่องสนทนากลับเว้นว่างตั้งแต่ช่วงกลางวันของเมื่อวานกับข้อความสุดท้ายของคนรักส่งมาบอกว่า “พี่ถึงร้านเว็ดดิ้งแล้ว”
ณวราห่อเหี่ยวหมดเรี่ยวแรงกระดิกนิ้วโป้งลังเลจะพิมพ์ข้อความส่งไปหาเขาก่อนแต่ไม่กล้าพอ
ห้องรับประทานอาหารในยามเช้าก่อนออกไปทำงาน
เปรมสินีแต่งหน้าเข้มจัดสวมชุดเรียบหรูจิบกาแฟรอลูก ๆ มารับประทานอาหารเช้าร่วมกัน ณวราเดินหน้าหงอยซีดเซียวไม่สดชื่นเปรมสินีปรายตามองลูกสาวคนเล็กนั่งบนเก้าอี้ข้าง ๆ
“ทะเลาะกับมันมาล่ะสิ”
“นิดหน่อยค่ะ”
“ที่จริงแม่ไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับมันทุกวันสักเท่าไหร่แต่ก็อย่างว่าเงินทุนที่มันจะร่วมด้วยน่าสนใจมากกว่า” เปรมสินีกระตุกยิ้มยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม ณวราถอนหายใจเนือย ๆ
“เก็บอาการหน่อยค่ะคุณแม่ใคร ๆ เขาลือกันว่าคุณแม่ขายลูกสาวกิน”
“แน่นอนสมบัติของแม่คือลูกทั้งสองคน แม่ต้องอุ้มท้องเก้าเดือนกว่าจะคลอดลูกออกมาต้องเสียเลือดเสียเนื้อไปตั้งเท่าไหร่ไหนจะเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนแพง ๆ โปรไฟล์เลิศหรูขนาดนี้แม่ก็ต้องเรียกค่าตัวลูกให้คุ้มกับราคาที่จ่ายไปสิ” เปรมสินียิ้มอ่อนไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของลูกสาวคนเล็ก มิราณีเดินมานั่งฝั่งขวามือของแม่ตรงกันข้ามกับน้องสาวสีหน้าแววตาหม่นหมองมองมาทางเธอ
“ทวงบุญคุณกันแต่เช้าเลยนะคะ”
“สามีตัวดีไปไหน?” เปรมสินีเหล่มองลูกสาวคนโตเล็กน้อย
“นอนอยู่บนห้องค่ะเขาขี้เกียจตื่นเช้า พวกเราทานอาหารเช้ากันได้เลย”
“ทีหลังจะทำอะไรช่วยไปทำที่ห้องนอนไม่ใช่ห้องรับแขก” เปรมสินีพูดขึ้นกลางวงมิราณีหน้าเหวออมยิ้มขำเบา ๆ
“ขอโทษทีค่ะ พอดีงานเร่งทนเดินขึ้นบันไดไม่ไหว”
“อีกหน่อยก็คงทำกันหน้าโถงบ้านไม่ต้องอายใครเลยสิ”
“แหม หน้าหนูก็ยังมียางอยู่นะคะคุณแม่” มิราณีลากเสียงยาวหยอกเย้ากับผู้เป็นแม่แล้วหันมามองน้องสาวที่กำลังมองจ้องเธอคล้ายมีความในใจ
“มองพี่แบบนี้ยังแคลงใจเรื่องเมื่อวานหรือไง”
“ค่ะ มายยังยืนยันว่ามายเห็นจริง” ณวราเอ่ยขึ้นแววตาแข็งยืนยันในความปกติของสายตาตัวเอง
“เลอะเทอะ พี่กับธัสยังมีอะไรกันอยู่พี่จะไปยุ่งกับคนของมายทำไม” มิราณีหัวเราะร่วนพลางเปิดปกคอเสื้อให้น้องสาวดูบนคอเรียวมีรอยดูดแดงหลายจ้ำ เปรมสินีนิ่วหน้ามองลูกสาวคนโตขิงน้องสาว
“...........” ณวรานั่งจ้องมองนิ่งพลางครุ่นคิดหนัก
“คิณเคยผิดหวังในตัวพี่มาแล้ว มายจะซ้ำเติมให้เขาผิดหวังในตัวมายอีกเหรอ น่าสงสารเขาอยู่นะ” มิราณีมองสบตาน้องสาวพร้อมให้จับผิดแต่พี่ก็ไม่เผยพิรุธใด ๆ ออกมายิ่งทำให้เธอสับสนเผลอคิดไปว่าตัวเองอาจจะฝันไปจริง ๆ
ช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไปแต่ละชั่วโมง
ณวรากระวนกระวายใจกับความเงียบผิดปกติของชายคนรักหรือเมื่อวานที่เขาพูดว่าเลิกกันจะหมายความว่าเลิกกันตั้งแต่ตอนนั้นโดยที่เธอไม่รู้ตัว
ตลอดทั้งวันที่เขาหายหน้า ณวราพยายามโทรติดต่อและส่งข้อความไปหาซึ่งไร้การตอบกลับจึงเลือกโทรศัพท์ไปหาเลขาของเขา
“ขอสายพี่คิณหน่อยค่ะ”
“ขออภัยนะคะ คุณคิณแจ้งว่าไม่รับสายของคุณมายค่ะ” สิ้นเสียงเลขาทางปลายสาย หน้าสวยซีดเผือดใจดวงน้อยหวิววาบสั่น ๆ มือไม้เย็นเฉียบชักกลัวว่าเขาจะโกรธและไม่ให้อภัยและเลือกจากลาทั้งที่เธอยังรักเขา……
สิรินเลขาสาวสวยหน้าห้องวางโทรศัพท์ลงเบา ๆ ยิ้มกรุ้มกริ่มพึงพอใจเพราะไม่ชอบยัยคุณหนูที่มาแย่งเจ้านายหนุ่มหล่อที่เธออุตส่าห์เฝ้าดูแลมานับปีแต่ถูกตัดหน้าแย่งไปภายในเวลาแค่สามเดือนอย่างหน้าด้าน ๆ
อคิณเปิดประตูห้องเดินออกมาจากห้องทำงาน สิรินรีบลุกขึ้นยกมือไหว้เจ้านายที่กำลังจะกลับบ้านหลังเลิกงาน
“เมื่อสักครู่คุณมายโทรมาค่ะ”
“อื้ม กำชับรปภ.แล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยค่ะ สิรินแจ้งประชาสัมพันธ์ด้วยว่าถ้าคุณมาห้ามให้ขึ้นออฟฟิศเด็ดขาด”
“ดี” เสียงทุ้มกดต่ำกำลังจะก้าวเดินไป
“สิรินไปนวดคลายเครียดให้ดีไหมคะ” สิรินรีบเอ่ยถามตามหลังเผื่อมีโอกาสได้ใกล้ชิดอีกครั้งหลังจากถูกเขาผลักไสเพราะเจอคนใหม่
“อย่าเสนอตัว ผมกำลังจะแต่งงาน”
“บล็อกทุกช่องทางขนาดนี้ จะแต่งงานกันแน่ใช่ไหมคะ?”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ” เสียงทุ้มเข้มดุจ้องตาเขม็งไม่พอใจเลขาไม่มีกาลเทศะ สิรินรีบขอโทษก้มหน้าลงต่ำกัดปากขบเคี้ยวไปมาคิดว่าเขามีปัญหากับคนรักแล้วเธอจะแทรกแซงได้แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น
