บทย่อ
แนะนำตัวละคร มาย ณวรา (นางเอกชอบพระเอกตั้งแต่ตอนเป็นแฟนของพี่สาวและเมื่อเขาอยากสานต่อกับเธอ ๆ จึงตอบรับและไม่รู้ว่ามันคือเกม) “พี่อยากรักกับพี่มิว แล้วมายกับลูกล่ะ” “ตอนมีอะไรกับมาย พี่นึกถึงหน้าใคร?” อคิณ (พระเอกเลวยังรักพี่แต่แต่งงานกับน้องของคนรัก) “พี่ยังรักมิว อยากมีครอบครัวร่วมกันอย่างที่เคยหวังไว้ตอนวัยรุ่น พี่ขอโทษนะที่พลาดทำมายท้องทั้งที่ยังรักมิว” มิว มิราณี (พี่สาวที่ถูกบีบบังคับตามคำสั่งแม่เสียสละเพื่อครอบครัวจนถึงวันที่อยากเห็นแก่ตัวบ้าง) “คิณยังรักและอยากอยู่กับพี่ เมื่อไหร่ที่พี่หย่ากับเมธ คิณจะหย่ากับมายด้วย ถึงเวลานั้นพี่ขอร้องอย่าหน้าทนยื้อคนรักของพี่ไว้” เมธัส เมธ (ถูกจับแต่งงานกับภรรยาที่ไม่รักเพราะรักน้องสาวของภรรยาแต่ครอบครัวบังคับเพื่อผลประโยชน์) “ใช่ผมอยากได้น้องเมีย! เสียดายเมื่อเจ็ดปีก่อนมายยังเด็กเกินไปครอบครัวก็ยัดเยียดคุณให้ผม ไม่งั้นป่านนี้ผมได้แต่งงานกับน้องคุณไปแล้ว รู้ไว้ด้วยว่าผมรักมายไม่ใช่คุณ!”
ตอนที่ 1 ฝืนทนไม่รู้สึกไม่ไหว
เกริ่นนำ
“พูดมาว่าสิไม่ได้รักมิวแล้ว พูด!”
“ไม่...”
“มองหน้ามิว อย่าหลบตา” น้ำใสร่วงเผาะราวกับสั่งได้ริมฝีปากสั่นระริกมองชายคนรักตรงหน้าหลบเลี่ยงไม่กล้าเผชิญหน้ากับคำพูดโกหกที่เขาเอ่ยออกมาซึ่งเธอรู้ดีว่ามันไม่จริง อคิณขบกรามแน่นสูดลมหายใจเข้าลึกค่อย ๆ เงยมองสบดวงตาหมองเศร้าของคนรักเก่าเพียงเท่านั้นหัวใจก็สั่นไหวโผเข้าหารวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัวมิราณีรู้ตัวอีกทีริมฝีปากอุ่นก็ครอบครองระดมจูบสอดแทรกเข้าในความนุ่มของริมฝีปากอมชมพูและด้วยใจที่ยังรักต้องการเขาอย่างมากมายทำให้เธอจูบตอบชายคนรักอย่างเร่าร้อนดื่มด่ำไปกับช่วงวินาทีแห่งความสุขเพียงชั่วพริบตาไม่หลงเหลือความยับยั้งชั่งใจว่าชายคนนี้กำลังจะแต่งงานกับน้องสาวสุดที่รักของเธอ
ภายในห้องแต่งตัวระอุด้วยถ่านไฟเก่าที่กำลังคุกรุ่นในใจของคนสองคนรักกันปานจะกลืน มันเฉือนใจหญิงสาวแสนสวยสวมชุดเจ้าสาวให้แหลกสลาย มือเรียวกำกระโปรงเจ้าสาวสีขาวสะอาดเนื้อตัวสั่นเทาน้ำตารินไหลอาบหน้าสวยที่ถูกแต่งเติมเพื่อถ่ายภาพเว็ดดิ้งกับว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งเวลานี้กำลังมีความสุขกับคนที่เขาต้องการเธอกลายเป็นส่วนเกินแบบไม่ทันตั้งตัว มือเรียวเย็นเฉียบชาไปทั่วแผ่นหลังกลั้นเสียงสะอื้นไม่กล้าพอที่จะเข้าไปโวยวายคนทรยศทั้งสองซึ่งเป็นว่าที่เจ้าบ่าวและพี่สาวที่เธอรักสุดหัวใจ……..
ตอนที่ 1 ฝืนทนไม่รู้สึกไม่ไหว
คิ้วเรียวขมวดเครียดกระสับกระส่ายก่อนจะสะดุ้งเฮือกตาเบิกกว้างเหงื่อซึมไรผมหน้าสวยยังคงสะลึมสะลือเหลือบมองตามน้ำเสียงและกลิ่นกายหอมที่คุ้นเคย
“เฮ้อ โล่งอกไปที” อคิณถอนหายใจยาวพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าคมเข้มเมื่อมองเธออย่างเช่นทุกครั้ง
“......” ณวราหน้าซีดแต่ยังคงความสวยของใบหน้ารูปไข่ขาวเนียนจมูกโด่งสันดวงตากลมโตที่กำลังเหล่มองเขานิ่ง ๆ ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตาเริ่มเอ่อขอบเบ้าริมฝีปากบางสั่นระริก
“รบกวนแจ้งรถพยาบาลว่าไม่ต้องมาแล้วนะครับ” อคิณหันไปบอกพนักงานที่คอยดูอยู่ไม่ห่างก่อนจะหันมายิ้มหวานลูบผมเธออย่างอ่อนโยน
“ไหวไหมคนเก่ง พี่บอกแล้วให้กินข้าวก่อนลองชุดไง เนี่ยหิวจนเป็นลมเลย”
“มายเห็น....” เสียงหวานสั่นเครือเหลือบมองไปทางพนักงานสื่อให้เขารู้ว่าเธอต้องการความเป็นส่วนตัว อคิณนิ่วหน้าสงสัยหันไปบอกพนักงานให้ออกไปข้างนอกเมื่อในห้องปลอดคนเหลือเพียงว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาวที่ยังสวมชุดแต่งงานสีขาวสะอาดฟูฟ่องนอนอยู่บนโซฟากำมะหยี่เรียบหรู
“มายเห็นพี่จูบกับพี่มิวในห้องลองชุด” เสียงสั่นกล้ำกลืนฝืนพูดในสิ่งทำร้ายความรู้สึกให้เจ็บหน่วง
“ฮะ! คิดอะไรเป็นตุเป็นตะพี่อยู่ในห้องลองชุดคนเดียว” เขาหลุดขำแววตายิ้มไม่มีวี่แววเครียดกับคำพูดของเธอ
“มายเห็นจริง ๆ พี่กอดจูบกันตั้งนานมายยืนมองอยู่พวกพี่ยังไม่รู้ตัวเลย!”
“พี่ขอยืนยันว่าอยู่ในห้องนั้นคนเดียว” เสียงทุ้มกดต่ำชักไม่ขำเพราะสีหน้าจริงจังที่จ้องมองเขาอย่างดุดัน
“ทำหน้าดุใส่พี่อีก พี่ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่มายพูดเลยสักนิด”
“ไม่จริง!”
“เรากำลังจะแต่งงานกันแล้วนะมายถ้าไม่เชื่อใจกันแบบนี้จะอยู่ด้วยกันได้ยังไง” กายหนาถอนหายใจยาวเหนื่อยที่จะพูดซ้ำ ๆ ณวราเม้มปากขบแน่นกำมือเกร็งแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่งมองเคือง
“มาย” เปรมสินีเปิดประตูห้องแล้วรีบปรี่เข้ามาหาลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
“คุณแม่”
“เป็นยังไงบ้าง พนักงานโทรไปบอกแม่ว่ามายเป็นลมแม่กับพี่มิวเลยรีบมาหา” เปรมสินีนั่งลงข้าง ๆ แล้วลูบผมลูกสาวคนเล็กแผ่วเบา
“ดีขึ้นแล้วค่ะ” ณวราก้มหน้าเศร้าอึกอักจะร้องไห้ก่อนจะเห็นพี่สาวเดินตามเข้ามาอย่างเชื่องช้า
“คุณแม่มากับพี่มิวเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ แม่รู้เรื่องเราเลยชวนพี่เขามาด้วย”
“ทำไมมองหน้าพี่แปลก ๆ” มิราณีกอดอกมองน้องสาวที่เงยมองเธอตาแข็งแบบที่ไม่เคยมาก่อน ณวราขมวดคิ้วหน้าตึงหันไปหาว่าที่เจ้าบ่าว
“มายเป็นลมนานไหมคะ?”
“ประมาณยี่สิบนาที”
“บอกทางร้านว่ามายขอดูกล้องวงจรปิดตอนที่เป็นลมหน่อย”
“จะดูกล้องวงจรปิดทำไมเหรอ?” เปรมสินีเอ่ยถามสงสัย
“มายเห็นพี่มิวจูบกับพี่คิณในห้องลองชุดค่ะ” ณวราพูดโพล่งของมาตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมพลางมองว่าที่สามีกับพี่สาวตัวเองอย่างขุ่นเคือง ทว่าทุกคนในห้องกลับหน้าเหวอตกใจไปตาม ๆ กัน
“มันจะเป็นไปได้ยังไงก็พี่เขาพึ่งมาถึงที่นี่พร้อมแม่”
“แต่มายเห็นจริง ๆ นะคะ”
“ระแวงมากไปจนจินตนาการไปเองหรือเปล่า” มิราณีส่ายหน้าเอือมระอาน้องสาวจ้องหาเรื่อง
“เพื่อความสบายใจของมายให้มายได้ดูกล้อวงจรปิดเถอะครับ” อคิณแทรกขึ้นเสียงแผ่วผิดหวังที่คนรักไม่ไว้ใจในตัวเขา ณวราหน้าเสียแววตาสับสนแต่ยังยืนยันที่จะขอดูภาพในกล้องวงจรปิดเพื่อความกระจ่าง
พนักงานนำโน้ตบุ๊คมาเปิดบันทึกในกล้องวงจรปิดให้ทุกคนดูทั้งก่อนหน้าที่ไม่มีใครเข้าไปในห้องลองชุดนอกจากอคิณและช่วงเวลาที่ณวราเดินมายังไม่ทันจะถึงประตูห้องเธอก็โอนเอนแล้วขาพับร่วงลงสลบบนพื้นร้าน
“มายยังเดินไปไม่ถึงห้องลองชุดด้วยซ้ำ” อคิณกดเสียงต่ำเคืองว่าที่เจ้าสาวที่ไม่ไว้ใจ ณวรากัดริมฝีปากหน้าเครียดเธอจำได้แม่นว่าเดินไปผลักประตูเล็กน้อยแล้วยืนมองถ่านไฟเก่าลุกโชนอยู่ในห้องนั้น แต่ในวิดีโอกลับกลายเป็นว่าเธอเดินไปไม่ถึงห้องนั้นด้วยซ้ำ
“แม่เตือนแล้วใช่ไหมถ้าอยากแต่งงานกับแฟนเก่าของพี่ มายจะต้องอยู่กับความหวาดระแวงกลัวเขายังรักกันและอาจสานต่อความสัมพันธ์ลับหลังตัวเอง ในเมื่ออยากได้เขามาทำสามีนักมายก็ต้องเชื่อใจเขาไม่ใช่มานั่งจิตตกคิดฟุ้งซ่านจับผิดว่าที่สามีกับพี่สาวตัวเอง” เปรมสินีพร่ำบ่นพลางมองตำหนิลูกสาวที่หาเรื่องใส่ตัวผู้ชายมีมากมายให้เลือกดันเลือกอดีตคนรักของพี่สาวตัวเอง
“.........” แววตาสวยสั่นไหวหน้าเบะจะร้องไห้ไปพร้อม ๆ กับจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊คมองนาฬิกาที่บันทึกไว้ไม่มีช่วงไหนขาดหายไปทั้งที่เธอมั่นใจว่ามันจริงไม่ได้คิดไปเองหรือแค่ฝัน
“น่าจะหลอนไปเองแล้วโยนบาปมาให้พี่” มิราณีเหลือบมองบนอย่างหงุดหงิด
“มายไม่ได้หลอนมายเห็นจริง ๆ” หน้าสวยเงยมองเสียงแข็งโมโหที่ถูกมองเหมือนคนเป็นโรคประสาท
“แล้วยังไงล่ะ ถ้าคิดว่าคิณจูบกับพี่แล้วมายจะไม่แต่งงานกับเขาหรือไง”
“ค่ะ มายจะไม่แต่งงานกับพี่คิณ!”
“มาย...จะตัดสินพี่ทั้งที่พี่ไม่ได้ทำอะไร มันยุติธรรมกับคนที่รักมายแล้วเหรอ” เขาเสียงแผ่วส่งสายตาตัดพ้อและผิดหวัง
“มายขอโทษ มายเคยคิดว่าทนกับความหวาดระแวงได้แต่สิ่งที่เห็นวันนี้มันทำให้รู้ว่าฝืนทนไม่รู้สึกไม่ไหว” เสียงหวานสั่นเครือรู้สึกผิดและสับสนกดดันกับการตัดสินใจจนเวียนหัวคลื่นไส้อยากจะอ้วกเพราะเครียดจัด
“ไร้สาระกันไปใหญ่แล้วตอนอยากแต่งงานกันก็อ้อนวอนขอกับแม่ว่าจะแต่งงานให้ได้พอตอนนี้แจกการ์ดเชิญไปหมดแล้ว จะมางี่เง่าไม่แต่งงานกันซะอย่างนั้น ทำตัวเป็นเด็กเล่นขายของกันไปได้!”
“แต่มาย...”
“หยุดร้องไห้แล้วตั้งสติ โต ๆ กันแล้วอย่าทำให้แม่เสียหน้าเสียเครดิตเพราะเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ มันน่าอายเข้าใจไหม!” เปรมสินีนิ่วหน้าดุรำคาญเต็มทน ณวราก้มหน้างุดน้ำตาไหลสะอื้นจนตัวสั่น
“พี่กับคิณจบกันไปแล้วมายไม่ต้องระแวงกังวลอะไรทั้งนั้น ถึงยังไงคิณก็รักมายไม่งั้นคงไม่ยอมร่วมลงทุนธุรกิจและฝ่าด่านคุณแม่เพื่อมาขอมายแต่งงานหรอก ถ้ามายยกเลิกการแต่งงานคนที่เสียใจที่สุดก็คิณ” มิราณีเสียงอ่อนแววตาหม่นเศร้าชายตามองไปยังอดีตชายคนรักที่กำลังจะกลายมาเป็นว่าที่น้องเขยอย่างกล้ำกลืน อคิณนั่งลงคุกเข่าลูบหลังปลอบโยนว่าที่เจ้าสาวที่กำลังโศกเศร้าแล้วเงยมองเขาเชื่องช้าสับสนกับเรื่องที่เจอแต่ไม่เคยรักเขาน้อยลง
อคิณแววตาสั่นไหวฝืนยิ้มให้เธอแล้วค่อย ๆ เกลี่ยนิ้วเช็ดน้ำตาบนแก้มเนียนแผ่วเบาก่อนที่ตัวเองจะน้ำตาร่วงแล้วรีบเบือนหน้าหนีเช็ดน้ำตาของตัวเอง ยิ่งเห็นอย่างนั้นณวรารีบประคองแก้มสากให้หันกลับมาหาแล้วเช็ดน้ำตาให้กับเขาเมื่อเห็นสายตาอ่อนไหวของเขาแล้วเธอยิ่งรู้สึกเศร้าที่ทำตัวงี่เง่าไม่เชื่อใจคนรักทำให้เขาเสียใจ
เปรมสินีกับมิราณีมองทั้งสองคนเห็นอกเห็นใจปลอบประโลมซึ่งกันและกันอย่างนุ่มนวลคล้ายโลกมีเพียงเราสองอย่างเบื่อหน่ายแล้วสบตากันคล้ายมีอะไรในใจ

