ตอนที่ 3 หลงคิดว่ารัก
มิราณีเชิดหน้าขึ้นสีหน้าเรียบนิ่งคล้ายจะใจเย็น ทว่าความจริงเธอกำลังคุกรุ่นสามีชอบกวนประสาทยียวนจนน่าฟาดหน้าแรง ๆ
“เว้นมายไว้สักคนเถอะ”
“ทำไมล่ะ ผมก็ทำเหมือนมิวไงอยากได้น้องเขยจนตัวสั่นคันซะเหลือเกิน”
“อย่าหยาบคายกับมิวเหมือนที่พูดกับผู้หญิงที่ธัสซื้อกิน”
“อ๋อ ลืมไปว่ามีเมียสืบสกุลขุนนาง นามสกุลเก่าแก่ค้ำคอเชิดเป็นอย่างเดียว แต่ก็ยังลดตัวมามีผัวเป็นลูกเจ๊กเพราะหิวเงิน เฮอะ ขำดีวะ” เมธัสยิ้มเยาะแววตาเป็นประกายหยอกให้ภรรยาเถียงรู้สึกว่ามันสนุกและท้าทายเพราะไม่ค่อยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับลูกเจ้าสัวอย่างเขาได้เท่าเธอ
“ก็ใช่ไง ถ้าไม่รวยแม้แต่ขาอ่อนของมิว ธัสก็ไม่มีทางไม่ได้เห็น”
“เห็นแล้วก็งั้น ๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ”
“อ๋อเหรอ แล้วตอนหลังจากคืนเข้าหอรั้งมิวไว้ในห้องเป็นเดือน ชิมมิวแล้วชิมมิวอีกปากก็พร่ำบ่นว่าหลงนักหลงหนา เขาคนนั้นเป็นใครกันน้า.....” ริมฝีปากยกยิ้มลอยหน้าภูมิใจในความสาวสวยแซ่บทำให้สามีหลงคลั่งไคล้ในตัวเธอ
“ตอนนั้นผมอยากทำลูกตามที่ป๊าต้องการจะได้เอาเงินรางวัลจากป๊ามาถลุงให้สาว ๆ สวย ๆ ปรนเปรอ แต่ตอนนี้ก็ดีใจนะที่ลูกเลือกไม่ให้มิวเป็นแม่ ถ้าเด็กต้องเกิดมาเจอพ่อแม่กัดกันทุกวันคงมีปมด้อยน่าดู” เขาขำในลำคอสีหน้าแววตาซุกซนกวาดสายตามองเรือนร่างภรรยาที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมเพียงเท่านั้นก็ใจสั่น
“ไม่มีน้ำยาเองทำมาเป็นพูดเยอะกลบเกลื่อนความอ่อนด้อยไร้สมรรถภาพทางเพศของตัวเอง มิวชักสงสัยแล้วสิไอ้ที่บอกว่าออกไปซื้อกินหรือหาที่ลงเนี่ย นกกระจอกมันกินน้ำบ้างหรือเปล่าหรือว่าคอตกเหี่ยวเฉาก่อนถึงบ่อ” สายตาสวยจ้องมองเป้ากางเกงตุงของสามีแล้วหัวเราะเยาะเย้ย เมธัสก้มมองเป้าแล้วรีบเอามือปิดเป้าตุงขบเคี้ยวเลี้ยวฟันฉุนภรรยาตัวแสบ
“มันยังกินน้ำอยู่โว้ย ! ที่เอากันแล้วไม่ท้องเพราะน้ำเชื้อผมมีระดับยอมฝ่อตายก่อนที่จะเกิดเป็นลูกมิว”
“หูย พูดความจริงหน่อยทำเป็นโมโห....อ่อนเกิน” มิราณีเบะปากเหยียดสะบัดหน้าหันหลังใส่ไม่แยแส เมธัสจ้องมองขึงขังขมวดคิ้วเคืองที่ถูกสบประมาทจึงเดินไปตามคว้าข้อมือภรรยาไว้แน่น
“อย่ามาจับ!”
“ไปดูกันหน่อยว่านกกระจอกมันปึ๋งปั๋งอยู่ไหม”
“ไม่ได้อยากเห็น ปล่อย!”
“ไม่ได้ให้เห็นแต่จะเอาเข้าใปเทส” หน้าหล่อยกยิ้มแววตาแพรวพราวต่างจากสายตาเขม็งของมิราณี
“ไม่! มิวไม่อยากติดโรคทางเพศสัมพันธ์จากความแรดของธัส” หน้าสวยตื่นตระหนกยื้อตัวไว้ไม่ไปตามแรงฉุดดึงของสามีแต่คนดื้อดึงก็ไม่ฟังเสียงโอบล้อมกายภรรยาหิ้วเธอเข้าไปในห้องรับแขกมืดสนิทร่วมกัน....
ห้องนอนสีครีมตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีขาวจัดวางเข้ามุมอย่างเป็นระเบียบเสียงสายน้ำฝักบัวกระทบพื้นภายในห้องน้ำต่อเนื่องนานเกือบครึ่งชั่วโมงไอน้ำอุ่นเกาะบนกระจกแยกห้องน้ำขึ้นเป็นฝ้า ณวรายืนก้มหน้าให้สายน้ำไหลผ่านร่างกายอยู่เนิ่นนานหวังชะล้างความคิดตัวเองให้ตกผลึกกับการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือการแต่งงานกับชายคนรักทั้งที่ยังหวาดระแวง หากเลือกยอมปล่อยมือจากชายคนรักเธอคงขาดใจกับการทนโหยหาอ้อมกอดของเขาที่เฝ้าฝันมานาน
กายบางถอนหายใจเครียดค่อย ๆ เงยใบหน้าสวยใสแม้ไร้เครื่องสำอางแต่งเติมขึ้นรับสายน้ำพร้อมกับน้ำตาที่กำลังไหลรินชโลมใจนึกถึงคำพูดตัดเยื่อใยและสีหน้าแววตาของว่าที่สามีก่อนแยกย้ายกลับบ้าน
ย้อนไปเมื่อหัวค่ำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“มายอยากขอเลื่อนงานแต่งงานของเราออกไปก่อนนะคะ”
“พี่ไม่รู้ว่าทำไมมายถึงคิดว่าพี่จูบกับมิวทั้งที่พี่เกลียดมิวแทบไม่อยากมองหน้า แต่ไม่ว่าเพราะอะไรเราสองคนก็ไม่ต้องเลื่อนงานแต่งงานให้ยุ่งยากหรอกยกเลิกไปเลยง่ายกว่า ในเมื่อไม่มีความเชื่อใจกันจะสร้างครอบครัวได้ยังไงถ้ามีแต่พี่ที่รักและเชื่อใจบนความหวาดระแวงของเมียที่รักพี่ไม่มากพอที่จะเชื่อความซื่อสัตย์ของพี่” อคิณตัดพ้อแววตาหม่นเศร้าผิดหวังกับผู้หญิงที่เขายอมเปิดใจให้เธอเข้ามาใกล้ชิดจนผูกพันกันถึงขั้นจะแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันกลับไม่มั่นใจในตัวของเขา
“พี่คิณ” ริมฝีปากบางสั่นระริกน้ำตารื้นเอ่อขอบเบ้าร้อนผ่าว
“ตั้งแต่เรากลับมาเจอและตกลงคบกันพี่มีความสุขมากนะ พี่หลงคิดไปว่ามายรักพี่จริง ๆ ที่ไหนได้มายก็ไม่ต่างจากมิวพร้อมจะทำให้พี่เจ็บปวดไม่สงสารและไม่แคร์ความรู้สึกพี่เลย ถ้าเป็นแบบนี้เราเลิกกันดีกว่า” เสียงทุ้มแผ่วเบาขบกรามแน่นเก็บกดความเศร้าแล้วลุกพรวดจากเก้าอี้เดินไปอย่างไร้คำลา ณวรานั่งอึ้งอ้าปากค้างแววตาสับสนน้ำตาร่วงแก้มใสก่อนจะคิดได้ว่าควรรั้งเขาไว้ทว่าเมื่อวิ่งออกไปหน้าร้านก็ไม่มีเห็นวี่แววของชายคนรัก ใจดวงน้อยหล่นฮวบเลือดในกายเย็นเฉียบเพียงแค่เขาหันหลังเดินจากไปก็กระวนกระวายร้อนรนหากต้องเลิกราไม่ได้ใกล้ชิดกันเหมือนก่อนเธอคงแหลกสลายแทบขาดใจ...........
บนโซฟาหรูบนห้องรับแขก
เมธัสนั่งติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำอย่างใจเย็นพลางจ้องมองเรือนร่างขาวนวลเนียนของภรรยานั่งข้าง ๆ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงริมฝีปากบวมเจ่อกำลังสวมชุดคลุมทับชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวนุ่มลื่น
“สวยนะเนี่ย” นิ้วแกร่งเขี่ยคางเล็กอย่างหยอกเย้า
“อย่ายุ่ง” หน้าสวยผละห่างบึ้งตึง
“แหม ทำเป็นเล่นตัว เมื่อกี้ยังครางซะแสบหูอยู่เลย” สายตาเจ้าเล่ห์กะลิ้มกะเหลี่ยคนข้างกายแทบลืมไปแล้วว่านัดเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเอาไว้
“เราสองคนไม่ได้จัดกันมาเป็นปีก็มันดีเนอะ มิวยังสวยแซ่บเหมือนเดิม เราน่าจะเติมของกันอาทิตย์ละสองสามวันเหมือนเมื่อก่อน”
“ไม่เอา มิวไม่อยากให้ร่างกายช้ำ”
“ทำไมจะเก็บตัวไว้ให้น้องเขยทำช้ำหรือไง?”
“ใช่” นิ้วเรียวแทรกสางผมยาวสลวยจัดให้เข้าทรง
“ไอ้คิณมันไม่เอามิวหรอก เมียมันสวยสดซิงกว่าเยอะ”
“ไม่มีอะไรที่มิวสู้มายไม่ได้ มายต่างหากที่ต้องคอยเดินตามหลังมิวเสมอ” หน้าสวยหันขวับตาขวางใส่คนข้างกายแต่เขาไม่สะทกสะท้านฉีกยิ้มกว้างยื่นหน้าเข้าใกล้ยั่วยุคนขี้โมโห
“ไอ้ที่กำลังทุรนทุรายใจอยู่เนี่ยไม่ใช่เพราะว่าน้องเดินนำมิวอยู่หรอกเหรอ”
“ไม่ต้องมารู้ดี”
“เวลามิวโกรธ...โคตรเซ็กซี่เลยรู้ตัวเปล่า” เมธัสยิ้มกริ่มมองสบดวงตาสวยเกลี่ยนิ้วลูบริมฝีปากบวมเจ่อแผ่วเบา
“อย่า...” เสียงหวานลากยาวเนือย ๆ ทว่าคนเอาแต่ใจกลับโผเข้าใส่ประกบจูบริมฝีปากบวมเจ่อฉับพลัน มิราณีคล้ายจะต่อต้านก็แค่ช่วงแรกเท่านั้น คนเคย ๆ ไม่แตะต้องห่างหายนานนับปีการเล้าโลมจึงจุดติดง่ายแค่ครั้งเดียวยังไม่พอสำหรับเธอ..........
