ตอนที่ 5 ช่วงเวลาสั้น ๆ
หลายวันผ่านไป
บนถนนในเมืองหลวงหลังเลิกงานรถติดยาวแสงไฟจากหน้ารถสาดส่องนำทางในวันที่ฝนตกกระหน่ำ
ณวรานั่งรถยนต์คันหรูมองสายฝนตกกระทบกระจกปล่อยความรู้สึกเหงา ๆ ไปกับอากาศเย็นเฉียบและเสียงฝนที่ดังคลอผสานกับเสียงในรถพาให้นึกถึงภาพความสุขของเธอและชายคนรักในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงแค่สามเดือนก็ตกลงปลงใจแต่งงานกันเพราะความรักที่เธอมีให้เขามันยาวนานมากว่าสิบปี
ย้อนกลับไปเมื่อสามเดือนก่อน
“มาย” เรือนร่างเล็กสวมกางเกงชุดสูทสีขาวเรียบหรูหันมองตามเสียงเรียกทางด้านหลังเห็นวิจิตราเดินเร็วกระหืดกระหอบตรงมาหา
“ทำไมมาช้าจังคะ นี่จะถึงเวลานัดลูกค้ายื่นซองประมูลแล้วนะ เดี๋ยวก็โดนฝั่งนั้นตัดหน้าหรอก”
“พี่ท้องเสียน่ะ” วิจิตรายิ้มแห้งมือกุมท้อง
“งั้นรีบขึ้นไปพบลูกค้ากันเถอะค่ะ” ณวรามองผู้ช่วยเนือย ๆ ก่อนจะเดินนำไปติดต่อประชาสัมพันธ์แลกบัตรขึ้นไปยังชั้นออฟฟิศของลูกค้ารายใหม่ล็อตการสั่งซื้อระดับโรงแรมสองร้อยห้องซึ่งหากประมูลสำเร็จจะได้ช่วยพยุงบริษัทไลท์ลักชูรี่ที่กำลังย่ำแย่ให้อยู่ต่อในวงการธุรกิจนี้ได้
ภายในห้องทำงานของศรุตผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ
“ทางเราเลือกว่าจ้างบริษัทสว่างไพโรจน์ไปแล้วนะครับ เลขาผมไม่ได้แจ้งพวกคุณเหรอ” ศรุตเอนตัวพิงเบาะหนังสูงผสานมือมองพนักงานขายของบริษัทไฟอย่างเฉยชา
“ไม่มีใครแจ้งเลยคะ อีกอย่างทางคุณจะเลือกว่าจ้างบริษัทสว่างไพโรจน์ได้ยังไงคะในเมื่อนัดยื่นซองประมูลวันนี้” ณวราหน้าเสียอุตส่าห์ตั้งใจเลือกผลิตภัณฑ์และเตรียมการนำเสนออย่างตั้งแต่กลับถูกปฏิเสธทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม
“ทางบริษัทคุณช้าเองผมเป็นลูกค้ามีสิทธิ์เลือกจ้างใครก็ได้”
“ถ้าทำตามระเบียบก็ไม่อะไรหรอกค่ะ แต่ถ้าตุกติกกินใต้โต๊ะก็ควรทำให้เนียนหน่อยสิคะ รับซองประมูลแล้วค่อยบอกว่าเลือกบริษัทไหนยังจะดูดีซะกว่า”
“แทนที่จะนอบน้อมสร้างคอนเนคชั่นเอาไว้กลับกร่างใส่ลูกค้าอย่างนี้อดทุกโปรเจคไปเถอะ!” ศรุตทุบโต๊ะทำงานสีหน้าขึงขัง
“ไม่อยากได้นักหรอกค่ะ ไม่อยากทำงานกับคนขี้โกง!” หน้าสวยจ้องเขม็งไม่ยอมเช่นกัน ศรุตถลึงตาแข็งชี้หน้าต่อว่าอย่างเกรี้ยวกราด
“เด็กเมื่อวานซืนขึ้นเสียงกับใครอยู่ให้มันรู้ซะบ้าง!”
“มีอะไรกัน” เสียงทุ้มดังมาจากทางประตูห้องทำงาน ศรุตเหลือบมองรีบปรับสีหน้าแล้วชี้ไปทางณวรา
“เขามายื่นประมูลแล้วไม่ได้เลยโวยวายครับ”
“ยังไม่ทันได้ยื่นค่ะ แต่ถูกฮั้วประมูลไปซะก่อน” เสียงหวานแข็งขึ้นหันขวับไปฟ้องชายข้างหลังที่ดูท่าศรุตจะเกรงใจแต่แล้วก็ต้องชะงักดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้เจอคนที่ตัวเองแอบปลื้มและหายหน้าไปอย่างไร้วี่แวว
“พี่คิณ...”
“มายเหรอ” คิ้วเข้มขมวดกวาดสายตามองหญิงสาวที่เขาเคยเจอตอนเธอเพิ่งแตกเนื้อสาว ณวราตัวสั่นเทาน้ำตารื้นก่อนจะหยดลงแก้มใสด้วยความดีใจ
“ขี้โวยวายไม่เปลี่ยนเลยนะเรา” สิ้นเสียงทุ้มก็ผุดรอยยิ้มมีเสน่ห์บนใบหน้าของเขาซึ่งยังตราตรึงอยู่ในใจของเธอไม่เสื่อมคลาย……
ภายในห้องทำงานเจ้าของบริษัท
อคิณสั่งให้มีการประมูลใหม่แล้วเราจะเป็นคนเลือกบริษัทรับเหมาเอง ศรุตหัวเสียตาขวางมองไปทางณวราแต่ต้องจำใจทำตามคำสั่งเจ้าของบริษัท ณวรานั่งนิ่งสายตายังคงจับจ้องมองอคิณด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
“พี่จัดการให้เรียบร้อยแล้วนะ”
“พี่คิณหายไปไหนมาคะ” แววตาสั่นไหวสุขล้นใจเพียงแค่ได้เห็นหน้าอดีตคนรักของพี่สาว
“หลังงานศพแม่ พี่ก็ย้ายไปอยู่กับน้าที่ต่างประเทศ” น้ำเสียงเรียบเฉยของเขาแฝงไปด้วยความสั่นเครือสะเทือนใจกับสาเหตุการตายของแม่
“มายคิดถึงพี่มากเลย” เสียงหวานเอ่ยขึ้นตรง ๆ ไม่เก็บความรู้สึก วิจิตรานั่งอยู่ข้าง ๆ ตกใจหน้าตาเหลอหลาไม่รู้ว่าอคิณคือใครและไม่คิดว่าลูกเจ้าของบริษัทจะบอกคิดถึงผู้ชายก่อน อคิณชะงักอึ้งไปชั่วขณะไม่คิดว่าเธอจะพูดตรง
“ออกไปก่อนดีไหมครับ” เขาปรายตามองไปทางวิจิตราซึ่งวิจิตราเองก็เลิ่กลั่กรู้ตัวว่าเป็นส่วนเกินจึงโน้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วรีบลุกเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างเร่งด่วน
“คิดว่าจะไม่มีใครนึกถึงพี่แล้วซะอีก”
“มีสิคะนอกจากมายก็ต้องมีพี่มิวที่คิดถึงพี่”
“เขาแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วนี่”
“พี่มิวไม่ค่อยเต็มใจแต่งหรอกค่ะ”
“แล้วมายล่ะมีใครหรือยัง” สายตาคมจับจ้องสบดวงตากลมโตส่งเสริมใบหน้าหวานให้ดูน่ารักจิ้มลิ้มกว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนที่เธอเพิ่งแตกเนื้อสาว
“มายโสดสนิทค่ะ”
“สนใจรับคนแก่กว่าอย่างพี่เป็นคนคุยด้วยไหม” หน้าหล่อกรุ้มกริ่มเอ่ยปากขอตรง ๆ เพราะดูออกว่าเธอเองก็มีใจ
“ไม่ขอเป็นคนคุยได้ไหมคะ มายรอเจอพี่มาตั้งเจ็ดปีอยากคบกับพี่เลยไม่อยากเสียเวลา” เธอเอ่ยขึ้นต่อรองดังใจคิดไม่สนว่าใครจะว่ายังไงแต่สนว่าตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการก็พอ อคิณกระตุกยิ้มชอบใจในความมั่นของเด็กกะโปโลที่เขาเคยเล่นด้วย
“พี่ขอคิดดูก่อน”
“ไม่ต้องคิดแล้วค่ะ คบกันเลยถ้าไม่ถูกใจค่อยเลิกก็ได้”
“เอางั้นเลย”
“ค่ะ ปีนี้มายอายุยี่สิบสี่แล้วยังไม่ถูกใจใครไม่เคยเปิดใจคบใคร แต่อยากคบกับพี่คิณค่ะ” ณวราสีหน้าจริงจังพูดชัดถ้อยชัดคำบอกความต้องการตรงไปตรงมา อคิณขำในลำคอก่อนจะลุกย่างก้าวมาหาอดีตน้องสาวแฟนที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วโน้มใบหน้าลงใกล้ชิดกับหญิงสาวที่เงยมองเขาตาปริบ ๆ
“ตกลง คบก็คบใจนักเลงดีพี่ชอบ” เสียงทุ้มแผ่วเบาลมหายใจอุ่นกระทบพวงแก้มใสกำลังแดงระเรื่อเขินอายไม่ชินกับการชิดใกล้กับชายหนุ่มห่างเพียงแค่ปลายจมูกจนแทบจะจูบกันได้ตั้งแต่วันแรกที่ตกลงคบหลังจากได้เจอเขาอีกครั้งในรอบเจ็ดปี.......
ปัจจุบัน
ช่วงเวลาค่ำสายฝนยังคงตกหนักมีน้ำขังบนถนนเป็นหย่อม ๆ ณวราหรี่ตามองข้างหน้าอย่างตั้งใจเพราะมองไม่ค่อยชัดในความมืด ไม่นานนักรถยนต์คันหรูก็โยกไหวกระตุกพร้อมกับเสียงดังพรึ่บ ๆ และมีกลิ่นเหม็นไหม้ที่ตัวเครื่อง หน้าสวยตื่นตระหนกกลัวว่าไฟจะไหม้รถจึงรีบขับรถเข้าทางดับเครื่องยนต์แล้วคว้ากระเป๋าเปิดประตูลงจากรถยนต์ทันที
ร่างบางยืนตัวสั่นเปียกโชกจากฝนที่ตกกระหน่ำในช่วงเวลามืดค่ำผู้คนต่างขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านแทบไม่มีใครสนใจมองสาวน้อยข้างทางไม่กล้าเข้าไปในรถยนต์ที่มีกลิ่นเหม็นไหม้ หน้าสวยหันมองรอบข้างเห็นอาคารพาณิชย์อยู่ไม่ไกลจึงรีบเดินตรงไปจะหลบฝน เท้าเรียวบนรองเท้าส้นสูงก้าวเดินเหยียบบนพื้นฟุตบาทเปียกแฉะขี้โคลนดีดขึ้นเลอะเรียวขาขาวชุ่มไปด้วยน้ำ เธอพยายามจ้องเล็งทางเดินอย่างระวังแต่ด้วยน้ำขังบนฟุตบาททำให้ไม่รู้ว่าตรงไหนเป็นหลุมจึงพลาดเหยียบลงไปในหลุมรองเท้าส้นสูงพลิกร่างบางเซล้มลงก้นกระแทกพื้นนั่งพับเพียบเละเทะอยู่ตรงนั้น หน้าสวยซีดเซียวหน้าเบะปล่อยโฮท่ามกลางสายฝนตกกระหน่ำ หากอคิณอยู่ตรงนี้เขาจะคอยดูแลให้เธอไม่เปียกปอนและทะนุถนอมไม่ให้เธอบอบช้ำแม้เพียงนิดเดียว
