ตอนที่ 2 อย่าสร้างเรื่อง
เปรมสินีเดินออกมายังลานจอดรถหน้าร้านเว็ดดิ้งพร้อมกับลูกสาวคนโตที่เดินหน้ามุ่ยเคียงข้างมาตั้งแต่อยู่ในร้าน
“จูบกับมันจริง ๆ ใช่ไหม?” เปรมสินีชายตามองไม่สบอารมณ์พร้อมกับจิกเรียกว่าที่ลูกเขยที่ไม่ถูกใจแม่ยายอย่างเธอ
“คุณแม่เชื่อที่มายพูดด้วยเหรอคะ”
“ใช่สิมายไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกให้ตัวเองไม่สบายใจ”
“ต่อให้หนูตอบว่าไม่ได้ทำคุณแม่ก็ไม่เชื่ออยู่ดี” มิราณีหน้างอสายตาตัดพ้ออะไร ๆ ก็ลูกคนเล็กไม่เคยประคบประหงมตัวเธอผู้เสียสละเพื่อครอบครัวมาตลอดบ้างทำดีแค่ไหนก็ได้แค่เท่าทุน
“ถ้าไม่ได้ทำแล้วมายืนอยู่หน้าร้านรอจนแม่มาถึงก่อนค่อยเข้าไปให้มายเข้าใจว่าเรามาพร้อมกันทำไม”
“ตอนนั้นหนูพึ่งมาถึงกำลังจะเดินเข้าร้านอยู่แล้วแต่เจอคุณแม่เลยเดินเข้าไปพร้อมกัน” หน้าสวยราวกับภาพวาดมองแม่ด้วยสายตาเรียบนิ่ง ทว่าคนเป็นแม่กลับจ้องมองเขม็งเต็มไปด้วยอำนาจทำให้ลูกสาวประหม่าจนหลบตาไม่กล้าสู้
“ฉันเป็นแม่ที่เลี้ยงเธอมานะมิราณีจะโกหกใครก็โกหกได้แต่ไม่ใช่แม่”
“ทราบค่ะ คุณแม่...” เธอลากเสียงประชดประชันเลือกหลีกเลี่ยงเนียนเดินไปยังรถยนต์คันหรู
“อย่าสร้างเรื่องอีก พวกเราต้องการเงินทุนจากอคิณถ้างานแต่งงานล่มพวกเราก็จบ”
“ล่มไปเลยก็ดี มิวจะได้หย่ากับเมธแล้วเสียบแทนเพราะคนที่คิณต้องการจริง ๆ คือมิว” ริมฝีปากสีอิฐถูกกัดด้วยฟันขาวตาขวางก่อนจะปรับสีหน้าให้นิ่งเฉยแล้วหันมาเผชิญหน้ากับแม่
“ต้องการเหรอ แม่เห็นมันนั่งปลอบโยนเอาใจน้องแกอยู่โน่น ไม่เห็นจะสนใจแกสักนิด” น้ำเสียงของแม่อ่อนลงกลั้นขำในลำคอ
“เขาแค่แสดงให้มายเชื่อใจ ทั้งที่ใจเขารักมิว”
“เลิกเข้าข้างตัวเองได้แล้วลูก นั่นมันของของน้องเขากำลังจะเป็นน้องเขยและตัวลูกเองก็มีสามีติดตัว อย่าคิดอะไรมักง่าย ช่วยสำนึกถึงชาติกำเนิดบ้างอย่าให้ใครเขาตราหน้าได้ว่าเกิดมาในตระกูลดีแต่ทำตัวอย่างกับสุนัขจรจัดผสมพันธุ์ไม่เลือก”
“คุณแม่ต่อว่าอย่างกับหนูไม่ใช่ลูก” แววตาโฉบเฉี่ยวสั่นไหวสะเทือนใจกับเปรียบเปรยดูถูกจากปากผู้เป็นแม่ เปรมสินีชะงักไปชั่วครู่ปรับสีหน้าเดินเข้ามาใกล้ยกมือลูบหัวลูกสาวเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“มิวเป็นลูกที่แม่รักและภูมิใจที่สุดแต่ในเมื่อแม่พูดเตือนหลายครั้งแล้วลูกก็ยังตีมึนหน้ามืดตามัวจะยุ่งกับคนของน้องแม่เลยต้องพูดให้เห็นภาพลูกจะได้ทำตัวสูงส่งไม่ใช่เลียนแบบสุนัขจรจัดก็เท่านั้น” เปรมสินีพูดว่าเพื่อให้ลูกได้จดจำเพราะพยายามพร่ำสอนจนปากเปียกปากแฉะลูกสาวก็ยังจะดื้อดึงหลอกตัวเองว่าอดีตแฟนยังรักตัวเองซึ่งฝ่ายชายไม่ได้มีท่าทีอย่างที่ลูกคาดหวังสักนิด
มิราณีกลืนน้ำลายลงคอลำบากปรายสายตาวูบไหวมองมือแม่ลูบกรอบหน้าเธอด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยนภาพภายนอกที่เห็นก็ควรเป็นแบบนั้น ทว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้เธอรู้ซึ้งว่าการกระทำนี้คือการตบหัวแล้วลูบหลังแสร้งหลอกให้คนถูกกระทำอ่อนไหวแล้วหลอกใช้ให้ทำตามที่แม่ต้องการอย่างว่าง่าย........
บ้านสีขาวสุดอลังการรั้วสูงรอบมิดชิดภายในมีสนามหญ้ากว้างขวางสระว่ายน้ำผ่านวงเวียนบ่อน้ำพุมีรูปปั้นม้าน่าเกรงขามกำลังวิ่งอยู่ซึ่งควรมีสายน้ำพุ่งขึ้นมาตลอดเวลาตามคำแนะนำของซินแสเกี่ยวกับความรุ่งเรืองและร่ำรวยซึ่งก็เป็นเช่นนั้นมาตลอดระยะเวลาที่หิรัญผู้เป็นพ่อควบคุมดูแลสร้างธุรกิจเกี่ยวกับสายไฟและโคมไฟหรูหรา
ทว่าหลังจากผู้เป็นพ่อล้มป่วยเป็นอัมพาตคนที่รับช่วงต่อก็คือภรรยาที่ไม่มีความรู้ความสามารถทางธุรกิจผลาญทรัพย์สินมากมายไม่พอยังบังคับลูกสาวคนโตแต่งงานกับลูกชายเจ้าสัวเพื่อแลกกับสินสอดมูลค่าสูงมาพยุงธุรกิจที่ตัวเองไม่มีความถนัด แม้มิราณีจะมีความรู้ความสามารถช่วยฟื้นสถานการณ์ได้แต่คนตัดสินใจสูงสุดขาดประสิทธิภาพอย่างเปรมสินีทำให้แย่ลงทุกที จึงทำได้เพียงประคองภาพลักษณ์ร่ำรวยเอาไว้ทั้งที่ตอนนี้แทบไม่เหลือสมบัติหรือแม้แต่บ้านหรูหราแห่งนี้ก็กำลังจะถูกธนาคารยึด แม้แต่ครอบครัวเจ้าสัวของเมธัสก็ไม่ยื่นมือช่วย
ณวราก้าวลงจากรถยนต์สีดำคันหรูหอบหิ้วถุงใส่ของและกระเป๋าสะพายเดินไหล่ห่อหน้าแดงช้ำอ่อนล้าจากการร้องไห้ฟูมฟายและใจที่ยังหวาดระแวงมุ่งหน้าเข้าบ้านอยากเอนกายนอนพักฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ
เมธัสหนุ่มหล่อเจ้าสำราญหนุ่มตี๋ผิวขาวรูปร่างสูงกำยำสวมเสื้อเชิ้ตสีดำทั้งชุดเซตทรงผมหล่อเนี้ยบกลิ่นน้ำหอมคลุ้งตั้งแต่อยู่ไกล ๆ กำลังจะเดินมายังที่จอดรถเพื่อออกไปเที่ยวกับเพื่อน
“ไปลองชุดแต่งงานหรือไปรบมา” เมธัสยิ้มให้น้องเมียที่ดูเหม่อลอยหน้าแดงอย่างเป็นมิตร
“ค่ะ” เธอตอบเพียงสั้น ๆ แล้วเลี่ยงเดินผ่านไม่อยากสนทนากับพี่เขยที่ชอบมองเธอด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ยพยายามเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมถึงตัวเธอจนเกินขอบเขต
“หน้าเหมือนพึ่งร้องไห้มา ไอ้คิณมันทำอะไรมาย” หน้าหล่อขึงขังเอ่ยถามเสียงแข็งจะเอาเรื่องคนที่ทำให้เธอร้องไห้ เธอมองอย่างอึดอัดเพราะตัวปัญหาทำเธอร้องไห้ไม่ใช่แค่อคิณแต่คือพี่สาวของเธอด้วย
“ขอบคุณที่พี่ธัสอยากใส่ใจนะคะ แต่มายไม่อยากให้ใครเข้ามามีส่วนร่วม”
“งั้นพี่ช่วยถือของ” เมธัสเอื้อมมือมาคว้าถุงใส่ของแต่ตั้งใจกุมมือขาวเรียวของน้องเมียทำให้ณวราสะดุ้งกระชากมือกลับผงะมองเคือง
“ทำไมมายชอบทำเหมือนรังเกียจพี่ ทั้งที่พี่ก็รักและหวังดีกับมาย” เสียงทุ้มตัดพ้อแววตาวูบไหวเสียใจกับท่าทีของเธอ
“มายไม่ชอบให้ที่พี่ธัสถึงเนื้อถึงตัว” หน้าสวยบึ้งตึงพูดห้วน ๆ เพราะเป็นคนพูดตรงไม่ค่อยอ้อมค้อมและไม่ใช่สาวใสอ่อนหวานน่าทะนุถนอม
“พี่ขอโทษนะ” เมธัสตีหน้าเศร้าคล้ายรู้สึกผิดซึ่งเป็นอย่างนี้อยู่บ่อยครั้ง
“อะฮึ่ม” มิราณีกระแอมมาขัดสามีแล้วเดินปรี่สวมเสื้อคลุมผ้าไหมคลุมชุดนอนกระโปรงผ้าไหมสีเดียวกันตรงมายังคนทั้งสอง ณวราหันมองพี่สาวแล้วรีบก้าวเดินเร็วเข้าไปในบ้านทันที
“ขัดจังหวะเก่งจริง ๆ”
“ต้องให้พูดอีกกี่ครั้งว่านั่นน้องสาวมิว” คิ้วเรียวขมวดขึงขังแต่สามีก็ไม่สะทกสะท้านกลับหัวเราะร่วนลอยหน้าลอยตายั่วโมโหภรรยา
“ก็อยากได้น้องเมียใครจะทำไม”
