บทที่ 6 เป้าหมายที่ต้องแย่งชิง
ดาวเหนือเองก็นิ่วหน้าให้กับคำว่า 'มาร' เขาเคยได้ยินคำเรียกนี้มาบ้าง แต่ยังไม่เคยพบเจอตัวจริงของมารพวกนั้นสักครั้ง นอกเหนือจากการพบเจอตัวอย่างในการทดสอบผู้สมัครเป็นยมทูต ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเหมือนหรือต่างจากตัวจริงแค่ไหน
"เจ้าพวกโง่เขลาเบาปัญญา ดวงวิญญาณนั้นเป็นของข้า จงส่งมันมา เพื่อแลกกับการที่เจ้าจะได้มีชีวิตอันต่ำช้าต่อไป เร็ว! อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ"
นั่นคือประโยคหยามเหยียดจากเจ้าของแรงกดดันอันทรงพลัง ที่ดาวเหนือพบเจอในด่านทดสอบด่านสุดท้าย เขามองไม่เห็นว่าเจ้าคนที่พูดหน้าตาเป็นยังไง เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นแสงสว่างดวงกลมๆ เจิดจ้า ซึ่งถ้ามองดีๆ เหมือนจะเป็นแสงสีขาว แต่มองถ้าเพ่งมองชัดๆ อีกทีก็เหมือนจะมีหลายสีผสมๆ กัน
"นี่เป็นดวงวิญญาณที่ข้าต้องนำส่งไปพิจารณาโทษในนรก ข้าคงให้ไม่ได้" ดาวเหนือจดจำได้แม่นยำถึงคำตอบที่ตัวเองพูดออกไปอย่างไม่ลังเล มันเป็นครั้งแรกที่เขาแทนตัวเองว่าข้าตามอีกฝ่าย และเขาก็ดันติดปากเอาสรรพนามนี้ไปใช้อยู่หลายครั้ง อย่างตอนเจอเจ้ามนุษย์ลวงโลกนั่น
"เจ้ายมทูตโอหัง อวดดี ถ้าอย่างนั้นก็ตายซะ!!" เสียงตอบกลับมาบ่งบอกอาการโกรธเกรี้ยว ก่อนที่แรงปะทะอันหนักหน่วงจะฟาดลงมาที่เขาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
"เฮ้ย! จะฆ่ากันจริงดิ!?" หนุ่มน้อยร่างเล็กกระโดดหลบทันเวลา ทว่าก็ฉิวเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปด ตาของเขามองพื้นดินใกล้ตัวที่มีหลุมยุบรูปมือ รู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อคิดว่าหากตัวเองโดนแรงปะทะนั่นเต็มๆ จะเหลือเศษเนื้อเศษกระดูกไว้ให้ชุบชีวิตหรือเปล่า
"ด่านนี้จะเป็นการทดสอบความสามารถในการต่อสู้ของเจ้า ซึ่งถ้าเจ้าแพ้และถูกกำจัด หลังจบการทดสอบจะมีการชุบชีวิตเจ้าขึ้นมารับทราบผลสอบของทั้ง 3 ด่าน"
ประโยคบอกเล่าก่อนการเข้าทดสอบของผู้คุมฝึก ทำเอาดาวเหนือกลืนน้ำลายลงคอด้วยความลำบากยากเย็น เขาอยากจะถอนตัวจากการสมัครเป็นยมทูตตอนนี้ ทว่าเมื่อหวนคิดถึงอนาคต ในวันที่เขาจะได้เสนอหน้าไปรับดวงวิญญาณของเหล่าคนที่สมควรตาย มันก็ทำให้เขาฮึกเหิมจนหลวมตัวได้ไปยืนอยู่บนพื้นดินว่างเปล่าภายใต้ท้องฟ้าสีดำสนิทของห้องทดสอบสุดท้าย
"อาวุธก็ไม่มี พลังอะไรสักอย่างก็ไม่มี ใครจะไปชนะได้ฟะ!" เขาบ่นงึมงำ ก่อนจะชะงักไปกับความรู้สึกเสียวสันหลังวาบที่ผุดขึ้นมาอีก แน่นอนว่าไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งตัว แรงปะทะอันหนักหน่วงรอบที่สองก็ฟาดลงมายังร่างบอบบางของดาวเหนือ
"เกือบได้ตายฟรีอีกรอบแล้วไหม" ดาวเหนือปาดเหงื่อ พลางหอบหายใจรัวๆ หลังกระโดดหลบแรงปะทะนั่นได้หวุดหวิด แต่ไม่ทันที่เขาจะได้หยุดพักหายใจ... แม้สักเสี้ยววินาที
"ตาย! ตาย! ตาย! ตายไปซะ!!"
ทั้งความอาฆาตและความโกรธเกรี้ยว หลอมรวมกันเป็นแรงกดดันมหาศาลยิ่งกว่าครั้งใด พร้อมๆ กับที่มีมือขนาดยักษ์มากมายฟาดลงมารัวๆ ก่อให้เกิดหลุมยุบรอบตัว จนยากแก่การหลบหลีก หลายครั้งที่ดาวเหนือกลิ้งลงไปในหลุมพวกนั้น แล้วจำต้องรีบปีนขึ้นจากหลุม เพื่อหนีแรงตบจากอีกฝ่าย นี่ถ้าเขาไม่เคยเป็นนักวอลเลย์บอลโรงเรียนมาก่อนล่ะก็ คงจอดคาสนามไปแล้ว
โป๊ก!
ทว่าแม้จะหลบหลีกเก่งสักแค่ไหน สุดท้ายดาวเหนือก็ถูกต้อนไปจนมุมอยู่ตรงผนังห้อง ซึ่งเขาไม่มีแก่ใจจะวิเคราะห์หรอกว่า ไอ้ที่หัวเขาโขกเข้าไปนั้น... มันทำมาจากอะไร
"ใครจะอยากถูกตบตายฟะ มันเจ็บนะเฟ้ย เกิดชุบขึ้นมาแล้วสภาพไม่เหมือนเดิม หน้าไหนจะรับผิดชอบ!" เขาทุบกำปั้นเข้ากับผนังที่ตัวเองยืนพิงอยู่ ไม่มีทางไหนให้ดาวเหนือหนีได้อีกแล้ว อย่าบอกนะว่าเขาจะต้องมาเละเป็นโจ๊กอยู่ตรงนี้
"ฉันจะไม่ยอมตายหรอกนะจะบอกให้ ถ้าฉันได้เป็นยมทูตล่ะก็ แกได้เจอกับฉันแน่ ไอ้พวกมาร ฉันรับรองเลยว่าพวกแกจะไม่ได้วิญญาณไปสักดวงเดียว!!" หมาจนตรอกอย่างดาวเหนือตะโกนก้องประกาศสงคราม จู่ๆ แรงมหาศาลที่กำลังจะฟาดลงมาก็สลายไป พร้อมๆ กับการเปิดออกของประตูห้องทดสอบ
"เก่งนี่เราน่ะ... สอบผ่าน!"
ราวกับเสียงสวรรค์ที่ทำให้อารมณ์เดือดพล่านของดาวเหนือสงบลงได้ในทันที และเจ้าของคำพูดนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน... เธอคือนับเงิน
"ไม่มีเวลาฟิตร่างกายแล้ว ไปพักผ่อนซะ ก่อนเที่ยงคืนเจอกันที่เดิม"
เสียงของนับเงินปลุกดาวเหนือให้ตื่นจากภวังค์แห่งอดีต เรียกให้เขาหันไปมองหัวหน้ายมทูตสาวประจำโซนประเทศไทยที่กำลังเดินออกไป
"เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมนะ พี่มั่นใจว่าพวกมารต้องมาแน่!" หญิงสาวย้ำอีกครั้ง คำพูดของเธอทำให้ดาวเหนือรู้สึกฮึกเหิม ตื่นเต้นที่จะได้เจอกับพวกมารตัวจริงเสียงจริง แม้ไม่รู้ว่าพวกมันจะเหมือนกันกับของตัวอย่างที่เขาเคยเจอหรือเปล่า
"ไง... เด็กใหม่ เห็นว่ามีลุ้นจะได้เจอของแข็งเหรอ?" ใครคนหนึ่งร้องทักดาวเหนือ เรียกให้เขาละสายตาจากรุ่นพี่สาว หันมามองเจ้าของเสียงที่กำลังเดินเข้ามา
"อ่อ... คุณ... ไมเคิล" เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายตามอย่างที่นับเงินเคยเรียก
"เรียนรู้ไวดีนี่ สมคำร่ำลือ" เจ้าของผมหยักศก ผิวขาว ผู้สวมแว่นดำ หมวกดำ สูทดำ และมีงูตัวใหญ่พันหลวมๆ อยู่บนบ่าตบมือชมเชย
"ขอบคุณครับ" ยมทูตฝึกหัดหนุ่มน้อยยิ้มบางๆ ให้คนชม ก่อนจะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาหยุดยืนในระยะประชิด ซึ่งใกล้จนเกินไป
"โทษที" ไมเคิลยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นอากัปกิริยาหวงพื้นที่ส่วนตัวของดาวเหนือ แล้วพูดต่อไปทั้งที่ยังคงยิ้มอยู่ "เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้วสินะ หัวหน้าบอกแล้วใช่ไหมเรื่องเหยื่อที่จะถึงฆาตคนถัดไป?"
"บอกแล้วครับ" ดาวเหนือเลือกตอบสั้นๆ เฉพาะคำถามที่ 2 เพราะไม่เห็นประโยชน์ในการตอบคำถามข้อแรก
"หัวหน้าบอกรึเปล่าว่าเหยื่อคนนั้นเป็นใคร?" ไมเคิลยังคงถามต่อไปอีก เหมือนไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะอยากตอบหรือไม่อยากตอบ
"ผมบอกไปว่าไม่อยากรู้ครับ ไม่ได้ให้ค่า" ดาวเหนือตอบยาวขึ้น แต่นั่นก็เพื่อตัดบทไม่ให้อีกฝ่ายตั้งคำถามอะไรต่อไปอีก
"โอเค้... งั้นก็โชคดีละกันนะเด็กใหม่" ไมเคิลตบไหล่ดาวเหนือสองสามที ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าจากไปในทิศทางเดียวกับที่นับเงินเดินไป
"ไปไหนดีล่ะ" ยมทูตฝึกหัดหนุ่มน้อยรอจนคนคนนั้นเดินลับสายตาไป จึงค่อยหันรีหันขวางมองหาที่ที่ตัวเองจะไปนั่งๆ นอนๆ รอเวลาเที่ยงคืน
และแล้ว... ดาวเหนือก็ตัดสินใจไปรอนับเงินอยู่ตรงจุดนัดหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น
"ถ้าเวลาส่งดวงวิญญาณคลาดเคลื่อน ความผิดพลาดแค่ 0.01 เปอร์เซ็นต์ อาจจะกลายเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ จำเอาไว้ให้ดี"
คำสอนของนับเงินยังคงดังอยู่ในหัว เขาเก็บคำพูดของเธอไว้ในหัวทุกคำทุกประโยค เพื่อให้ตัวเองทำหน้าที่ยมทูตในการส่งดวงวิญญาณครั้งแรกได้โดยปราศจากข้อผิดพลาด
"เห็นพวกผู้คุมบอกว่าเรามารอตั้งแต่สี่ทุ่ม อะไรกัน... นี่กระตือรือร้นขนาดนั้นเลยเหรอ?"
ในที่สุดเวลานั้นก็มาถึง เสียงแซวของนับเงินดังเป็นสัญญาณมาแต่ไกล ซึ่งดาวเหนือก็ได้แค่ยิ้มรับ แต่ใช่ว่าหัวหน้ายมทูตสาวจะยอมจบคำแซวไว้แค่นี้
"จะไม่ถามหน่อยเหรอ ว่าทำไมพวกผู้คุมถึงรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้?" เธอยิ้มกริ่มเหมือนอดทนรอที่จะแซวประโยคต่อไปไม่ไหว
"ทำไมเหรอครับ?" ดาวเหนือยิ้มเจื่อนๆ พลางตั้งคำถามในสิ่งที่นับเงินอยากให้ถาม
"เค้าบอกว่าเราน่ะร้องเพลงเสียงดังมาก"
คำพูดของนับเงินทำเอาใบหน้าของดาวเหนือเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับเพลิงโลกันตร์ในนรก และหลังจากทิ้งทุ่นระเบิดไว้ให้ยมทูตฝึกหัดหนุ่มน้อยแล้ว เธอก็ตัดบทด้วยการพาเขาวาร์ปขึ้นมายังโลกมนุษย์ ณ สถานที่ที่เหยื่อคนถัดไปของเธอกำลังถูกฆาตกรรม!!
"นี่มัน... ในโรงแรมนี่ครับ?" ดาวเหนือถามขึ้น ระหว่างที่มองสิ่งของรอบตัว ซึ่งสว่างไสวขึ้นท่ามกลางความมืดด้านนอกอาคาร ด้วยแสงไฟจากโคมกลมๆ สองดวงตรงผนังหัวเตียง
เขามองกระเป๋าเดินทางแบบล้อเลื่อน... โต๊ะไม้สำหรับเขียนหนังสือ... โซฟาผ้าสีครีมนุ่มๆ สำหรับสองคน ไล่มาที่เตียงคิงไซส์ ซึ่งมีเงาของคนสองคน คนหนึ่งนั่ง และอีกคนหนึ่ง... กำลังนอนชักเกร็ง!!
"นั่นเหรอครับ... เหยื่อของรุ่นพี่" ดาวเหนือกระซิบถามนับเงิน ทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ เพราะในที่นี้คงไม่มีใครได้ยินในสิ่งที่ยมทูตผู้มารอรับเหยื่อกำลังเอื้อนเอ่ย
"ใช่... นั่นล่ะ" นับเงินตอบ ขณะที่ยังคงยืนกอดอกจ้องมองคนสองคนบนเตียงตาไม่กะพริบ พลอยให้ดาวเหนือต้องจับจ้องคนทั้งคู่ตามไปด้วย และนั่นก็ทำให้เขามองเห็นว่า คนคนนั้นกำลังถูกฆาตกรรมด้วยการฉีดยา!!
"เป็นยังไงล่ะ ต้องมาเป็นคนที่ถูกฉีดยาห่วยๆ ของแกหลายๆ เข็มบ้าง รู้สึกดีไหม... ตาแก่!!"
เสียงที่ดังขึ้นทำลายความเงียบ เป็นของเจ้าของนิ้วมือเรียวยาวที่กำลังใช้เข็มฉีดยา ฉีดอะไรบางอย่างเข้าไปในร่างกายของชายผมขาววัย 70 ซึ่งนอนชักเกร็งอยู่บนเตียง... เข็มแล้วเข็มเล่า
"ตาลุงนั่น... หน้าคุ้นๆ นะครับ... เหมือนผมจะรู้จักเลย" ดาวเหนือทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก จนนับเงินนึกหมั่นไส้ในความแกล้งไม่รู้ของเขา
"หนึ่งในทีมคิดค้นวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันตัวใหม่ ที่มีคนบริสุทธิ์เป็นหนูทดลองหลายแสนคน" หญิงสาวพูดพลางจ้องมองไปยังร่างชักเกร็งนั้น
น่าแปลก... ที่สายตาว่างเปล่าของทุกครั้ง กลับปรากฏร่องรอยแห่งความสะใจวูบหนึ่ง ก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
"แต่ในข่าว เค้าว่ามีคนตายแค่หลักร้อยเองนี่ครับ" ดาวเหนือยังคงปั้นหน้าซื่อต่อไป ทั้งที่ตัวเองก็พอจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง เมื่อสมัยยังมีลมหายใจและร่างเนื้ออยู่บนโลกมนุษย์
"เราจะเลือกเชื่อข่าวงั้นสิ?" นับเงินถามยิ้มๆ และมันก็ช่างเป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยัน เหมือนอยากจะสื่อมันไปให้ถึงต้นตอเฟคนิวส์น่าอายนั่นซะเหลือเกิน
"ผมก็ต้องเลือกเชื่อคนวงในอย่างรุ่นพี่สิครับ" ดาวเหนือตอบ โดยที่ยังคงจับจ้องไปที่ร่างของผู้เคราะห์ร้าย ชนิดตาไม่กะพริบคล้ายไม่อยากพลาดวาระสุดท้ายของอีกฝ่ายแม้เพียงเสี้ยววินาที
