
เมื่อผมตาย... แล้วกลายเป็นยมทูต
บทย่อ
เขาคืออดีตมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงแสนแพงใน กทม. และวันนี้เขากลับมายังประเทศไทยในฐานะ... ยมทูต!! ..................................................................... เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับการก่อตัวขึ้นของระเบิดเพลิงลูกมโหฬารตระการตา แบบที่ดาวเหนือไม่มีโอกาสจะได้พบเห็นง่ายๆ ในชีวิตการเป็นมนุษย์ ทำเอาหนุ่มน้อยถึงกับวิ่งสี่คูณร้อยหนีตายเอาชีวิตรอด ราวกับหลงลืมว่าตัวเองเป็นยมทูต และตายไปนานแล้ว "กลับมานี่เด็กใหม่ เอาเหยื่อนั่นไปส่งสูทแดงซะ!"
บทนำ
บทนำ
เอี๊ยดดดดด... ด!!
โครมมมมม!!
ภาพทุกอย่างตรงหน้าหนุ่มน้อยวัยเฉียดๆ 20 ดับวูบลง โดยที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า นั่นจะเป็นการมีชีวิตครั้งสุดท้ายในฐานะมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงจานละ 60 บาท ในกทม.
"โทษที่เจ้าได้รับ รวมทั้งสิ้น..."
หลังจากนั้น เขาก็ถูกยมทูตสูทดำพาตัวลงมาพิจารณาโทษในนรก ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่ายมทูตสมัยนี้จะเลิกสวมโจงกระเบนแดงกันแล้ว เขาล่ะอยากให้ไอ้ตู่กับไอ้วิตร เพื่อนสนิทของเขาลงมาเห็นจริงๆ ให้ตายเถอะ!
ชีวิตในนรกของเขา วนเวียนอยู่กับการใช้กรรม ผ่านวันเดือนปี ปีหนึ่งผ่านไป ปีสอง ปีสามค่อยๆ ผ่านไป และในที่สุด... วันแห่งอิสรภาพก็มาถึง
"ข้ามีเส้นทางให้เจ้าเลือกสองทาง นั่นคือการขึ้นไปเสวยสุขบนสวรรค์ 1 วัน กับการกลับไปเกิดใหม่บนโลกมนุษย์อีกครั้ง ในฐานะประชาชนคนไทย"
สิ่งที่ได้ยินทำเอาหนุ่มน้อยถึงกับนิ่วหน้า นี่มันใช่วันแห่งอิสรภาพแน่หรือ!?
"เอ่อ... ผมขอไปเกิดที่เมกา ญี่ปุ่น อังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย หรือไม่ก็... ภูฏานไม่ได้เหรอครับ?" เขาเอ่ยถามเสียงเบาเหมือนกลัวอีกฝ่ายได้ยิน แต่ถ้าฝ่ายนั้นดันหูดีได้ยิน เขาก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
"ไม่ได้... เจ้ามีกรรมที่ยังต้องชดใช้ในประเทศนี้"
คำตอบนั้นทำเอาเขาย่นหน้า
"ที่ผ่านมาตูยังชดใช้กรรมไม่พออีกเหรอฟะ" เขาพึมพำ แต่อีกฝ่ายก็ดันหูดีครึ่งๆ กลางๆ ขึ้นมาอีก
"เจ้าว่าอะไรนะ?"
"เอ่อ... เปล่าครับ คือ... จะให้ไปเกิดก็ยังไม่อยาก แต่จะให้ไปเสวยสุขบนสวรรค์ตั้งวันนึง มันก็ดูน่าสมเพชไปอ่าครับ" หนุ่มน้อยหน้ามนตอบสิ่งที่อยู่ในใจ พร้อมกับถอนหายใจยาวๆ คล้ายหนักใจที่จะต้องเลือก
"ถ้าอย่างนั้น... ข้ามีทางที่สามจะให้เจ้าเลือกเดิน"
คำตอบนั้นทำเอาเขาชะงักไป
ปี 2565 ณ ดินแดนที่ถูกเรียกขานว่า... ประเทศไทย
โอ้เมื่อมีไฟ ไฟ ไฟ ลุกขึ้นแจ่มจ้ารอบตัวตลอดเวลา 24 ชั่วโมง นั่นหมายความว่าเจ้าอาจกำลังย่างกรายเข้ามาในเขต... ยมโลก
"อีก 1 เดือนข้างหน้า ชายผู้นี้จะถึงฆาต ยมทูตดาวเหนือ... เจ้าจงไปนำดวงวิญญาณของเขามารับโทษทัณฑ์ นี่คืองานแรกของเจ้า"
เสียงของท่านยมบาล ผู้อยู่ในชุดแจ็คเก็ตหนังสีดำซึ่งไม่ได้รูปซิป เผยให้เห็นกล้ามอกเป็นมัดๆ ดังกังวานอยู่เบื้องหน้ายมทูตฝึกหัดนาม 'ดาวเหนือ' หนุ่มน้อยร่างเล็กในชุดเชิ้ตดำ สูทดำปานนักธุรกิจ อายุอานามสักยี่สิบ เจ้าของดวงตาเรียวยาวภายใต้แว่นดำ และคิ้วหนาปานกลาง ที่ดูจะไม่เข้ากับปากนิดจมูกหน่อยสักเท่าไหร่ มิหนำซ้ำผิวของเขายังขาวซีดราวกับมีชีวิตอยู่แถบขั้วโลกเหนือ ไม่ใช่ยมโลกอันร้อนระอุแห่งนี้
"ขอรับ... ท่านยม" ยมทูตฝึกหัดดาวเหนือรับคำหนักแน่น ถึงอย่างนั้นดวงหน้าของเขาก็ยังดูอ่อนโยน นี่ถ้าไม่บอกว่าเขาเป็นยมทูตล่ะก็ เหล่าผู้รับโทษทัณฑ์ในนรกคงพากันเข้าใจว่า เขาเป็นไอดอลเกาหลีที่ถูกพาตัวมาตัดสินโทษ ข้อหาทำให้สาวๆ อกหักแหงๆ
"นับเงิน... เจ้าจงพาดาวเหนือไปฝึกงานกับเจ้า จงสอนทุกสิ่งที่รู้ และจงเรียนรู้แม้ในสิ่งที่ไม่อาจสอน ถึงจะเป็นการทำหน้าที่ยมทูตครั้งแรก ก็อย่าให้มีความผิดพลาดเด็ดขาด"
นั่นคือคำสั่งสุดท้ายของท่านยม ก่อนที่หัวหน้ายมทูตสาวสุดอึ๋มในชุดเชิ้ตดำสูทดำรัดรูปจะพายมทูตหนุ่มร่างเล็กออกมาจากหน้าบัลลังก์พิพากษา
"ได้ยินแล้วใช่มะดาวเหนือ เราต้องไปโลกมนุษย์กับพี่ แล้วก็อย่าดื้ออย่าซนล่ะ" นับเงินพูดพลางเชิดอกตู้มๆ เด้งๆ ใส่ยมทูตรุ่นน้อง แล้วดึงมือเขาให้เดินตามเธอมา หญิงสาวรับหน้าที่ยมทูตมานานเกือบพันปี จนได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้ายมทูต ซึ่งต้องคอยฝึกฝนและดูแลเหล่ายมทูตฝึกหัดรุ่นใหม่อย่างดาวเหนือ ให้สามารถรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้แบบมืออาชีพ ไม่นำส่งดวงวิญญาณผิดฝาผิดตัว
"รุ่นพี่อย่าทำแบบนี้เลยครับ ผมเคยบอกไปแล้วว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง" ดาวเหนือเอี้ยวตัวหนียอดอกที่พุ่งเข้ามาชี้อยู่ตรงหน้าเขา พลางปั้นหน้านิ่งเก็บความเซ็งเอาไว้ในใจ
"ย่ะๆ พ่อคนยึดมั่นในอุดมการณ์ เสียของหมด!" นับเงินสะบัดหน้าพรืดไปทางอื่น จนเส้นผมสลวยสวยเก๋ความยาวถึงก้นของเธอ ฟาดเข้าที่ใบหน้าของดาวเหนือ แม้จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่หนุ่มน้อยก็อดสงสัยไม่ได้ว่า รุ่นพี่สาวเลี้ยงผมยาวๆ ไว้ใช้ลากคอดวงวิญญาณมนุษย์มายังยมโลกแห่งนี้รึเปล่า
...แต่อีกไม่นานเขาก็คงได้รู้ความจริงแล้วล่ะ!
"เรากำลังจะไปโลกมนุษย์กันแล้ว จับแขนพี่ไว้ ถ้าคลาดกันล่ะก็งานเข้าแน่" นับเงินบอกดาวเหนือ และไม่รอช้าที่จะเป็นฝ่ายควงแขนเขา ก่อนที่เขาจะทันได้เอื้อมมือมาสัมผัสโดนแขนเสื้อของเธอเสียอีก
"กระฉับกระเฉงหน่อยยมทูตฝึกหัดดาวเหนือ ถ้าเวลาส่งดวงวิญญาณคลาดเคลื่อน ความผิดพลาดแค่ 0.01 เปอร์เซ็นต์ อาจจะกลายเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ จำไว้ให้ดีๆ" นับเงินอบรมยมทูตรุ่นน้องมือใหม่
"ครับ..." ดาวเหนือรับคำสั้นๆ แม้จะอยากอธิบายว่า ความเฉื่อยของเขาเกิดจากการต้องแตะตัวผู้หญิง ไม่ได้เกิดจากการหน่ายหน้าที่ แต่ดูเหมือนเงียบไว้จะดีกว่า
"แล้วก็... วันนี้พี่มีงานส่งดวงวิญญาณทั้งหมด 25 เคส ตามให้ทันล่ะ" นับเงินยิ้มหวานให้ดาวเหนือ ทว่านัยน์ตาเป็นประกายราวกับเริงร่าที่จะได้ล่า 'เหยื่อ' ทั้ง 25 คนที่กำลังจะหมดอายุขัยลงในวันนี้
"ครับ..." ดาวเหนือรับคำ ระหว่างที่วาร์ปจากยมโลกขึ้นมายังโลกมนุษย์ไปพร้อมๆ กับนับเงิน แน่นอนว่าตราบใดที่เธอยังควงแขนเขาเหนียวแน่นซะยิ่งกว่าติดกาวที่ผลิตจากปลิงขนาดนี้ ก็ไม่มีทางหรอกที่เขาจะตามเธอไม่ทัน
สองยมทูตปรากฏตัวอีกครั้งบนฟุตบาทพังๆ สภาพต่ำกว่ามาตรฐานในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพมหานคร ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านที่เดินผ่านไปมา ไม่มีใครสนใจใคร ยกเว้นขอทานไร้ขาเสื้อผ้าสีซีดและขาดวิ่นริมฟุตบาท ที่เบนสายตาซึ่งสอดส่ายมองหาผู้มีจิตเมตตา มาหยุดอยู่ที่สองหนุ่มสาวยมทูตในชุดสูทดำ
"ทำบุญทำทานกับคนพิการ ได้บุญเยอะนะครับ... คุณผู้หญิง คุณผู้ชาย" ชายไร้ขาวัย 40 ปี พูดกับทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"เขามองเห็นเราด้วยเหรอครับรุ่นพี่" ดาวเหนือกระซิบถามนับเงิน ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสีดำชำเลืองมองชายพิการคนนั้นด้วยความเห็นใจ
"เขาคือเหยื่อของวันนี้..."
คำตอบของหัวหน้ายมทูตสาวทำเอาดาวเหนือถึงกับชะงัก แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับอาการชะงักในความเฉยเมยและเย็นชาของเธอ
