บท
ตั้งค่า

บทที่ 12 ชายหนุ่มในโรงพยาบาล

ก้อนดินนอนมองเพดานห้องพักฟื้นด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะชำเลืองมองขวดน้ำเกลือเปล่าๆ ที่แขวนอยู่เยื้องกับศีรษะเล็กน้อยถึงปานกลาง มันแขวนอวดความว่างเปล่าแบบนี้มาชั่วโมงกว่าแล้ว

"ประกันสังคมก็จ่ายทุกเดือน ทำไมแลดูเหมือนใช้สิทธิ์รักษาฟรี"

นั่นคือเสียงที่ร่ำร้องอยู่ในหัวใจของเซลล์หนุ่มนักขายเครื่องกรองน้ำมืออาชีพ ที่เดือนนี้ยังขายไม่ได้เลยแม้แต่เครื่องเดียว แล้วใยเคราะห์กรรมยังกระหน่ำซ้ำเติมให้เขาต้องมานอนหมดสภาพอยู่ในโรงพยาบาลหลวงกลางกรุงอีก

"นี่ห้องวีไอพีแน่เหรอฟะ" ชายหนุ่มพึมพำ ระหว่างที่มองไปรอบๆ ห้องพักฟื้น แค่ผนังสีเหลืองกับโคมไฟสนามนี่ก็ดูไม่ใช่แล้ว ถ้าหากไม่เคยมีนางพยาบาลเข้ามาในห้องล่ะก็ เขาคงเข้าใจว่าตัวเองถูกลักพาตัวมาไว้ในโรงแรมจิ้งหรีดที่ไหนสักแห่งแน่ๆ

"ร่างกายอ่อนเพลีย น่าจะเพราะขาดสารอาหาร คงต้องให้น้ำเกลือหลายวัน" คุณพยาบาลวัยกลางคนบอก หลังจากที่ตรวจวัดความดันและค่านั่นนู่นนี่ให้เขา ก่อนจะออกไปจากห้อง และหายเงียบไปจนกระทั่งบัดนี้

"รออีกสักชั่วโมงแล้วกัน" ก้อนดินบอกตัวเอง แล้วนอนมองเพดานต่อไป เขาไม่ได้สนใจรายการทีวีที่คุณพยาบาลเปิดไว้ให้ เพราะไม่ใช่แนวที่ชอบดู อ้อ... ไม่มีกะจิตกะใจจะดูด้วย

"จะไม่ขาดสารอาหารได้ไง เงินเดือนสามพัน ค่าคอมตามยอด ขายไม่ได้ก็กินมาม่าวนไป จะใส่หมูใส่ไข่ แม่งก็ขึ้นราคา"

หากใครทะเล่อทะล่าเปิดประตูเข้ามาในห้องตอนนี้ คงได้ยินเสียงบ่นอันยืดยาวของก้อนดิน ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าของเขา เพื่อนร่วมงานของเขา ครอบครัวของเขา หรือแม้แต่คุณพยาบาล

"คร่อกกกกก..."

แล้วชายหนุ่มก็นอนบ่นจนหลับไป โดยที่ขวดน้ำเกลือยังว่างเปล่า และคุณพยาบาลยังไม่เข้ามา

เวลาเดียวกัน... ณ มุมหนึ่งของสถานที่ที่มนุษย์ต่างเรียกขานกันว่า 'นรก'

"พอแค่นี้ก่อน ได้เวลาเคสต่อไปแล้ว" ไมเคิลบอกดาวเหนือ แล้วจัดการเปลี่ยนเคียวด้ามยาวให้กลับไปเป็นปากกาอย่างเดิม

"คงไม่ไหวหรอกครับรุ่นพี่ ผมไม่ใช่อัจฉริยะหัวไว ที่จะฝึกใช้เคียวได้ในไม่กี่ชั่วโมง" ดาวเหนือบอกรองหัวหน้ายมทูตไปตามตรง หลังจากที่อีกฝ่ายไปลากตัวเขากลับมาฝึกใช้เคียวต่อจนครบครึ่งชั่วโมง อันเป็นเวลาว่างน้อยนิดของการนำส่งดวงวิญญาณในวันนี้

"ผมไม่ได้จะฝึกให้นายใช้เคียวเป็นในไม่กี่ชั่วโมง แค่จะฝึกให้ใช้เคียวได้ จับเคียวเป็นในเวลาฉุกเฉิน หรืออย่างน้อยก็ควรต้องรับเคียวได้ ถ้าผมโยนเคียวไปให้" ไมเคิลตอบในสิ่งที่เขาคาดหวัง ทว่าคำพูดประโยคสุดท้ายนั้น กลับทำให้ยมทูตฝึกหัดหนุ่มน้อยจินตนาการไปไกลถึงคมเคียวที่ตกลงกลางหัวของเขาแล้วตัดฉับ

...ภาพที่ไมเคิลใช้เคียวยมทูตตัดคอมารสูทขาว ยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ และชวนให้เขา... คิดดีไม่ได้เลย ให้ตายเถอะ!

"เอ่อ... ถ้าเกิดผมรับเคียวพลาด แล้วมันตกลงมาตัดหัวผม ท่านยมจะต่อให้เหมือนเดิมได้หรือเปล่าครับ?" ดาวเหนือตั้งคำถามที่ทำเอาอีกฝ่ายหันมามองหน้าเขาแปลกๆ

"ท่านยมไม่มีสกิลแบบนั้นหรอกนะ"

คำตอบของไมเคิลดับความหวังอันริบหรี่ของดาวเหนือลงในทันที หนุ่มน้อยเข้าใจว่าผู้เป็นใหญ่ในนรกอย่างท่านยม จะมีอำนาจร้อยแปดพันเก้าที่จะบันดาลอะไรให้เกิดขึ้นก็ได้เสียอีก

"งั้นถ้าผมรับเคียวพลาด ก็ตายฟรีสิครับเนี่ย?" ยมทูตฝึกหัดหนุ่มน้อยทำหน้าสิ้นหวัง เหมือนมั่นใจเสียเหลือเกินว่าตัวเองจะตายเพราะเคียวยมทูตของไมเคิลตกใส่หัว

"ถ้าไม่ใช่พลังวิญญาณของเจ้าของเคียว มันก็ฆ่าใครไม่ได้หรอก อย่าคิดอะไรพิลึกๆ ได้ไหม" ไมเคิลส่ายหน้าให้กับจินตนาการอันล้ำลึกและกว้างไกลของดาวเหนือ

"ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะได้โล่งใจครับ"

ท่าทางของดาวเหนือบ่งบอกว่าหนุ่มน้อยกำลังโล่งใจจริงๆ เขากลัวตาย ทั้งๆ ที่เคยผ่านความตายมาแล้วอย่างนั้นน่ะหรือ เปล่าเลย... มันไม่ใช่ความกลัว ทว่ามันคือความรู้สึกเสียดายโอกาสในการเป็นยมทูตต่างหาก อย่างน้อยดาวเหนือก็ขอให้เขาได้ส่งดวงวิญญาณของคนคนนั้นลงนรก ก่อนที่เขาจะต้องกลับไปเกิดเพื่อใช้กรรมบนโลกมนุษย์

...ใช่แล้ว หนุ่มน้อยกำลังหมายถึงเหยื่อรายแรกของเขา จอมลวงโลกที่ชื่อ 'ก้อนดิน' นั่นยังไง

"ฮัดเช้ยยยยย!!"

อาการคันจมูกเฉียบพลัน ทำให้ก้อนดินจามออกมาสุดแรง ชายหนุ่มตกใจตื่นเพื่อที่จะพบว่าขวดน้ำเกลือของเขายังคงว่างเปล่า

"รออีกสักชั่วโมงแล้วกัน คนไข้คงเยอะล่ะมั้ง" ก้อนดินพึมพำกับตัวเอง แล้วเบนสายตาไปทางทีวีที่กำลังนำเสนอข่าวอุบัติเหตุ

"อยู่ๆ เค้าก็ถอยหลังลงมาจากฟุตบาทครับ ระยะกระชั้นชิดเลย ดีว่าผมพึ่งเลี้ยวออกมาจากซอย ยังไม่ได้เหยียบคันเร่งเท่าไหร่ ถ้าผมมาทางตรง คงหนักล่ะครับ" ผู้ชายหน้าตาคุ้นๆ คนหนึ่งกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถยนต์ชนคนที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก่อนที่ผู้ประกาศข่าวสาวจะบรรยายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบภาพจากกล้องวงจรปิดและวีดีโอจากกล้องหน้ารถ

ปิ๊นนนนน!!

โครมมมมม!!

เสียงแตรรถและเสียงการชนจากคลิปวีดีโอกล้องหน้ารถ ดังสนั่นหวั่นไหว ทำเอาก้อนดินถึงกับสะดุ้ง ไม่ใช่เพราะเขาขวัญอ่อน แต่เป็นเพราะต้นตออุบัติเหตุในข่าว... คือเขาเอง

และมันก็ทำให้ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดย้อนกลับมาในความทรงจำของชายหนุ่มอีกครั้ง

ปังงงงง!!

เสียงปืนที่ดังขึ้น เรียกให้เขาหันขวับไปมองทางต้นเสียง ก่อนจะหันกลับมาทางคนสูทดำจอมจุ้นตรงหน้า ทว่าหมอนั่นกลับหายไปต่อหน้าต่อตาเขา ซึ่งนั่นหมายความว่า...

"ผะ... ผะ... ผี!!" ก้อนดินร้องลั่น พร้อมกับถอยหลังลงฟุตบาทอย่างเร็ว และหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่ข่าวนำเสนอ ชายหนุ่มถูกรถยนต์ที่พึ่งเลี้ยวออกมาจากซอยชนเข้าอย่างจัง มิหนำซ้ำเขายังกระเด็นไปกระแทกเสาไฟ ก่อนจะร่วงลงมาทรุดนอนตรงฝาท่อระบายน้ำปูนที่เปิดคาไว้ครึ่งนึง

และไม่ใช่แค่นั้น... เพราะแบงค์ร้อยในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของเขา ยังปลิวลงไปในท่ออีกด้วย

"เฮ้ย!! เงินฉัน... โอ๊ย!!" เขาตั้งใจจะเอื้อมมือลงไปคว้าเงินที่กำลังลอยละล่องลงไปในท่อ แต่กลับต้องชะงัก เพราะความเจ็บปวดที่แล่นจากแขนขึ้นมาที่สมอง มิหนำซ้ำพอใช้แขนอีกข้างยันตัวเองขึ้น ก็กลับต้องพบว่าขาข้างหนึ่งของเขาใช้งานไม่ได้เช่นกัน

แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นตอนนี้... เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพื่อใส่เฝือกแขนกับขาที่หักอย่างละท่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะชนกับรถหรือเสาไฟฟ้าปูนกันแน่

"นานแล้วนะเนี่ย" ก้อนดินเบนสายตาไปทางหน้าห้อง ซึ่งยังไม่มีวี่แววของพยาบาลสักคน... เหมือนเดิม

"ไปตามดีไหม?" ชายหนุ่มคล้ายจะตั้งคำถามกับตัวเอง ทั้งที่สภาพร่างกายไม่ควรค่ากับคำถามนี้เอาเสียมากๆ จะบอกว่าเขาไม่เจียมบอดี้ก็ได้ แต่เวลานี้ก้อนดินอยากทำยังไงก็ได้ ให้ตัวเองพ้นหูพ้นตาไปจากข่าวชวนอายนี่ ถึงจะบอกว่าอีกไม่กี่วิมันก็จบ แต่เวลาหันไปเห็นทีวี มันก็ชวนให้เขาอดคิดถึงภาพอันน่าอัปยศอดสูไม่ได้อยู่ดี

"ไปสิวะ รออะไร..." ก้อนดินถามเองตอบเองอย่างไม่ลังเล แล้วใช้มือข้างที่ยังปกติยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

"ไม้เม้ยก็ไม่มี เอาไงดีฟะ" เขาพึมพำ หลังจากที่มองไปรอบห้องแล้วไม่เห็นอะไรที่จะพาเขาไปถึงโต๊ะพยาบาลได้ นอกจาก...

"ใช้ไอ้นี่ก็ได้ฟะ ไหนๆ ก็ต้องลากไปด้วยอยู่แล้ว"

เหล็กข้างเตียงถูกขยับให้เลื่อนลง ก่อนที่เสาน้ำเกลือจะกลายมาเป็นตัวช่วยในการพยุงสังขารร่างขึ้นจากเตียง โชคดีที่ตัวเขาสูงพอจะลงจากเตียงได้ แม้จะใช้ขาเพียงข้างเดียว ทว่า...

"เดินไงล่ะนี่"

สภาพเฝือกแขนซ้ายกับเฝือกขาขวา ทำเอาก้อนดินยืนคิดอยู่นานว่า เขาควรเดินไปหาคุณพยาบาลด้วยท่าไหน ในที่สุดชายหนุ่มก็เลือกวิธีดันเสาน้ำเกลือให้เลื่อนไปข้างหน้า ก่อนจะใช้ขาที่ยังปกติอยู่ 1 ข้าง เขย่งเก็งกอยตามไป ด้วยวิธีนี้ทำให้ก้อนดินเข้าใจในทันทีถึงคำกล่าว 10 นาทีเหมือน 10 ปี ว่ามันเป็นเช่นไร

"แฮ่ก... แฮ่ก... แฮ่ก..."

10 นาทีต่อมา ก้อนดินก็คืบคลานมาจนถึงประตูห้องพักฟื้น เขายืนหอบอยู่พักใหญ่ แถมยังยืนนิ่งอยู่นานเพราะชั่งใจว่า ตนควรจะไปต่อหรือพอซำนี้ หากเขาเลือกที่จะไปต่อ เขาต้องใช้เวลาอีกนานขนาดไหนกว่าจะไปถึง และถ้าเขาเลือกที่จะตัดใจ เขาจะทำยังไง... กับท่าหมุนตัว

และขณะที่เขายืนคิดไม่ตกอยู่นั้น...

แอ๊ดดดดด...

ประตูห้องพักฟื้นถูกใครคนนึงผลักเข้ามา พลอยให้ก้อนดินต้องรีบเขยิบเท้าพาตัวเองหนี เพราะเกรงจะถูกอัดก๊อปปี้อยู่กับผนังห้อง

"อ้าว! พี่ก้อน มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ครับเนี่ย โห! สภาพพี่แย่กว่าที่ผมคิดไว้อีกนะ คนเหล็กอย่างพี่น่าจะแค่ถลอกปอกเปิกนิดหน่อยเองนี่นา ไมเยินขนาดเนี้ย" รุ่นน้องคนสนิทหัวหยิกฟูในชุดเสื้อยืดโปโลบริษัทกับกางเกงยีนส์ จ้องมองสภาพเฝือกคูณสองของก้อนดิน เหมือนไม่อยากเชื่อตาตี่ๆ ของตัวเอง

"ใครเป็นคนเหล็กฟะไอ้นัด ฉันแค่เซลล์ธรรมดา กินมาม่าไปวันๆ เฟ้ย ไม่ตายก็บุญแค่ไหนแล้ว" ก้อนดินตอบคำทักทาย พลางปั้นหน้าเอือมระอาให้กับการเชิดชูเกียรติของอีกฝ่าย

“ผมชื่อนัสครับพี่ พี่ต้องออกเสียง ส เสือ นิสนึง เวลาเรียกชื่อผมด้วยสิครับ" เจ้าของชื่อ 'นัส' แย้งด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง เขาเป็นหนุ่มน้อยวัย 20 ต้นๆ ที่พึ่งจับพลัดจับผลูได้เข้ามาอยู่ในทีมขายเครื่องกรองน้ำ เพราะดันทะเล่อทะล่าขี่มอเตอร์ไซค์ไปชนรถเก๋งของก้อนดิน แล้วไม่มีตังค์จ่ายค่าเสียหาย

"เอ้อ... ว่าแต่พี่จะไปไหนครับเนี่ย สภาพนี้ยังจะเดินอีกเหรอ หรือว่าหมอให้ทำกายภาพ?" นัสวกกลับเข้าคำถามเดิมที่ยังไม่ได้คำตอบ

"เปล่า... พี่จะไปตามพยาบาลให้มาเปลี่ยนขวดน้ำเกลือ มันหมดมาหลายชั่วโมงแล้ว" ก้อนดินตอบเซ็งๆ พลางพยักพเยิดหน้าไปทางขวดน้ำเกลือว่างเปล่าที่ห้อยอยู่บนเสา

"คนไข้เยอะพี่ เค้าคงยุ่งๆ กัน ดีมานด์กับซัพพลายไม่สมดุลก็งี้เนอะ แต่ไม่เป็นไรนะพี่ เดี๋ยวผมพาพี่ไปเอง" นัสไม่พูดเปล่า แต่ช่วยพยุงรุ่นพี่ผู้น่าสงสารออกไปจากห้อง โดยที่มืออีกข้างก็ลากเสาน้ำเกลือตามมาด้วย

"ขอโทษนะครับ รุ่นพี่ผมรอน้ำเกลือหลายชั่วโมงแล้ว เค้าจะตายไหมครับ?" หนุ่มน้อยเจ้าของชื่อนัสยิงคำถามใส่คุณพยาบาล ทันทีที่พาสังขารของก้อนดินมาถึงโถงกลางของชั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel