บทที่ 11 การพบกันครั้งที่ 2
"ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!!"
เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นกลางซอยที่ผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก ด้วยเป็นช่วงเวลาทำงานหลังการพักเที่ยง ซึ่งหนังท้องกำลังตึงและหนังตาก็กำลังหย่อนได้ที่ มีรถราแล่นผ่านไปมาเป็นระยะๆ มิหนำซ้ำคนขับรถส่วนหนึ่งก็เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ หากแต่ไม่มีใครสนใจที่จะให้ความช่วยเหลือหญิงวัยกลางคนร่างเล็กๆ บางๆ ในชุดพนักงานห้างที่กำลังพยายามวิ่งตามคนร้ายกระชากสร้อยอยู่ในขณะนี้
"ชะ... ชะ... ช่วยด้วยค่ะ"
เสียงร้องนั้นเริ่มเบาลง และขาดห้วงมากขึ้น จากอาการเหนื่อยหอบ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังพยายามวิ่งไล่ตามเพื่อทวงของของเธอคืน แม้ตลอดระยะทางบนฟุตบาทอันลาดเอียงและหลุมบ่อ จะไม่มีใครยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเลยก็ตาม
"ใครคือเหยื่อของเคสนี้หรือครับรุ่นพี่?"
ในที่สุดดาวเหนือก็ทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้ เขาถึงกับยอมล้มเลิกความตั้งใจ เพื่อให้ได้รู้คำเฉลยล่วงหน้า
"เดี๋ยวก็รู้เอง" ไมเคิลยังคงตอบสั้นๆ แบบไม่ได้ใจความของคำตอบเหมือนเดิม และเพราะนี่ไม่ใช่คำตอบที่ดาวเหนือต้องการ ยมทูตฝึกหัดหนุ่มน้อยจึงจำต้องรีบวาร์ปตามโจรวิ่งราวไปติดๆ นั่นเองที่ทำให้เขาได้พบกับ...
"เฮ้ย! ขวางทางโว้ย" ชายหนุ่มอ้วนเตี้ยวัย 20 เศษ ในชุดเสื้อยืดกระดำกระด่างกับกางเกงยีนส์ขาดๆ เหมือนหมึกบั้ง ผู้รับบทโจรวิ่งราว ผลักใครคนหนึ่งที่กำลังเดินลากกระเป๋าเดินทางแบบมีล้ออยู่ข้างหน้า ให้ออกไปพ้นทางวิ่งของตน ทั้งที่บิดามารดาของเขาไม่เคยมีเอี่ยวใดๆ กับฟุตบาทและถนนเส้นนี้เลย
โครมมมม!!
ร่างสูงของคนถูกผลักล้มโครมใส่กระเป๋าเดินทางที่เขากำลังลากอยู่ จนล้อของมันหักกระเด็นตกลงไปในท่อระบายน้ำ และไม่ใช่แค่นั้น เพราะทันทีที่เขาลุกขึ้นมาปัดเนื้อปัดตัวปัดเสื้อผ้า สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นอึหมาใต้พื้นรองเท้าหนังที่ตนสวมอยู่ นั่นเองที่ทำให้ความอดทนของเขาขาดสะบั้น
"หยุดเดี๋ยวนี้นะเฟ้ยยยยย!!" ชายผู้เหยียบอึหมาทิ้งกระเป๋าเดินทางของตัวเอง แล้ววิ่งสี่คูณร้อยไปกระชากคอเสื้อโจรวิ่งราว หากแต่มันใช้แรงไขมันสะบัดออกได้แบบหวุดหวิด ทว่า...
พลั่กกกกก!!
รองเท้าคัทชูเปื้อนฝุ่นและอึหมาตะบันเข้าหน้าโจรเคราะห์ร้ายอย่างจังในท่ากระโดดเตะ จนมันหงายหลัง ถึงอย่างนั้นนั่นก็ยังไม่สาแก่ใจชายผู้ต้องสูญเสียรองเท้า
พลั่กกกกก!!
กำปั้นหนักๆ ตะบันเข้าข้างแก้มตุ้ยนุ้ยของโจรเคราะห์ร้าย และอัดหน้ามันเข้ากับเสาไฟฟ้าเอียงๆ ตรงนั้นอย่างแรง มืออูมๆ ที่เคยกำของมีค่าไว้มั่น บัดนี้คลายออกจนสร้อยทองหนึ่งสลึงเส้นนั้นร่วงลงพื้น และคืนสู่ลำคอระหงของเจ้าของเดิมในที่สุด
"ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่ช่วยจับโจร"
แม้ไม่ได้ตั้งใจจะช่วยจับโจร และนั่นเป็นเพียงผลของการสำเร็จโทษมันผู้ทำให้รองเท้าของเขาต้องแปดเปื้อน หากแต่ชายเจ้าของรองเท้าก็ยิ้มรับคำขอบคุณนั้นด้วยความเต็มใจ ซ้ำยังช่วยเก็บสร้อยส่งคืนให้ และยืนมองจนเจ้าของสร้อยเดินลับสายตาไปอีกด้วย
"ไอ้นักต้มตุ๋น! ไอ้เซลล์ลวงโลก!"
เสียงที่ฟังดูเหมือนจะคุ้นหูแต่ก็ไม่คุ้น ทำให้ชายผู้เหยียบอึหมาและกำลังถูกเรียก หันขวับไปเผชิญหน้าเจ้าของเสียงอย่างดาวเหนือ เมื่อตาประสานตา ความทรงจำเมื่อครั้งวันวานก็หวนคืนมาอีกครั้ง
"ไอ้ตัวซวยจอมจุ้น!!"
สองหนุ่มต่างชี้หน้าเรียกหาอีกฝ่าย ด้วยฉายาที่เก็บเกี่ยวได้จากความประทับใจเมื่อครั้งแรกพบ ทว่าตอนนั้นเอง...
ปังงงงง!!
เสียงปืนดังขึ้น 1 นัด เรียกให้ทั้งคู่หันขวับไปมองทางต้นเสียง แน่นอนว่าดาวเหนือรีบวาร์ปไปยังจุดที่คาดว่าน่าจะเป็นสถานที่เกิดเหตุ โดยไม่ได้สนใจว่าการกระทำของเขาจะทำให้เซลล์นักต้มตุ๋นจอมลวงโลกผู้มีนามว่า 'ก้อนดิน' ถึงกับยืนอึ้ง ทึ่ง เสียวขนาดไหน
"ผู้หญิงคนนั้น!!"
ร่างเล็กๆ บางๆ ในชุดพนักงานห้างนอนคว่ำหน้านิ่งจมกองเลือด ในตอนที่ดาวเหนือไปถึง บนพื้นใกล้ๆ กันมีสร้อยทองของเธอตกอยู่ ใครกันที่ทำแบบนี้!? และถ้าไม่ใช่การปล้นทรัพย์ คนคนนั้นทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน!?
"เกิดอะไรขึ้นครับรุ่นพี่ ผม... มาไม่ทัน" ดาวเหนือวาร์ปเข้าไปถามไมเคิล ความอยากรู้มันเรียกร้องให้เขาต้องตั้งคำถาม โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตอบแบบสั้น กระชับ และไม่ได้ใจความเหมือนเดิมอีกหรือไม่
"กระชากไปแล้วถึงรู้ว่าเป็นสร้อยปลอม ขัดใจเลยยิงทิ้ง" ไมเคิลเรียบเรียงเรื่องราวให้จบในสองวรรค ระหว่างที่ยืนมองเจ้ามูนพันธนาการดวงวิญญาณของเหยื่อ ที่ยังคงร้องไห้คร่ำครวญและพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนไปเก็บสร้อย เธอเสียดาย แม้ว่ามันจะเป็นแค่ของปลอมที่สั่งซื้อผ่านแคตตาล็อกออนไลน์
"คนที่ทำเป็นพวกเดียวกับโจรวิ่งราวคนนั้นเหรอครับ หรือว่าเป็นคนละพวก ถ้าเป็นคนละพวก แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ซวยซ้ำซวยซ้อนมากเลยนะครับ ท่าทางเธอคงจะรักสร้อยเส้นนี้มาก อาจจะเป็นสร้อยที่คนที่เธอรักซื้อให้ รุ่นพี่คิดว่าไงครับ"
ว่ากันว่าความสงสัยนั้นไม่มีที่สิ้นสุด วันนี้ไมเคิลได้พิสูจน์แล้วว่า คำกล่าวนี้เป็นความจริง
"นายรอถามตำรวจก็ได้ เย็นๆ ผมจะกลับมารับ"
รอยยิ้มของไมเคิลดูเยือกเย็นพิกล ส่วนคำพูดของเขาก็เดาไม่ออกจริงๆ ว่า กำลังพูดประชดหรือพูดประชด
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่สงสัยอะไรแล้ว" ดาวเหนือตัดบทอันยืดยาวของตัวเองทิ้ง แล้วเลือกที่จะนิ่งเงียบไปอีกครั้ง หนุ่มน้อยลืมไปเสียสนิทว่า ตนได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ใครคนหนึ่งก่อนหน้านี้
"อย่าบอกนะว่าหมอนั่น... เป็นผี" ก้อนดินในสภาพเฝือกแขนซ้ายกับเฝือกขาขวา นอนพึมพำกับตัวเองอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ด้วยความข้องใจ แต่สักพักก็เปลี่ยนมาถอนหายใจให้กับสภาพอันน่าอนาถของตัวเอง
"เดือนนี้ยังขายเครื่องกรองน้ำไม่ได้สักเครื่อง แถมยังต้องมานอนโรงพยาบาลอีก เด็กผีนั่นมันต้องเป็นตัวซวยแน่ๆ" เขาพาลไปถึงดาวเหนือ ซึ่งเวลานี้กำลัง...
"ฮัดเช้ยยยย!!" หนุ่มน้อยยมทูตฝึกหัดจามใส่หน้าไมเคิลที่กำลังสอนเขาใช้เคียว เพื่อเตรียมพร้อมรับมือพวกมารที่มีเค้าว่าจะมาแย่งชิงดวงวิญญาณอีกเร็วๆ นี้
"ขะ... ขะ... ขอโทษครับรุ่นพี่ ผมคงเป็นหวัดแน่ๆ!!" ดาวเหนือรีบยกมือไหว้ท่วมหัวพร้อมคำพูดแก้ตัว ด้วยรู้ว่าชะตาชีวิตกำลังจะถึงฆาตอีกรอบในไม่ช้า
"ถ้ายมทูตจาม แสดงว่ามีคนกำลังพูดถึง" ไมเคิลตอบขรึมๆ ระหว่างที่ล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาเช็ดร่องรอยที่ยมทูตรุ่นน้องได้ฝากไว้
"คงจะเป็นหัวหน้านั่นแหละครับ ถ้าอย่างงั้นผมขอตัวไปหาหัวหน้าก่อนนะครับ" ดาวเหนือได้โอกาสชิ่งหนีเอาตัวรอด โดยยกนับเงินขึ้นมาเป็นข้ออ้าง แม้เขาจะคิดว่าคนที่บ่นถึงเป็นเธอจริงๆ ก็ตามที
"ท่านยมมีคำสั่งห้ามเยี่ยม ถ้าหัวหน้าหายดีเมื่อไหร่ เจ้าก็เห็นเองนั่นแหละ"
และเพราะไม่สามารถเข้าเยี่ยมนับเงินได้ ดาวเหนือจึงยังไม่รู้ว่า คนที่บ่นถึงเขาไม่ใช่หัวหน้ายมทูตสาว หากแต่เป็นชายหนุ่มผู้ที่กำลังจะกลายเป็นเหยื่อของเขาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า... นับจากนี้
