บทที่ 10 เขาและเขาอีกคน
อู๊ดๆ อู๊ดๆ อู๊ดๆ!!
แม้ดวงวิญญาณของชายผู้เป็นเจ้าของโรงฆ่าสัตว์ จะถูกงูยมทูตพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา ทว่าวิญญาณหมูทั้งหลายก็ยังไม่เลิกรุมทึ้งและส่งเสียงอาฆาตไปถึงนายแสง จนไมเคิลต้องจัดการขั้นเด็ดขาด
"ถ้าพวกเจ้าไม่ไป ข้าจะจับส่งลงนรกให้หมด จะเอาแบบนั้นใช่ไหม!?"
รังสีอำมหิตของรองหัวหน้ายมทูตแผ่ซ่าน จนแม้แต่ยมทูตฝึกหัดอย่างดาวเหนือยังขนลุกเกรียว เขาอยากจะถอนตัวจากการฝึกงานซะเดี๋ยวนี้ ทว่ามีหรือที่หนุ่มน้อยจะกล้าเอ่ยปาก เพราะขนาดวิญญาณเจ้าหมูขี้ดื้อนับร้อย ยังหายจ้อยในพริบตาเดียว
"ต้องให้ดุให้ขู่ เจ้าหมูพวกนี้" ไมเคิลพึมพำกับตัวเอง โดยไม่มีทีท่าจะแสดงปฏิกิริยาใดๆ กับคำขอโทษของดาวเหนือ
หรือเขา... จะไม่ได้ยินมัน เพราะเสียงหมูพวกนั้นดังกลบ ดาวเหนือได้แต่ครุ่นคิด หนุ่มน้อยไม่กล้าเอ่ยปากถามหรือแม้แต่จะขยับปากพูดอะไรออกมา เวลานี้เขาทำได้แค่ชำเลืองมองท่าทีของไมเคิลเป็นระยะๆ 3 วิครั้งบ้าง 5 วิครั้งบ้าง และในที่สุด...
"เป็นอะไรเด็กใหม่ ทำตาลอกแลกทำไม?" ไมเคิลถามขึ้น ระหว่างที่ทั้งคู่วาร์ปพาดวงวิญญาณลงมาส่งให้กับผู้คุมตรงหน้าประตูนรก
"ผมนึกว่ารุ่นพี่โกรธผมเรื่องมูนวอล์กน่ะครับ" ดาวเหนือยิ้มเจื่อนๆ และแม้จะอยากตอบว่า 'เปล่าครับ ไม่มีอะไร' แต่คิดๆ ไป นั่นน่าจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี
"ก็ไม่นี่ ตอนผมเจอหัวหน้าก็แบบนี้ ถามว่ามีซัมติงอะไรกับแม่น้ำมูล" ไมเคิลตอบด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด เหมือนชีวิตนี้ขาดคนเข้าใจ
"งั้นหรือครับ" ดาวเหนือหัวเราะฝืดๆ แล้วเงียบไป เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ไมเคิลเองก็เงียบไปไม่ต่างกัน ความเงียบเข้าครอบคลุมและสร้างช่องว่างระหว่างทั้งคู่ จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังทำลายความเงียบขึ้น
"ติ๊ด... ติ๊ด... แจ้งเคสเพิ่มเติม"
เครื่องมือสื่อสารสีดำรูปร่างหน้าตาคล้ายกระดุม ตรงปกเสื้อของไมเคิล ร้องแจ้งเตือนการติดต่อจากหน่วยบัญชีรายชื่อผู้ถึงฆาตประจำยมโลก มันใช้พลังวิญญาณในการทำงานแทนแบตเตอรี่ และเชื่อมต่อถึงกันผ่านเครือข่ายยมทูตเท่านั้น
"เคสของหัวหน้านับเงินใช่ไหม?" ไมเคิลวาร์ปมาหยุดยืนพิงเสาไฟถนนหลอดขาด ภายในซอยชื่อดังย่านชุมชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ถัดไปยังมีเสาไฟไร้แสงอีกหลายต้น มิหนำซ้ำบางจุดยังมีสายไฟห้อยระโยงระยางลงมา ราวกับจะให้ใช้งานแทนเถาวัลย์ด้วย
"ใช่... แจ้งล่วงหน้าเพื่อเตรียมพร้อม..." อีกฝ่ายตอบรับ ก่อนจะแจ้งรายชื่อเหยื่อที่ไมเคิลต้องทำหน้าที่นำส่งดวงวิญญาณลงนรกแทนนับเงิน พร้อมช่วงเวลาในการตาย
"รับทราบ" ไมเคิลนิ่งฟังจนจบแล้วตอบรับขรึมๆ พลางคิดคำนวณในใจถึงจำนวนดวงวิญญาณทั้งหมดที่จะกลายมาเป็นเหยื่อของเขาในวันนี้ รวมไปถึงระยะเวลาที่เขาจะต้องใช้ในการนำส่งวิญญาณแต่ละดวง แต่แล้วตอนนั้นเอง...
"แจ้งล่วงหน้าเพื่อเตรียมพร้อม สำหรับเคสวันพรุ่งนี้และมะรืนนี้..."
การแจ้งเตือนถัดมาของหน่วยบัญชีรายชื่อผู้ถึงฆาตประจำยมโลก ทำเอาไมเคิลชะงักความคิดทั้งหมด เพราะหากมีการแจ้งล่วงหน้าข้ามวันข้ามคืนเช่นนี้ นั่นหมายความว่า เคสที่เขาต้องรับผิดชอบ มีโอกาสที่พวกมารสูทขาวจะเข้ามามีเอี่ยวสูงมาก
"นายอ้วนส้ม อมนากา คอนเฟิร์มเคสคืนวันพรุ่งนี้ 22 นาฬิกา นายประวิง สุขชูรส คอนเฟิร์มเคสคืนวันมะรืน 23 นาฬิกา"
คำพูดถัดไปที่ได้ยิน ทำเอาดาวเหนือผู้ยังไม่เคยล่วงรู้กฎข้อนั้นของเหล่ายมทูต ถึงกับชะงัก
"รับทราบ" ไมเคิลตอบรับสั้นๆ รอยยิ้มเหี้ยมของยมทูตนักฆ่าปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืด แม้ในยามที่อีกฝ่ายตัดสัญญาณการสื่อสารไปแล้ว
"เคสของหัวหน้านับเงินที่โอนมาให้รุ่นพี่นี่ มีแต่คนดังๆ ทั้งนั้นเลยนะครับ"
เป็นครั้งแรกที่ดาวเหนือกล้าเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน ทว่านั่นก็เป็นเพราะเขาไม่สามารถหนีเจ้าของรังสีอำมหิตที่กำลังแผ่ซ่านอยู่ข้างตัวได้ต่างหาก
"พวกมันจะมาแน่ยังไงล่ะ แล้วก็มีแต่ผมที่รับมือได้ แทบจะทนรอไม่ไหวเลยล่ะ"
น้ำเสียงแหบพร่าอันเปี่ยมล้นไปด้วยความยินดีของไมเคิล ทำเอาดาวเหนือขนพองสยองเกล้ายิ่งกว่าเดิม มันฟังดูราวกับเสียงของฆาตกรโรคจิตที่พึ่งค้นพบตัวเหยื่อที่เขาเฝ้าตามหา
"พวกมัน... เอ่อ... หมายถึงพวกมารสินะครับ" หนุ่มน้อยยมทูตฝึกหัดซักถามเพื่อความมั่นใจ ว่าเขาไม่ได้เข้าใจอะไรผิดพลาด ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าดวงวิญญาณของเหล่าคนดังผู้ไม่เป็นที่ต้องการในไทยแลนด์แดนสนธยาแห่งนี้ จะกลับกลายเป็นบุคคลที่เหล่ามารต้องการตัว
"ช่ายยยยย... เอาล่ะ ทำงานกันได้แล้ว จะได้ถึงพรุ่งนี้... ไวๆ" ไมเคิลไม่พูดเปล่า แต่พาดาวเหนือวาร์ปสุดแรงไปตามสถานที่ที่เหยื่อประจำวันของเขาเสียชีวิต
"มูน! สำแดงแสนยานุภาพให้พวกมันเห็นสิ ว่าที่พวกมันคิดเหิมเกริมกับเจ้า ยังเร็วไปร้อยปี"
และไม่ใช่แค่ไมเคิลเท่านั้น แต่ดูเหมือนเจ้างูคู่หูของเขาก็จะฮึกเหิมเป็นพิเศษเช่นกัน
ฟ่ออออออออ!!
มูนวอล์กขยายร่างสีดำเมื่อมของมัน ทันทีที่ได้รับอนุญาตจากไมเคิล จากเดิมที่ขนาดตัวเท่างูจงอางธรรมดาๆ เวลานี้ตัวของมันเทียบเท่าอนาคอนดาโตเต็มวัย!!
"นี่มันสงครามสัตว์ป่าหรือไงเนี่ย" ดาวเหนือถอยออกมายืนหลบอยู่ด้านนอกลูกกรง ตาชำเลืองมองไมเคิลสลับกับวิญญาณสัตว์ป่านานาชนิดตรงหน้า พลางพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
...เหยื่อของไมเคิลส่วนใหญ่มักเป็นมนุษย์ชะตาขาดที่มีดวงวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรมารอคอยชำระแค้นเป็นจำนวนมาก อย่างรายล่าสุดที่มีวิญญาณสัตว์ป่ามาแสดงพลังอาฆาตกันเต็มคุก ซ้ำยังไล่ไม่ไป จนไมเคิลต้องสั่งการให้คู่หูออกโรงแทนเขาที่กำลังลากดวงวิญญาณเหยื่อออกมาจากห้องขัง เพราะปวดหูกับเสียงคำรามเกินระดับเดซิเบลมาตรฐานเหล่านั้น
"เรียบร้อย ไปกันได้แล้ว"
หลังสงครามสัตว์ป่าสิ้นสุดลง ไมเคิลก็เดินหน้าชื่นตาบานเข้ามาหายมทูตหนุ่มน้อย โดยมีมูนวอล์กเลื้อยตามมาติดๆ บนบ่าของเขาสะพายอุปกรณ์สีดำบางอย่าง หน้าตาคล้ายปืนบาซูก้าขนาดยักษ์ ทว่าไม่ใช่
"อันนั้นคืออะไรครับรุ่นพี่?" ดาวเหนืออดสงสัยไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นนับเงินหรือยมทูตตนไหนใช้มาก่อน แม้จะคับคล้ายคับคลาว่าเคยได้ยินผู้คุมฝึกอธิบายถึงมัน แต่การจะให้เขาจดจำเครื่องไม้เครื่องมือทั้งล้านแปดของยมทูตนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
"นี่เหรอ... เครื่องเก็บวิญญาณไง 1 เครื่อง เก็บวิญญาณในรูปแบบแคปซูลได้ 500 ดวง ไว้ใช้เวลาไปเก็บวิญญาณที่ตายจากอุบัติเหตุใหญ่ สงคราม หรือไม่ก็... ใช้เก็บวิญญาณพวกเจ้ากรรมนายเวรขี้ดื้ออย่างที่เห็น" ไมเคิลอธิบายละเอียดยิบ ท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก่อนที่ทั้งหมดจะวาร์ปพาวิญญาณกว่าร้อยดวงลงสู่ขุมนรก
"ทำไมมันเยอะขนาดนี้ล่ะ?" ผู้คุมสูทแดงชะงักไป เมื่อไมเคิลส่งกระบอกเก็บวิญญาณขนาดเท่าปล่องไฟโรงงานให้ "ตามรายงานบอกว่าเหยื่อเคสนี้มีคนเดียวนี่?"
"ผมเหมาเจ้ากรรมนายเวรหมอนั่นมาด้วย ไล่ก็ไม่ไป เสียเวล่ำเวลา" ไมเคิลตอบเป็นเชิงบ่น แม้สีหน้าท่าทางจะไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ก็ตาม
"สรุปว่าในนี้มีวิญญาณเท่าไหร่ครับ?" ท่าทางของผู้คุมสูทแดง ดูราวกับกำลังพยายามระงับอาการหัวเสียเต็มที่
"สักประมาณ 200 เห็นจะได้" ไมเคิลตอบหน้าตาเฉย แต่นั่นเองที่ทำให้คนฟังถึงกับควันออกหู
"นายบ้าไปแล้วเหรอ ได้เช็คดีหรือยังว่าแต่ละตนต้องไปชดใช้กรรมที่ไหนอีกรึเปล่า มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกตนจะลัดคิวลงนรกได้เลย อย่าทำให้ระบบมันเสียได้ไหม!" ผู้คุมสูทแดงโวยวายให้กับความเอาแต่ใจของไมเคิล
"นายก็แทงบัญชีว่าพวกนี้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของยมทูตไปสิ ผมมีงานต้องทำต่อ ขอตัวก่อนแล้วกัน"
ว่าแล้วไมเคิลก็วางเครื่องเก็บวิญญาณลงเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แล้วพาดาวเหนือวาร์ปกลับขึ้นมาบนโลกมนุษย์ทันที โดยไม่ได้สนใจว่าเจ้าเครื่องนั่นมันจะล้มใส่ผู้คุมหรือเปล่า
"เอ่อ... ทำแบบนั้นจะดีเหรอครับรุ่นพี่?" ดาวเหนือยิ้มฝืดๆ ให้กับเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ขนาดไมเคิลอารมณ์ดียังก่อเรื่องชวนปวดหัว แล้วถ้าอารมณ์ไม่ดีล่ะ ดาวเหนือไม่กล้าคิดเลยจริงๆ ว่าจะมีคมเคียวตกใส่หัวใครบ้างหรือเปล่า
"ดี!" ไมเคิลตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความ ทำเอายมทูตหนุ่มน้อยถึงกับพูดอะไรไม่ออก รวมทั้งเลือกที่จะไม่พูดอะไรเลยระหว่างการติดตามรองหัวหน้ายมทูตไปเก็บกวาดดวงวิญญาณตลอดระยะเวลา 12 ชั่วโมง
...จริงๆ แล้วดาวเหนือตั้งใจจะนิ่งเงียบต่อไปเท่าที่โอกาสจะอำนวย แต่ก็ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะลิขิตมาให้น้ำลายของเขาบูดได้เพียงเท่านี้
