บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 จ้องมองหุ่นแซ่บๆ

เมื่อเสวี่ยหมิ่นโดนชายหนุ่มจับมือเอาไว้ก็หันไปมองพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น

"คุณมีเรื่องอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่าคะ"

"เสวี่ยหมิ่นเล่าความจริงมาให้หมด" ชายหนุ่มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะเขาไม่เชื่อเรื่องที่หญิงสาวเล่ามาก่อนหน้านี้ทั้งหมด ใครๆ ก็รู้ว่าหญิงสาวได้ฉายาจอมโกหกของหมู่บ้าน

"ฉันไม่มีอะไรต้องเล่าค่ะ ความจริงก็เป็นอย่างที่คุณเห็นว่าแม่กำลังจะทำร้ายฉัน" เสวี่ยหมิ่นรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก คนอย่างเธอมันไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยหรือไง ทำไมเขาจะต้องมาซักไซ้ราวกับว่าเธอเป็นคนผิดด้วย ในเมื่อเขาก็เห็นว่าแม่ของเขาเข้ามาทำร้ายเธอก่อน

ทำไมเสวี่ยหมิ่นคนเดิมถึงต้องจับผู้ชายคนนี้เป็นสามีด้วยนะ ชายหนุ่มมีดีอะไรกัน บ้านก็ยากจน ทำไมถึงไม่ไปจับพวกชามข้าวเหล็กกันนะ ตอนเธอเข้าร่างมาจะได้สบายหน่อย มาเข้าร่างนี้แค่จะกินข้าวกับไข่ทอดสักฟองยังต้องทะเลาะกันบ้านแตก

"ใช่ค่ะพ่อ ย่าจะมาทำร้ายพวกเรา แม่เลยให้หลินหลินหลบอยู่ในห้อง" เด็กน้อยรีบวิ่งมาหาพ่อพร้อมกับเอ่ยฟ้องทันที

"หลินหลินไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก" หวังชิงปล่อยมือจากเสวี่ยหมิ่นแล้วเดินเข้าไปหาลูกสาวก่อนจะจับร่างเล็กหมุนไปมาพร้อมกับดูว่าเด็กน้อยได้รับอันตรายตรงไหนหรือเปล่า

"หลินหลินไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แต่แม่โดนย่าตี แม่คงจะเจ็บน่าดู" เด็กน้อยเอ่ยบอกพร้อมกับมองไปที่เสวี่ยหมิ่นอย่างรู้สึกผิด ถ้าหากว่าเธอไม่กินข้าวกับไข่แม่ก็จะไม่โดนย่าทำร้ายใช่ไหม

"แม่ของลูกโดนตีแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอก หลินหลินออกไปเล่นกับอาหาว อาเหยาก่อนนะ ป่านนี้อาสะใภ้เล็กคงไปรับทั้งสองคนกลับมาจากโรงเรียนแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง หลินหลินจึงรีบรับคำอย่างเชื่อฟังแล้ววิ่งออกไปนอกห้องทันที พอเหลือกันอยู่สองคนชายหนุ่มก็พยายามเอ่ยถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ไม่ว่าจะถามอย่างไร เสวี่ยหมิ่นก็บอกว่าตนเองไม่ใช่คนผิด นี่เขาจ้องจะจับผิดอะไรเธอนักหนา แม่กับน้องสาวของเขาต่างหากที่เป็นคนมาหาเรื่องเธอ ทำไมเขาไม่ไปซักไซ้เรื่องนี้กับแม่ของเขาล่ะ

"ก็บอกแล้วไงว่าฉันกับลูกหิวข้าวมาก แต่แม่ก็ล็อกตู้กับข้าวเอาไว้ ไม่ให้ฉันกินอะไรเลย ถ้าหากว่าฉันไม่ทุบกุญแจแล้วเอาข้าวออกมาหุงเอาไข่ออกมาทอด ฉันกับลูกก็คงจะต้องอดตาย" เสวี่ยหมิ่นพูดออกมาด้วยความโมโห ก่อนจะเดินหนีชายหนุ่มไปนั่งบนเตียง

"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ถือว่าจบเพียงแค่นี้ก็แล้วกัน แต่ถ้าหากว่ามีครั้งหน้าผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่" ชายหนุ่มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะเดินเลยหญิงสาวไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกไปจากห้อง

ผ่านไปสักพักร่างหนาก็กลับมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันกายอยู่ผืนเดียว หยดน้ำพราวระยับเกาะอยู่บนตัวของชายหนุ่ม เสวี่ยหมิ่นหันไปมองก็ต้องร้องอุทานในใจ ทำไมหุ่นของผู้ชายยุคนี้มันช่างเร้าใจเสียจริง ดูซิกแพคนั่นสิ ช่างน่าเอามือไปลูบไล้จริงๆ เลย แค่คิดน้ำลายของเธอก็แทบไหลแล้ว เสวี่ยหมิ่นถึงกับยกมือขึ้นไปเช็ดที่ริมฝีปากเพราะกลัวว่าน้ำลายมันจะไหลออกมาจริงๆ

"มองอะไรของเธอ" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงห้วนออกมาด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นสายตาแทบจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว เป็นผู้หญิงอะไรช่างไม่สำรวมเอาเสียเลย เห็นผู้ชายถอดเสื้อก็มองตาไม่กระพริบ

"ก็มองหุ่นของคุณไง น่ากินที่สุด" หญิงสาวเอ่ยบอกพร้อมกับจ้องไปที่ร่างหนาไม่วางตา

"ยัยผู้หญิงโรคจิต" ชายหนุ่มเอ่ยว่าหญิงสาวก่อนจะรีบหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ด้วยความกลัวว่าถ้าช้าไปกว่านี้อีกฝ่ายจะจับเขาปล้ำได้ ผู้หญิงอะไรไร้ยางอายจ้องมองผู้ชายถอดเสื้อผ้าตาเป็นมันขนาดนี้

เสวี่ยหมิ่นรู้สึกโมโหเล็กน้อยที่เขามาด่าว่าเธอเป็นโรคจิต ก่อนที่เธอจะทะลุมิติเข้ามามีแต่ชายหนุ่มๆ อยากจะให้เธอชื่นชมหุ่นกันทั้งนั้นแหละ เขาได้รับคำชมจากเธอก็น่าจะยินดีนะไม่ใช่มาด่าว่าเธอเป็นโรคจิตแทน

"ไปช่วยน้องสะใภ้เล็กทำกับข้าวได้แล้ว เธอจะมาอยู่บ้านมีหลังนี้โดยนั่งกินนอนกินไม่ได้หรอกนะ" เมื่อชายหนุ่มใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เอ่ยไล่ให้หญิงสาวไปทำอาหาร คิดจะอยู่บ้านหลังนี้ก็ต้องช่วยกันทำมาหากิน ถึงแม้ไม่ได้ออกไปทำงานนอกบ้าน งานในบ้านก็ต้องทำจะเลี่ยงไม่ได้

"ได้ค่ะ จะตั้งใจทำสุดฝีมือเลยล่ะ" หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงประชดประชันก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปและปิดตามหลังอย่างแรงจนชายหนุ่มกลัวว่ามันจะพัง

เสวี่ยหมิ่นเดินไปหาเจียงซินหยูที่ห้องครัว ก็เห็นร่างบางกำลังก้มๆ เงยๆ หาของในตู้กับข้าวอยู่

"ไม่ต้องไปมัวหาหรอก ในตู้เฮงซวยนั่นไม่มีของกินอะไรสักอย่าง" เสวี่ยหมิ่นเอ่ยบอกจบก็คิดว่าจะทำโจ๊ก เพราะยังมีข้าวเหลืออยู่นิดหน่อย มื้อนี้คงกินพอประทังชีวิตไปได้

ไม่คิดเลยว่าเธอที่กินดีอยู่ดีมาตลอดจะต้องมาอยู่อย่างอดอยากแบบนี้ ขนาดแค่ไข่ต้มสักฟองเดียวยังหากินได้ยาก

"ถ้าอย่างนั้นพี่สะใภ้ใหญ่ก็มาต้มเองละกัน ฉันจะไปทำอย่างอื่น" เจียงซินหยูเอ่ยขึ้น

"เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องทำคนเดียว น้องสะใภ้เล็กก่อไฟก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะต้มข้าวเอง" อย่าคิดว่าจะมาเอาเปรียบคนอย่างเสวี่ยหมิ่นได้นะ เป็นสะใภ้เหมือนกันก็ต้องช่วยกันสิ

"ก็ได้" เจียงซินหยูที่อยากจะหลบเลี่ยง เพราะไม่อยากจะทำอาหาร ทำได้เพียงรับคำอย่างจำใจ

เสวี่ยหมิ่นคิดว่าตนเองต้องอยู่ในยุคนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะต้องคิดวิธีหาเงินให้ได้ พอมีเงิน ความเป็นอยู่ของเธอกับลูกจะต้องดีขึ้นแน่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel