ตอนที่8
"เสร็จแล้วไปเอาผ้าของคุณหญิงมาซักด้วย ซักด้วยมือนะย่ะ เดี๋ยวเสื้อผ้าแพงๆ จะเสีย"
"ได้จ้ะพี่แวว" มุกดาถูกกดขี่ให้ทำงานสารพัดโดยที่เธอไม่ได้เงินค่าจ้างแม้แต่บาทเดียว
"สบายจังเลยโว้ย ไปทำผมดีกว่า" แววดาวหญิงรับใช้คนสนิทของคุณหญิงรัศมีที่ทำตัววางอำนาจกับมุกดาเดินยิ้มอารมณ์ดีออกจากห้องครัวไป
"เดี๋ยวเถอะ! นังแวว งานตัวเองไม่คิดทำ" ป้าสิตาหัวหน้าแม่บ้านตะโกนไล่หลังแววดาวเสียงดัง แต่อีกคนก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด
"ป้าตาคะ" มุกดาเอ่ยเรียกหัวหน้าแม่บ้านที่เป็นคนเดียวที่ยังคุยกับเธอเหมือนเดิม
"ว่าไง"
"ได้ข่าวเรื่องแม่บ้างไหมคะ" เธออยากรู้ว่าตอนนี้แม่ของเธอไปอยู่ที่ไหน ท่านยังคิดถึงเธอหรือเปล่า
"ข้าไม่รู้หรอก แม่เอ็งหายไปตั้งสิบปีแล้วนะ เลิกคาดหวังได้แล้วนังมุก" ป้าสิตาที่ดูเป็นคนพูดตรงๆ แต่ทุกคำพูดล้วนแต่เป็นเรื่องจริง ถ้าท่านจะกลับมารับเธอคงไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเป็นสิบปีแบบนี้
"ก็จริงนะคะ หนูคงจะเป็นภาระของแม่เขามั้งคะ เขาถึงได้ถึงหนูไป" นัยน์ตาเศร้าซึมไม่หลงเหลือความสดใสของมุกดาทำให้คนตรงหน้าอดสงสารไม่ได้
"ทำใจซะเถอะมุกเอ้ย!"
"เดี๋ยวหนูไปเอาผ้าคุณหญิงมาซักก่อนนะจ๊ะ" มุกดาแสร้งยิ้มแล้วรีบไปทำงานที่คั่งค้างเอาไว้ แม้จะไม่ใช่งานของเธอก็ตาม
ชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าหล่อคม สวมแว่นกันแดดสีดำเงยหน้ามองรั้งประตูบานใหญ่ซึ่งเป็นบ้านที่เขาไม่เคยกลับมาเหยียบตลอดสิบปีที่ผ่านมา
"หึ! ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนะ" มุมปากแสยะยิ้มมองบรรยากาศภายในรั้วบ้านที่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างยังอยู่ที่เดิม
"คุณคี! ว้ายตายแล้ว! คุณคีกลับมาแล้ว" แววดาวที่เพิ่งกลับจากร้านทำผมเดินบังเอิญเจอลูกชายคนเล็กของคุณหญิงรัศมีเข้าให้
"พี่แวว?" อัคคีถอดแว่นกันแดดมองคนตรงหน้าให้ชัดๆ
"ใช่ค่ะ พี่แววเอง จำได้ใช่ไหมคะ" แววดาวทำงานที่บ้านหลังนี้มาหลายสิบปี แถมเมื่อก่อนเธอยังเคยเป็นพี่เลี้ยงให้ปฐพีกับอัคคีด้วย ปัจจุบันอายุของเธอเข้าเลขสี่แล้วแต่ยังชอบให้ทุกคนเรียกว่าพี่ เพราะดูไม่แก่
"จำได้ครับ ว่าแต่ยังอยู่อีกเหรอครับเนี่ย?" คำทักทายของอัคคีทำเอาแววดาวสะอึกไปต่อไม่ถูก
"แหม่! คุณคีล่ะก็แววก็ต้องอยู่สิคะ จะให้แววไปไหนล่ะคะ"
"ไม่คิดจะไปทำอาชีพอื่นแล้วเหรอครับ?" อัคคียังคงความปากร้ายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
"ฮ่าๆ คุณคีมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนก่อนดีไหมคะ คุณหญิงน่าจะอยู่ในบ้านนะคะ" แววดาวทำทีหัวเราะกลบเกลื่อน ไปต่อไม่ถูกเมื่อเจอแต่ละคำถามของอัคคีตอกเข้าเต็มหน้า
ชายหนุ่มเดินอย่างผ่าเผย สง่างามเข้าบ้านหลังใหญ่โดยมีเหล่าสาวใช้มองกันตาไม่กะพริบ
"แม่ นั่นใครน่ะ" หญิงสาววัยกระเต๊าะเอ่ยถามผู้เป็นแม่ที่กำลังถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่เข้ามาในบ้าน
"คุณอัคคคี ลูกชายคนเล็กของคุณหญิงรัศมี"
"หล่อจัง คุณปฐพีว่าหล่อแล้ว คุณอััคคีหล่อกว่าอีก" หญิงสาวทำหน้าเคลิ้มฝันเมื่อได้เห็นความหล่อของอัคคี
"หยุดเพ้อเจ้อแล้วมาช่วยฉันยกกระเป๋าคุณหนูไปเก็บ"
"จ้าๆ" หญิงสาวรีบวางไม้กวาดแล้วช่วยผู้เป็นแม่ยกกระเป๋าเสื้อผ้าใหญ่เกือบเท่าตัว
"ตาคี ไหนบอกจะกลับวันอาทิตย์ไงลูก" คุณหญิงรัศมีรีบอ้าแขนกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้หายคิดถึง
"ผมเบื่อแล้วครับ เที่ยวจนรอบอังกฤษแล้วก็เลยกลับดีกว่า"
"กลับมาเร็วก็ดี ได้มาช่วยพี่เขาทำงาน"
"ผมยังไม่ทำครับ เพิ่งกลับมาขอเที่ยวก่อนสิครับแม่" อัคคีเป็นผู้ชายรักสนุก เขาไม่ชอบอะไรเดิมๆ ชีวิตเขาต้องมีสีสันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง เขาไม่เคยนอนกับใครเกินสามครั้ง
"ก็ได้ๆ แม่เคยขัดใจลูกหรือไง" คุณหญิงรัศมีรักลูกชายทั้งสองคนเท่ากัน แต่เธอมักจะตามใจลูกคนเล็กมากกว่าโดยที่เธอไม่รู้ตัว อาจเป็นเพราะอัคคีมีนิสัยเหมือนกับเธอ ไม่ว่าจะสอนอะไรก็ทำตามไม่เหมือนปฐพีที่ไม่ค่อยจะฟังที่เธอพร่ำสอน
"งานที่บริษัทพี่พีเอาอยู่ ผมมั่นใจ"
"แต่ลูกก็ต้องไปช่วยงานพี่เขาด้วยนะคี"
"ครับๆ ทราบแล้วครับ" อัคคีทำหน้าอ้อนผู้เป็นแม่ราวกับกลับไปเป็นเด็ก คุณหญิงรัศมีที่พอเจอลูกอ้อนของลูกก็โอนอ่อนให้ทุกที
ชายหนุ่มเดินออกมาที่สวนหลังบ้านเพื่อสูบบุหรี่ ควันสีขาวลอยฟุ้งอยู่บนอากาศ ก่อนที่สายตาจะพลันเห็นสิ่งที่น่าสนใจตรงหน้า
"หึ! ยัยเด็กกะโปโล" มุมปากเค้นยิ้มเจ้าเล่ห์ อัคคีจำมุกดาได้ดี เขาจึงทำทียืนหลบข้างต้นไม้ใหญ่รอจังหวะที่เธอเดินผ่าน
"ไงเด็กกะโปโล" คำทักทายแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร มุกดาเงยหน้ามองผู้ชายตัวสูงที่ยืนจ้องเธอก่อนจะเดินผ่านไป
"เฮ้ย! เดี๋ยวดิ" มือหนารีบทิ้งบุหรี่แล้วคว้าแขนเธอเอาไว้ด้วยความลืมตัว
"มีอะไรคะคุณคี" ร่างบางเรียกชื่อคนตรงหน้าที่ไม่ได้เจอหน้ากันนับสิบปี แต่เธอไม่เคยลืมเขาเลย
"จำฉันได้ด้วยเหรอ" ชายหนุ่มแอบภาคภูมิใจที่เธอจำเขาได้
"ค่ะ" มุกดาตอบแค่เพียงสั้นๆ ทำไมเธอจะจำเขาไม่ได้ ก็เพราะเขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเลย ถึงจะสูงขึ้นแต่ท่าทางการพูดยังคงเหมือนเดิม
"ไม่คิดว่ายังเจอเธออยู่ที่นี่" อัคคีพิจารณามองคนตรงหน้าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ มุกดาเปลี่ยนไปมาก ทรวดทรงองค์เอวของเธอไม่ใช่เด็กกะโปโลอีกต่อไป สงสัยเขาคงต้องหาคำเรียกเธอใหม่เสียแล้ว
"ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ" มุกดาทำเมินกับคำพูดของเขา ยิ่งทำให้อัคคีไม่สบอารมณ์ที่แกล้งเธอไม่สำเร็จ หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงร้องไห้งอแง แต่วันนี้กลับนิ่งไม่สนใจคำพูดของเขาเลย
"หยิ่งให้ได้ตลอดแล้วกัน!" ชายหนุ่มตะโกนไล่หลังเธอ แต่มุกดาหาได้สนใจไม่ ตลอดสิบปีที่ผ่านมาเธอเจอคำพูดเสียดแทงของทุกคนมาเยอะจนเธอชินชา ต่อให้เขาหาคำมาด่าเธอแรงกว่านี้เธอก็คงไม่ร้องไห้เหมือนเมื่อก่อน เธอไม่ได้แกร่งขึ้นเพียงแค่เธอเหนื่อยที่ต้องร้องไห้เท่านั้นเอง
