ตอนที่4
ครอบครัวที่อบอุ่นเกิดมีปากเสียงขั้นรุนแรงระหว่างสามีกับภรรยาที่แต่งงานอยู่ร่วมกันมาหลายสิบปี ลูกชายทั้งสองคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่เลือกที่จะแอบดูอยู่เงียบๆ
"ทำไมคุณทำแบบนี้คะคุณกิต!" คุณหญิงรัศมีขึ้นเสียงดังใส่สามี เธอรู้หมดแล้วว่าสามีแอบมีอะไรกับสาวใช้ในบ้านของตนเอง
"ผมทำอะไร" ผู้เป็นสามียังคงทำไม่ยี่หระ ไม่แสดงพิรุธให้ภรรยาจับได้
"คุณแอบคั่วอยู่กับอีนังคนใช้ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะคะว่าคุณแอบไปห้องมันมา" คำพูดของภรรยาที่รู้ความจริง ทำให้ท่านกิตติเถียงไม่ออก
"คุณพูดอะไรของคุณ..คุณหญิง" คนที่ทำความผิดเริ่มหาข้อแก้ตัวไม่ได้ ก็เพราะเขาทำจริงๆ เขาแอบมีอะไรกับสาวรับใช้ในบ้านจริงๆ
"ไปตามอีไหมมา!" คุณหญิงรัศมีออกคำสั่งเสียงดังกับแม่บ้านคนสนิทให้ไปตามขวัญไหมขึ้นมาที่บ้่นใหญ่
"มาแล้วค่ะ คุณผู้หญิง" หญิงรับใช้คนสนิทของคุณหญิงรัศมีลากแขนขวัญไหมมาก่อนจะผลักให้นั่งลง
"นี่! บอกดีๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องผลักเลย" หญิงสาวชักสีหน้าไม่พอใจที่ถูกผลัก เพราะเธอก็ถือว่าเป็นเมียอีกคนของคุณผู้ชายเหมือนกัน
เพลียะ! ฝ่ามือเรียวตบกระทบอย่างแรงเข้าที่แก้มขาวของหญิงสาวรับใช้ที่สามีไปติดพัน
"คุณหญิง!" ขวัญไหมแทบเลือดขึ้นหน้าที่จู่ๆ ก็ถูกตบจนหน้าหัน
"อีหน้าด้าน! แกมันร่าน!" คุณหญิงรัศมีชี้หน้าด่าเสียเทเสียทันทีที่เห็นหน้าขวัญไหม
"หยุดเถอะคุณหญิง" ท่านกิตติรีบห้ามปรามภรรยาให้หยุดด่าทอขวัญไหมเสียที
"แกมันกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา!" คุณหญิงรัศมีที่เคืองจัดกำลังโมโหจนหยุดไม่ได้
"เรื่องแบบนี้ปรบมือข้างเดียวมันก็ไม่ดังหรือเปล่าคะ" หญิงสาวยันกายลุกขึ้นประจันหน้ากับคุณหญิงอย่างไม่เกรงกลัว การปะทะกันระหว่างคุณหญิงเจ้าของบ้านกับสาวรับใช้จึงได้เริ่มขึ้น
"นี่! หยุดนะไหม! มันเป็นเพราะเธอให้ท่าฉันก่อนต่างหาก" ท่านกิตติพยายามเอาตัวรอดโยนความผิดให้ชู้สาว
"หึ! ทีตอนจะเอาไม่เห็นคุณท่านพูดแบบนี้เลยนะคะ มีแต่บอกว่าฉันลีลาดีกว่าเมียแก่ๆ ของคุณ" ขวัญไหมเค้นยิ้มอย่างน่าสมเพช เธอได้รู้เห็นสันดานมักมากไม่รู้จักพอของคนตรงหน้าแล้ว
"ต่ำ! อย่ามาพูดจาทุเรศในบ้านของฉัน!" คุณหญิงรัศมีตระกูลผู้ดีเก่ารับไม่ได้กับคำพูดแสนทุเรศของสาวรับใช้ไร้การศึกษา ซึ่งไม่ต่างจากสิ่งที่สามีของตนเองทำ
"ฉันไม่ใช่แค่พูดนะคะ แต่ฉันกับคุณท่านละเลงกันแทบทุกซอกทุกมุมในบ้านนี้แล้ว ห้องหนังสือ ห้องทำงาน หรือแม้แต่ห้องนอนตอนที่คุณหญิงไม่อยู่ ฮ่าๆ" หญิงสาวหัวเราะร่าด้วยความสะใจ แต่ดูเมื่อว่าชายต้นเรื่องจะไม่พอใจกับการกระทำของเธอเข้าแล้ว เธอไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องโดนไล่ออกอยู่ดี
"อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ มันเป็นเพราะเธอบังคับฉัน คุณต้องเชื่อผมนะคุณหญิง ผมไม่เคยนอกใจคุณเลย" ผู้เป็นสามีจับมือพยายามส่งสายตาอ้อนวอนให้ภรรยาเชื่อ คุญหญิงรัศมีที่รักสามีมากจึงเริ่มไขว่เขว่ แต่ก็ไม่อาจเชื่อทุกคำพูดได้เต็มร้อย
"เห็นแก่ตัวจริงๆ" ขวัญไหมกอดอกส่ายหน้าให้กับความเห็นแก่ตัวเอาตัวรอดของชายตรงหน้า แต่จังหวะที่เธอยกแขนขึ้นมาทำให้คุณหญิงรัศมีเห็นกำไลเพชรราคาแพงของตนเองที่หายไป แต่กลับอยู่บนข้อมือของคนตรงหน้า
"นี่แกขโมยกำไลฉันเหรอ!" คุณหญิงรัศมีจำได้ดี เธอคิดว่าลืมเอาไว้ที่งานเลี้ยงสมาคม กำไลนี้เธอตามหาอยู่นานจนเริ่มปลง
"ขโมยอะไรคะ คุณท่านซื้อให้ฉันต่างหากล่ะ" หญิงสาวรีบรวบกำไลข้อมือไว้แน่น เธอไม่ได้ขโมยเสียหน่อยถึงจะเคยคิดขโมยเครื่องเพชรในห้องคุณหญิงก็เถอะ แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น
"โกหก! นี่มันเป็นกำไลลิมิเต็ดของฉัน ไม่ขโมยแล้วไปอยู่ที่แกได้ไง!" คุณหญิงรัศมีจำได้ขึ้นใจ เพราะเป็นกำไลข้อมือที่เธอไปประมูลมาเมื่อเดือนก่อนและมีเพียงไม่กี่ชิ้นในประเทศ คนรับใช้เงินเดือนไม่กี่บาทอย่างขวัญไหมจะมีของแบบนี้ได้อย่างไรกันถ้าไม่ได้เป็นขโมย
"คุณท่าน! บอกไปสิคะว่าซื้อให้ฉัน" ขวัญไหมหันไปหาชายอีกคนที่ยืนนิ่งไม่เอ่ยตอบคำใด
"คุณกิตติ?" คุณหญิงรัศมีหันมาเค้นความจริงจากสามี
"ผมไม่รู้" คำตอบของคนตรงหน้าทำให้ขวัญไหมกำหมัดแน่น
"ไอ้หน้าตัวเมีย! แกมันก็มักมากสมแล้วที่มีเมียโง่ๆ แบบอีนี่!" ขวัญไหมด่ากราดสองสามี ภรรยาด้วยความเหลืออด
"อีไหม!" คุณหญิงรัศมียกมือเตรียมจะตบเข้าที่ใบหน้าของแม่บ้านสาวที่แอบเล่นชู้กับสามีของเธอ
"โอ้ย!" แต่ขวัญไหมกลับพลิกสถานการณ์ เธอผลักคุณหญิงรัศมีจนล้มหงายหลังก่อนจะวิ่งฝ่าด่านคนสนิทของคุณหญิงออกไป
"แววไปตามจับมันมา ฉันจะส่งให้มันตำรวจ" คุณหญิงรัศมีให้คนสนิทตามจับขวัญไหม แต่อีกคนกลับวิ่งออกจากบ้านหลังใหญ่ไปที่ห้องพักคนงานอย่างรวดเร็ว
"แม่รีบวิ่งไปไหนจ๊ะ" มุกดาที่เห็นแม่ถูกเรียกออกมายามดึกนึกเป็นห่วงจึงตามมาดู แต่เธอเห็นแม่วิ่งหน้าตาตื่นจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"หลบไปอีมุก เกะกะ!" ขวัญไหมผลักลูกสาวจนเซล้มในโพรงหญ้าข้างทาง เธอตัดสินใจวิ่งไปเก็บของมีค่าที่อยู่ในห้องใส่กระเป๋าแล้วหนีออกให้พ้นรั้วบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ โดยไม่พาลูกสาวอย่างมุกดาไปด้วย
"คุณหญิงคะ มันหนีไปได้ค่ะ" แม่บ้านที่ถูกเรียกยามวิกาลให้ช่วยกันตามหาขวัญไหม แต่ก็ไม่มีใครเจอเธอ ส่วนมุกดาที่ไม่รู้เรื่องราวทำได้แค่นั่งก้มหน้า เด็กหญิงวัยสิบขวบยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองโดนทิ้ง
"แต่มันไม่ได้พาลูกไปค่ะ มันทิ้งนังมุกเอาไว้" แม่บ้านคนสนิทของคุณหญิงกระชากตัวมุกดาให้ลุกขึ้นแล้วผลักจนล้มหน้าคม่ำ
"แม่หนูไปไหนคะ" มุกดาเอ่ยถามคุณหญิงรัศมีด้วยแววตาเศร้าสร้อย
"แม่แกมันขโมยของฉัน มันหนีไปแล้ว!" คุณหญิงรัศมีชี้นิ้วใส่หน้าเธอ ไม่ได้มีความสงสาร เวทนาเด็กสาวตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เธอกลับรู้สึกเกลียดมุกดาที่หน้าเหมือนขวัญไหมไม่มีผิดเพี้ยน
"ดิฉันว่าแจ้งตำรวจดีไหมคะ ให้ลูกมันรับผิดชอบแทน" แม่บ้านอีกคนเสนอความคิดให้แจ้งความอย่างน้อยๆ ก็ควรมีคนได้รับโทษ
"ผมว่าทำแบบนั้นมันเกินไปครับ" ปฐพีที่รู้เห็นเหตุการณ์เอ่ยขึ้นหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน ส่วนอัคคีที่นั่งอยู่ไม่ไกลทำหน้าไม่พอใจที่พี่ชายเข้าข้างสองแม่ลูกทั้งที่มีความผิด
"ตาพี นี่ลูกเข้าข้างพวกมันเหรอ"
"ผมไม่ได้เข้าข้างใครครับ ผมรู้ว่าสิ่งที่แม่ของมุกดาทำมันผิด แต่มุกดายังเด็กนะครับแม่ เธอไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย" ปฐพีรู้สึกสงสารมุกดาที่ถูกแม่แท้ๆ ทิ้งไปแบบนี้ แถมยังมีความผิดติดตัวทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำ เด็กผู้หญิงที่อายุแค่สิบขวบจะไปคิดร้ายกับใครได้
"แต่แม่มันขโมยของในบ้านเรานะลูก" คุณหญิงรัศมียังคงเคืองเรื่องเครื่องเพชรที่ถูกขโมยไป เพราะไม่ใช่แค่กำไลข้อมือ แต่ยังมีสร้อยคอและต่างหูเพชรอีกสองคู่ที่หายไป
"แม่ลองคิดดูนะครับ ถ้าเราแจ้งความคนอื่นๆ ก็จะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ทุกคนจะรู้ว่าพ่อ.." ปฐพีมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เขาไม่คิดเลยว่าพ่อของตนเองจะเป็นคนเช่นนี้ เขารู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่พ่อทำ
"จริงด้วยครับแม่ ถ้าคนอื่นรู้เข้าบ้านเราจะเสียชื่อได้นะครับ" อัคคีช่วยเสริมทัพพี่ชาย ทีแรกเขาเองก็ไม่พอใจกับการตัดสินใจของปฐพี แต่พอฟังเหตุผลเขาจึงเห็นดีเห็นงามไปด้วย เขาเองก็ไม่อยากให้ตระกูลของตนเองด่างพ้อยไปกับเรื่องชู้สาว
"ก็ได้ ฉันจะไม่แจ้งความ ส่วนแกนังเด็กเหลือขอ แกต้องทำงานชดใช้สิ่งที่แม่แกทำ เป็นคนรับใช้ไปจนตายนั่นแหละ!" คุณหญิงรัศมีชี้หน้าขึ้นเสียงดังใส่มุกดาที่นั่งสะอื้นไหล่สั่นก่อนจะเดินขึ้นห้องไป แม่บ้านพากันแยกย้ายกันกลับที่พักของตนเอง แต่สายตาของทุกคนที่มองเธอได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
"ฮึก..แม่จ๋า" มุกดากลับมาที่ห้องพักของตนเอง เสื้อผ้าข้าวของของผู้เป็นแม่หายไปหมด เหลือแค่ของเธอคนเดียว เด็กสาววัยสิบขวบนั่งกอดเข่าร้องไห้ตลอดทั้งคืนจนหลับไป
